เลื่อนครั้งละ 1 เซลล์ตามทิศทาง | |
+ | เลื่อนไปสุดทิศลูกศรหรือสุดเขตข้อมูล |
เลื่อนขึ้น, ลง 1 จอภาพ | |
+ หรือ | เลื่อนไปทางซ้ายหรือขวา 1 จอภาพ |
+ หรือ | เลื่อนไป Sheet ก่อนหน้าหรือถัดไป |
<Home> | เลื่อนไปต้นคอลัมน์ (ซ้ายสุดของแถว) |
<End> แล้วตามด้วย <Enter> | เลื่อนไปคอลัมน์สุดท้ายของแถว (ขวาสุดของแถว) |
เลื่อนไปเซลล์ถัดไป | |
+ | เลื่อนถอยกลับทีละเซลล์ |
<Ctrl> <Home> | เลื่อนไปเซลล์ A1 |
<Ctrl> <End> | เลื่อนไปเซลล์สุดท้าย |
เลื่อนไปตำแหน่งที่ระบุ | |
<Ctrl><Backspace> | เลื่อนกลับมายังตำแหน่ง Active Cell กรณีที่ได้เลื่อนจอภาพจนไม่เห็น Active Cell |
การเลื่อนแถบด้วย Scroll Bar | เลื่อนไปยังตำแหน่งและทิศทางที่ต้องการ ตามการเลื่อนของเมาส์ |
<Scroll Lock> <Home> | ไปมุมบนซ้ายของหน้าต่าง |
<Scroll Lock> <End> | ไปมุมล่างขวาของหน้าต่าง |
การดับเบิ้ลคลิกที่ขอบของ Cell Pointer | เป็นการเลื่อนตำแหน่ง Cell Pointer ไปยังสุดเขตข้อมูลตามขอบนั้นๆ เช่น ดับเบิ้ลคลิกที่ขอบล่างของ Cell Pointer จะเป็นเลื่อน Cell Pointer ไปสุดเขตข้อมูลด้านล่างสุดด้วย |
โปรแกรม Microsoft Excel มีความสามารถเด่นในด้านการคำนวณ ซึ่งมีลักษณะการคำนวณ 2 รูปแบบใหญ่ๆ ได้แก่
การคำนวณด้วยสูตร (Formula)
= ค่าที่1 เครื่องหมาย ค่าที่ 2 ...
ค่าที่ใช้ในการคำนวณ
ลำดับความสำคัญของเครื่องหมายการคำนวณ
การคำนวณด้วยคอมพิวเตอร์ จะมีรูปแบบที่แน่นอนเฉพาะตัว โดยอาศัยลำดับความสำคัญของเครื่องหมายการคำนวณ
ตัวอย่างสูตรการคำนวณ
=500*2% หมายถึง เอา 2 หารด้วย 100 แล้วนำผลลัพธ์ไปคูณกับ 500
=5+5*8 หมายถึง เอา 5 คูณ 8 แล้วนำผลลัพธ์ไปบวกกับ 5
=(5+5)*8 หมายถึง เอา 5 บวกกับ 5 แล้วนำผลลัพธ์ไปคูณกับ 8
=A2/100 หมายถึง เอาค่าในเซลล์ A2 หารด้วย 100
=A2+A3+A4+A5 หมายถึง เอาค่าในเซลล์ A2 บวกด้วยค่าในเซลล์ A3 บวกด้วยค่าในเซลล์ A4 บวกด้วยค่าในเซลล์ A5
การคำนวณด้วยฟังก์ชันโปรแกรม Microsoft Excel มีความสามารถเด่นในด้านการคำนวณ ซึ่งมีลักษณะการคำนวณ 2 รูปแบบใหญ่ๆ ได้แก่
ชื่อฟังก์ชันจะเป็นคำเฉพาะที่ Microsoft Excel กำหนดไว้ ซึ่งแบ่งเป็นหมวดหมู่ได้มากมาย เช่น
การใช้งาน
=ชื่อฟังก์ชัน(ค่า)
ค่าที่ใช้ในการคำนวณ
ค่าที่นำมาใช้ในการคำนวณ อาจจะเป็นค่าคงที่ เช่น 500 หรืออาจจะเป็นตำแหน่งเซลล์ เช่น A5 จะหมายถึงนำค่าที่ถูกเก็บไว้ในเซลล์ล์ ณ ตำแหน่งแถวที่ 5 คอลัมน์ A มาคำนวณ
คำนวณหาอายุงาน กระทำได้โดย
=YEAR(TODAY())-YEAR(I2) เป็นสูตรผสมในการค่าอายุงาน หน่วยเป็น "ปี" โดย
· today() เป็นฟังก์ชันหาค่าวันที่ปัจจุบัน (วันที่ของเครื่อง) · year(today()) เป็นฟังก์ชันผสม โดยฟังก์ชัน Year() จะหาค่า "ปี ค.ศ." ของฟังก์ชัน Today() เช่น ถ้าวันที่ของเครื่องเป็น 21 มกราคม 2545 ฟังก์ชัน Today() จะมีค่าเป็น 1/1/70 เมื่อนำมาผ่านฟังก์ชัน Year(today()) จะได้ค่าเป็น 2002 นั่นเอง · year(I2) เป็นการหาค่าปี ค.ศ. ของข้อมูลในเซลล์ I2 จากตัวอย่างข้อมูลใน I2 คือ 7 พฤษภาคม 2537 เมื่อผ่านฟังก์ชัน Year() จะได้ค่าปี ค.ศ. เป็น 1991 · ดังนั้น =YEAR(TODAY())-YEAR(I2) ก็จะเป็นการนำค่า 2002 ลบด้วยค่า 1991 ซึ่งเท่ากับ 11 (ปี) นั่นเอง เพิ่มเติมการหาอายุตัว (ปี) ก็ใช้หลักการลักษณะเดียวกัน
สรุปสูตรคำนวณเกี่ยวกับอายุ=YEAR(TODAY())-YEAR(ตำแหน่งเซลล์ของวันที่ที่ต้องการคำนวณ)ฟังก์ชันวันที่และเวลา (Date&Time)Excel ทำงานกับวันที่และเวลาตามเงื่อนไขต่อไปนี้
สูตรคำนวณอายุงาน (แบบเต็ม)
วันที่ปัจจุบัน =today()
ลบ
วันที่เข้าทำงาน g2
สูตรก็คือ =today() - g2 ผลลัพธ์คือ ผลต่างของจำนวนวัน 3778
365 วัน = 1 ปี
3778 วัน = 3778/365 ปี = 10 ปี
เศษที่ได้คือ จำนวนวันที่เหลือ = 128 วัน มาจาก (3778 - (จำนวนวันในรอบ 10 ปี)
=mod(3778,365)
=mod(today()-g2,365)
mod = modulus หารเอาแต่เศษ
30 วัน = 1 เดือน
=int((mod(today()-g2,365))/30)
int = interger แสดงเฉพาะจำนวนเต็ม (ไม่แสดงจุดทศนิยม)
128 วัน = 128/30 เดือน = 4 เดือน
เศษที่ได้คือ จำนวนวันที่เหลือ
หาจำนวนวันคือ
128 mod 30 = วันที่เหลือ
สรุปคำสั่งหาอายุงานแบบเต็ม
ปี =YEAR(TODAY())-YEAR(ตำแหน่งเซลล์)
เดือน =INT(MOD(TODAY()-ตำแหน่งเซลล์,365)/30)
วัน =MOD(MOD(TODAY()-ตำแหน่งเซลล์,365),30)
หมายเหตุ ตำแหน่งเซลล์ คือ ตำแหน่งเซลล์ของข้อมูล "วันที่เข้าทำงาน" เช่น G2
วิธีที่ 1 เรียงข้อมูลโดยจัดกลุ่มครั้งละ 3 เงื่อนไข และเรียงจากเงื่อนไขเล็กไปหาเงื่อนไขใหญ่ โดยแต่ละครั้งให้มีตัวเชื่อมการจัดเรียงด้วย เช่น มีข้อมูล ดังนี้ "ภาค, จังหวัด, อำเภอ, ตำบล, หมู่บ้าน, ชุมชน, รายได้" จะต้องกำหนดเงื่อนไขดังนี้
ไม่มีความเห็น