เดิมที่ในอดีตนั้นการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจมักจะเกิดขึ้นในช่วงสงครามและหลังช่วงสงคราม เช่น สงครามโลกครั้งที่ 2 โดยในช่วงส่งครามและหลังช่วงสงครามนั้น โรงงานและอุตสาหกรรมต่างๆ จะไม่สามารถผลิตสินค้าและออกมาจำหน่ายได้ตามปกติ ดังนั้นจึงทำให้ตลาดเกิดความต้องการสินค้าเป็นจำนวนมาก ประชาชนต่างขาดแคลนสินค้าในการอุปโภคและบริโภค แต่ในช่วงหลังๆ นั้นการเกิดวิกฤตมีการเปลี่ยนแปลงไป การเกิดวิกฤตเศรษฐกิจไม่ได้เกิดพร้อมกับสงคราม แต่มาจากการลงทุนต่างๆ เช่น วิกฤตสินเชื่อซับไพรม์ของสหรัฐอเมริกา โดยสหรัฐฯ ได้คิดตราสารที่มีความซับซ้อนให้ผลตอบแทนดี จนมีผู้ต้องการลงทุนมาก แต่ในภายหลังตราสารจากสินเชื่อมีความด้อยคุณภาพ จังทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจที่ลุกลามไปทั่วโลก เป็นต้น
วิกฤตการณ์เศรษฐกิจโลกนั้น ในความคิดของกระผม คาดว่าน่าจะมีแนวโน้มที่รุนแรงกว่าเดิม ซึ่งในปัจจุบัน ทั้งนักลงทุนในประเทศ นักลงทุนต่างชาติ สถาบัน รวมถึงกองทุนต่างๆ ที่แสวงหาผลตอบแทนที่สูง มีเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงมีผู้คิดค้นตราสารทางการเงินที่มีความแปลก ซับซ้อนมากขึ้น แต่ให้ผลตอบแทนที่สูง เพื่อที่จะตอบแทนผู้ที่ต้องการลงทุน ซึ่งหากในอนาคตมีตราสารประเภทนี้เกิดขึ้น และมีผู้ลงทุนมาก หากมีปัญหาเกิดขึ้น อาจจะส่งผลกระทบโดยรวมต่อเศรษฐกิจโลกได้ ดังคำกล่าวที่ว่า "ประวัติศาสตร์ มักซ้ำรอยเสมอ"
ไม่มีความเห็น