เหตุเกิด...ในร้านกาแฟ


ครับ..ถึงเวลาที่ผมจะต้องเดินกระมิดกระเมี้ยนเข้าไปนั่งเสียที ไม่ทันได้เลือกมุม..นั่งเสียชิดฝา แถมเก้าอี้ก็ต่ำตัวผมก็เตี้ย เวลานั่งจึงดูเหมือนหายไปจากจอเรด้า ไม่มีใครสนใจผมสักคน..

ถึงเวลาต้องเปลี่ยนสุขภัณฑ์ในบ้านแล้ว ร้านที่ผมเลือกซื้ออยู่ในห้างใหญ่ ใจกลางเมืองสุพรรณบุรี ที่นี่สินค้าแพงหน่อยแต่ได้มาตรฐาน ได้ของแท้และคงทน...แต่ผมก็ใช้ของไม่ได้นาน เพราะที่บ้านใช้น้ำบาดาล มีหินปูนกัดกร่อนสุขภัณฑ์ให้เสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ

วันนี้..ถึงคิวก็อกน้ำและฝักบัว ส่วนจะซื้ออย่างอื่นด้วยหรือไม่ ก็แล้วแต่คนในบ้านที่แลดูจะสุขสำราญกับการเดินห้างครั้งละไม่ต่ำกว่าชั่วโมง พอผมไปถึง..ก็รู้สึกอยากดื่มกาแฟร้อนขึ้นมาทันที เดินก้าวพ้นประตูห้าง... ร้านกาแฟอย่างหรูจะอยู่ซ้ายมือ ชื่อร้านภาษาอังกฤษ อ่านได้ไม่ชัดเจนเพราะติดอยู่ด้านหน้าในส่วนที่เลยประตูทางเข้าห้าง ด้านข้างร้านที่ผมยืนอยู่ ทำเป็นรั้วสีสดใส ไฟในร้านสลัวๆ แต่มองเห็นข้างในได้ว่ากว้างขวาง จัดวางเก้าอี้นวมน่านั่งเสียนี่กระไร..ว่าแล้วก็เดินไปเข้าห้องน้ำ..ก่อนที่จะเข้าไปนั่งให้นานๆ

เสร็จสรรพ..ก็ออกมายืนตรงหน้าทางเข้าร้านกาแฟ..ผงะถอยหลังหนึ่งก้าว ได้ยินเสียงพรวดพราด มีคนวิ่งกรูอยู่ในร้าน แจกันกระเด็น ตู้ขนมปังสั่นสะเทือน ตามด้วยเสียงกรี๊ดร้อง วี๊ดว้าย ..สิ่งที่ผมได้ยินเกิดขึ้นทีหลัง..แต่ภาพที่เห็นก่อนหน้านั้น..ผู้หญิงที่อาวุโสสุดในวัย ๓๐ ปีเศษ ในชุดฟอร์มของร้าน ใช้มือตบผู้หญิงสาวสวยอายุราว ๒๐ ปี ที่ใบหน้า แต่ไม่โดน..เธอคงไม่ถนัดใช้มือ แต่ถ้าเป็น..เท้า..ที่เธอถนัด งานนี้ไม่พลาด เธอถีบเต็มแรงไปที่หัวเข่าของหญิงสาว...ทันที

๑๐ วินาทีที่ผมยืนตะลึงพรึงเพริศ..ความคิดสับสน ระหว่างการจะยืนดู หรือจะอยากดื่มกาแฟต่อไป..ผมเลือกอย่างแรกเพื่อประกอบการตัดสินใจ... ก่อนเข้าไปนั่ง

หญิงที่สาว(สวย)กว่าฮึดสู้ ทั้งที่น้ำหนักเป็นรองหลายขุม ก็พอดีพระเอกขี้ม้าขาว กระโดดขวางทางมือและเท้าของเธอ..เขาเป็นชายหนุ่มรูปหล่อที่สุดในร้าน ตะโกนให้เพื่อนหญิงชายช่วยกันยื้อยุดฉุดนางเอกของเขาออกไปด้วย ทุกคนในร้านต่างปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย พร้อมคำพูดสองคำ..ที่ต่างพูดเหมือนๆกัน...หยุดเถอะ...พอแล้ว....

ครับ..ถึงเวลาที่ผมจะต้องเดินกระมิดกระเมี้ยนเข้าไปนั่งเสียที ไม่ทันได้เลือกมุม..นั่งเสียชิดฝา แถมเก้าอี้ก็ต่ำตัวผมก็เตี้ย เวลานั่งจึงดูเหมือนหายไปจากจอเรด้า ไม่มีใครสนใจผมสักคน..

ผมเพิ่งสังเกตเห็น โต๊ะข้างหน้าผม ที่ผมเพิ่งเดินผ่านมา เป็นผู้หญิงสาววัยไล่เลี่ยกัน คนหนึ่งอ่านนิตยสาร ข้างหน้ามีกาแฟ อีกคนเล่นโทรศัพท์ ข้างหน้ามีแก้วชาเขียวอยู่ค่อนแก้ว ขนมปัง ๒ - ๓ ชิ้นบนโต๊ะของพวกเธอ ยังหมดไปไม่มาก แสดงว่ามานั่งก่อนผมไม่ถึง ๑๕ นาที

เมื่อรู้สึกว่านั่งผิดที่ จะลุกเปลี่ยนที่ก็ทำได้ไม่ถนัด จึงมองเห็นแค่ส่วนใบหน้าของชายหนุ่ม ยืนมองหน้าผู้หญิงต้นเรื่อง ที่กำลังเคืองจัด..พูดไม่หยุด พูดไปด่าไป ไม่มีหอบ..

ผมเหมือนจะไม่สนใจ สอดส่ายสายตาออกไปนอกร้าน แต่หูก็ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ ได้ความว่า..."..หญิงสาวสวยระดับนางเอกของเรื่อง(ที่โดนตบและถีบ)..นินทาว่ากล่าวเธอ..ผู้อาวุโสกว่า เธอคิดว่าชายหนุ่มผู้เป็นญาติแท้ๆของเธอ(ผู้ซึ่งกำลังยืนคุมเชิง)เข้าข้างหญิงสาวทุกอย่าง มาสายก็ไม่ว่า สอนงานอะไรให้ก็เถียง แถมได้สิทธิพิเศษมากมายในร้าน....ท้ายที่สุด..เธอก็พยายามระบายความอัดอั้นตันใจ ในทำนองว่า..เอ็งน่ะรู้บ้างหรือเปล่า ว่าลับหลัง..แฟนของเอ็งไปไหนกับใคร..."

ผมเอี้ยวตัวมองหาหญิงสาวว่านั่งทำอะไรอยู่ที่ไหน ตู้ขนมปังบังอยู่ทำให้มองเห็นไม่ถนัด แต่ก็พอรู้ว่า เธอกำลังเล่นไลน์ หรือไม่ก็แช๊ตหาใครสักคน ก่อนจะวางมือ เอาลิปสติคมาทาปาก..สักพัก..ชายหนุ่มมองไปเห็นเข้า..รีบพูดขึ้นทันที ก่อนที่ญาติจะหมั่นไส้ขึ้นมาอีก...."แอน..ออกไปก่อน..."

แอนออกไป..พร้อมๆกับที่ผมลุกขึ้นยืน..เพื่อให้พนักงานในร้านเห็นว่า ผมเข้ามานั่งนานแล้ว ชายหนุ่มหันมาเห็นผม...จึงบอกคนในร้านให้มาหาลูกค้า..."คาปูชิโน....ครับ"

พนักงานสาวร่างท้วม ใบหน้ายังอยู่ในอาการมึนงง ลงมือชงกาแฟแบบไร้จิตวิญญาณ สายตาเธอสอดส่ายไปมา ผมว่าเวลานี้เธอน่าจะไปขายลูกชิ้นมากกว่า..

พนักงานเอาคาปูชิโนมาถึงโต๊ะผม ไม่ทันกลับหลังหัน...ยกสอง..ก็เริ่มขึ้น หญิงสาวที่ออกไปเดินปรี่มาที่หน้าร้าน ตะโกนก้อง ".......ทนไม่ไหว..แล้วโว้ย..." เท่านั้นเอง นาทีวิกฤติก็เริ่มต้นอีกครั้ง คราวนี้ หญิงผู้เป็นญาติของแฟนหนุ่ม ดิ้นหลุดจากการขัดขวาง วิ่งออกไปหมายจะตะครุบเหยื่อ แต่ไม่ทัน เหยื่อวิ่งหนีไปตั้งหลักหน้าห้าง..พนักงานในห้างและลูกค้า เริ่มแตกตื่น ต่างก็ร่วมเป็นสักขีพยาน..ยืนดูเป็นกลุ่มใหญ่..

ผมมองไม่เห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นที่หน้าห้าง แต่ภาพสุดท้ายที่ใกล้ตาที่สุด เป็นรถเก๋งที่ รปภ.เดินมาเปิดประตู และเห็นพนักงานร้านกาแฟทั้งหมดช่วยกันพยุงเพื่อนผู้อาวุโสขึ้นรถ..เคลื่อนออกไป เหมือนส่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่กลับกรุงเทพฯอย่างนั้นเลย

ลูกค้าผู้หญิงสองคนตรงหน้าผม ลุกขึ้นวางเงินไว้ที่โต๊ะสองร้อย แล้วเดินออกไป ....สักพัก..พนักงานหญิงคนหนึ่งกลับเข้ามาในร้่าน มองเห็นเงินแล้ว..สีหน้าไม่ค่อยสบายใจ..ผมก็ได้เวลากลับออกไปเหมือนกัน เสมือนว่าละครเวทีได้จบลงแล้ว..ส่งเงินแบ๊งร้อยให้พนักงาน..."...ไม่รับหรอกค่ะ..เจ้าของร้านบอกไม่ต้องคิดเงิน...ค่ะ" ....งานนี้กินฟรีดูฟรีว่างั้นเถอะ ผมคิดในใจ

ครับ..ในร้านกาแฟ ก็มีเรื่องราวให้เรียนรู้..ว่าความโกรธ..รุนแรงเหมือนพายุ ความโกรธทำให้ขาดสติ เราจึงไม่ควรโกรธใคร หรือทำให้ใครโกรธ ทุกครั้งที่จะโกรธ จงเตือนตนไว้เสมอว่า โกรธคือโง่..โมโห คือบ้า..ไม่อยากโง่ ไม่อยากบ้า ก็อย่าโกรธกันเลย...

ชยันต์ เพชรศรีจันทร์

บ้านทุ่งดินดำ/๑๓ เมษายน ๒๕๕๘

(ขอบคุณ..ภาพประกอบที่เพื่อนส่งมา..ไม่เกี่ยวข้องกับร้านกาแฟในเรื่องแต่อย่างใด)

</span></strong>

หมายเลขบันทึก: 588857เขียนเมื่อ 13 เมษายน 2015 20:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 เมษายน 2015 20:11 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

นี่ก้อ....เป็นอีก version หนึ่งที่ต้อง......รวมอีก ๑ เล่ม

ได้ดูละครสดหรือค่ะท่าน ผอ.

สนุกดี..ดูเขาตี..กัน..คนไทยชอบนวนิยายน้ำเน่า..ทำให้ดู..คนติดเรื่องราวแบบนี้กันทั้งประเทศ..เหตุการณ์ทางใต้..จึงไม่ส

บ..ซักกะที...๕...

เดี๋ยวเกษียณแล้ว อาจารย์เขียนเรื่องสั้น รวมเล่มได้เลยค่ะ สำนวนน่าอ่านจริงๆ แถมมีคติตอนท้ายด้วย สุดยอดเลยค่ะ

ผอ เล่าเสียเห็นภาพเลยครับ

เฮ้อ ดื่มกาแฟแบบนี้จะอร่อยไหมครับ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท