ข้อดี และข้อเสียของปุ๋ยเคมี และปุ๋ยอินทรีย์


ว่าด้วยการใช้ "ปุ๋ยเคมี" "ปุ๋ยอินทรีย์" และ "ระบบนิเวศน์ของดิน" เพื่อการปรับปรุงดิน

********************************
ในวงการวิชาการ ยังมีความสับสนในเรื่องการจัดการดิน ใน 3 ประเด็นนี้
และปัญหาใหญ่ คือการเน้นหลักวิชาการไปเข้าทางของระบบธุรกิจเกษตร ที่เป็นสาเหตุทำให้เกษตรกรไทย ต้องทำลายระบบการพึ่งพาตนเองที่เคยมีมาแต่โบราณกาล
แล้ว...... หันไปพึ่งพาปัจจัยภายนอก และกลายเป็นวิธีการทำมาหากินของระบบธุรกิจเกษตร
จนกระทั่งทำให้นักปลูกข้าว ปลูกมัน ปลูกอ้อย ปลูกยางพารา ฯลฯ ขาย เป็นหนี้เป็นสิน และเป็นทาสของระบบทุนนิยมอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
มีทางเลือก เหลือแค่ว่า........
จะเป็นทาสในระบบนี้ต่อไป หรือ กลายไปเป็นทาสของระบบทุนนิยมแบบอื่นๆต่อไปเท่านั้นเอง
-----------------------------------------------------
หลักวิชาการหนึ่ง ที่ว่าหลงทาง และทำให้ "เกษตรกร" กลายเป็น "ทาส" ของระบบธุรกิจเกษตร ก็คือ.....
การถือว่า ปุ๋ยเคมี มีสารประกอบ ธาตุอาหารตัวเดียวกันกับ สารอาหารและธาตุอาหารในดิน
ในหลักการทางเคมีนั้น ถ้าใครเรียนมาอย่างผิวเผินนั้น ใช่อย่างแน่นอน
แบบเดียวกับ ผงชูรส โซเดียมโมโนกลูตาเมต ก็เป็นเกลืออะมิโน ชนิดหนึ่ง ที่เป็นส่วนประกอบของโปรตีน ที่บางท่านอาจจะเชื่อว่า การบริโภคผงชูรสมากๆ และต่อเนื่องยาวนาน สามารถทดแทนการขาดโปรตีนได้
หรือการสูบบุหรี่ที่มีนิโคติน สามารถทดแทนการขาดวิตามินบี ได้ ประมาณนั้นเลยครับ
ถ้าท่านเชื่ออย่างนั้น ก็ลองปฏิบัติตัวดูครับ ได้ผลจริงๆ แล้วค่อยแนะนำคนอื่นต่อไป
แต่แท้ที่จริงแล้ว สารประกอบเหล่านี้ แม้ในทางเคมี จะคล้ายคลึงหรือเหมือนกับสารที่มีในธรรมชาติ ก็ไม่สามารถจะทดแทนสารจากธรรมชาติได้ทั้งหมด อย่างมากก็บางส่วนเท่านั้น
----------------------------------------------
ดังนั้น การใช้ปุ๋ยเคมี ก็เสมือนหนึ่งการใช้สารกระตุ้นการทำงานของร่างกาย ที่ได้ผลเร็วในระยะสั้นๆ ที่ต้องใช้บ่อยๆ จึงจะได้ผลในระดับหนึ่ง แต่การกระตุ้นยังไงก็ไม่ยั่งยืน และอาจจะไปทำลายระบบข้างเคียงให้เสียหายได้
การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ก็ดีขึ้นมาอีกหน่อย เสมือนการกินยาสมุนไพร หรืออาหารเสริม
จะไปเสริมการทำงานของระบบร่างกาย แต่ก็มิได้ทำให้ระบบร่างกายแข็งแรงได้โดยตรง แต่อาจจะช่วยได้แบบอ้อมๆ
ที่แตกต่างจากการพัฒนาระบบนิเวศน์ ที่จะทำให้เกิดระบบสำรอง และหมุนเวียนอย่างเป็นธรรมชาติ มีความมั่นคงและยั่งยืน พัฒนาต่อยอด และดูแลตัวเองได้ ได้ผลพลอยได้ให้สามารถเป็นที่พึ่งของสิ่งมีชีวิตอื่นๆ หรือเกิดระบบหมุนเวียนที่ไม่ทำลายได้อีกหลายระบบ
นี่ความแตกต่างของการจัดการที่ดิน ต่างระดับ และต่างเจตนา
กล่าวคือ การใช้ปุ๋ยเคมี จะได้ผลระยะสั้น และไม่ยั่งยืน เพราะมีการทำลายระบบนิเวศธรรมชาติไปในขณะเดียวกัน
การใช้ปุ๋ยอินทรีย์จะยั่งยืนกว่านิดหน่อย ตราบใดที่สารอาหาร และสารอินทรีย์ยังคงมีอยู่ในระบบนั้น
แต่ ระบบนิเวศน์ จะเป็นทั้งตัวสำรองและปลดปล่อย ให้ระบบข้างเคียงทำงานได้อย่างต่อเนื่อง
ที่เราขนานนามว่า มีความ อุดม แปลว่า มีมาก และสมบูรณ์ แปลว่า ครบถ้วน
รวมความว่าเป็น ความอุดมสมบูรณ์ (Fertility) ที่พร้อมจะเป็นที่เกิดของสิ่งมีชีวิตต่างได้เป็นอย่างดี
ที่ไม่สามารถทำได้โดยการใช้สารเคมี หรือ เพียงใช้สารอินทรีย์เป็นครั้งคราว
แต่ต้องเป็นระบบนิเวศ ที่พร้อมทุกอย่างตลอดเวลา จึงจะเรียกว่า ความอุดมสมบูรณ์อย่างแท้จริง
ผมเรียนมาทั้งในงานสอน งานวิจัย งานบริการสังคม และในชีวิตจริงของผม
ผมจึงได้ข้อสรุปมาแบบนี้ครับ

หมายเลขบันทึก: 588264เขียนเมื่อ 31 มีนาคม 2015 13:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 31 มีนาคม 2015 13:11 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

แล้วจะต้องทำอย่างไรให้ระบบนิเวศ จึงจะมีความพร้อมทุกอย่างตลอดเวลา ล่ะคะ อาจารย์

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท