๓. ตรวจพลังพระเครื่องทำได้จริงหรือเปล่า


คนส่วนมากอ่านบทความของข้าพเจ้าแล้วก็ไม่เชื่อ โม้หรือเปล่า? ตรวจพลังพระเครื่องทำได้จริงเหรอ? มโนเอาหรือเปล่า?

ข้าพเจ้าพูดไปคนไม่เชื่อก็ไม่เชื่ออยู่ดี คนที่เชื่อก็เชื่ออยู่ดี คนที่ไม่เชื่อจะกลับใจมาเชื่อก็คงเป็นเรื่องยากเพราะว่าในกมลสันดานซึ่งสะสมมานานหลายภพหลายชาตินั้นไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ก็จะทำให้จิตของพวกเขาไม่เชื่อ ต้องรอเวลา ต้องได้พบได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าอีกหลายองค์กว่าจะกลับใจมาสนใจเรื่องจิตวิญญานได้ ส่วนคนที่เชื่อเรื่องนี้ส่วนใหญ่ก็เชื่อมาเนิ่นนานหลายภพหลายชาติแล้ว ชาตินี้ก็เพียงแต่ได้ยินได้อ่านเพิ่มเติมอีกเท่านั้น ถ้าสนใจเพียรปฏิบัติเพื่อให้จิตหลุดพ้นจากกิเลสก็จะพ้นทุกข์ถาวรได้ ถ้ายังไม่อยากไป อยากอยู่กับโลกสมบัติก็ทำให้เนิ่นนานไปอีก แล้วแต่บุญแต่กรรมของคน ปราชญ์ฝรั่งพูดว่า มนุษย์ทุกคนมี Free Will หมายถึงมีอิสระที่จะคิด จะทำอย่างไรก็ได้ เพราะว่าพระเจ้าสร้างมาเช่นนั้น


คนที่ไม่่เชื่อเรื่องนี้ส่วนใหญ่ก็จะอ้างวิทยาการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งพิสูจน์ไม่ได้ว่าจิตวิญญานมีจริง เมื่อพิสูจน์ไม่ได้ก็ไม่เชื่อ ผมเองเรียนสายวิทยาศาสตร์มาโดยตลอด สนใจศึกษาอย่างลึกซึ้งในวิชาฟิสิกส์ (Physics) เรียกว่าทฤษฏีอะไรก็ศึกษาเรียนมาหมด จนกระทั้งไปถึงทางตันเรื่องทฤษฏี Every Things เรื่อง Quantum เรื่อง Standard Model ซึ่งนักฟิสิกส์พบว่ามันเป็นอะไรที่เกินจินตนาการ มีปรากฏการณ์แปลกๆที่อธิบายด้วยสามัญสำนึกไม่ได้เช่นปรากฏการณ์ Coupling, ปรากฏการณ์ Electron Tunnelling ซึ่งอาจจะอธิบายได้ด้วยวิทยาการทางจิตในอนาคตก็ได้ คนที่ไม่เชื่อเท่าที่ข้าพเจ้าพบมาส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์ลึกซึ้งแบบนี้ ส่วนใหญ่เป็นแบบไม่รู้เลยเกือบทั้งนั้นเพียงแต่ใช้เทคโนโลยีเป็นเท่านั้นเอง เช่นใช้สมาร์ทโฟนเป็น ใช้อินเตอร์เนตเป็นก็เท่านั้น เรียกว่ามีภูมิปัญญาแค่ "ผู้ใช้"


ตามหลักทางพุทธแล้วในบรรดาสิ่งมี (อภิธรรม) คือสิ่งที่ถือว่ามีอยู่ มีอยู่ ๔ สิ่งคือ รูป จิต เจตสิก และนิพพาน เรื่องทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมดคือเรื่อง รูป ในทางพุทธศาสตร์เท่านั้น ทางวิทยาศาสตร์ศึกษาเรื่อง สสารและพลังงาน ซึ่งก็คือเรื่องรูป รูปในทางพุทธศาสตร์หมายถึงสิ่งที่สามารถรับรู้ด้วยอายตนะ (ช่องทางของประสาท) มี ตา ลิ้น จมูก หู ผิวหนัง ซึ่งคู่กับ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ส่วนอายตนะตัวใจ ก็มีธรรมารมณ์เป็นตัวที่ถูกรับรู้ ส่วนตัว จิต เจตสิก และนิพพาน นั้นทางวิทยาศาสตร์ไม่รู้ ไม่สนใจ ไม่ศึกษา ซึ่งก็ถือได้ว่าไม่ได้ศึกษาในบรรดา "สิ่งมี" ทั้งหมด ดังนั้นการเชื่อถือวิทยาศาสตร์อย่างเดียวจึงเป็นการงมงายชนิดหนึ่ง มีอันตรายมากถ้าพัฒนาต่อจนเป็น มิจฉาทิฏฐิ ที่เชื่อว่านรกไม่มี สวรรรค์ไม่มี ทำดีทำชั่วไม่มี สมณะชีพราหณ์ที่ปฏิบัติจนบรรลุมรรคผลไม่มี แบบนี้จะมีอบายภูมิเป็นที่ไปหลังจากตายแล้ว


พระเครื่องเป็นอะไรที่มีพลังอยู่ในตัวอยู่แล้ว เพราะว่าผ่านพิธีกรรม และการปลุกเศกโดยพระที่มีพลังจิตมาก บางองค์เป็นพระอรหันต์ บางองค์บรรลุอภิญญา ปฏิสัมภิทา บางกรณีพระพุทธเจ้าทรงเสด็จมาเองด้วยซ้ำ ดังนั้นการตรวจพลังพระเครื่องจึงไม่ใช่เรื่องยากเพราะว่าองค์พระมีพลับอยู่แล้ว ใช้สมาธิเพียงเล็กน้อยก็สัมผัสพลังองค์พระได้ ถ้าพูดกันตามตำราก็บอกว่าใช้เพียงแค่ระดับขนิกสมาธิเท่านั้น (แปลว่าสมาธิเล็กน้อย) ข้าพเจ้ามั่นใจว่าใครก็ตามที่มาอ่านบทความนี้จะสามารถสัมผัสพลังองค์พระได้ เพราะถ้าท่านได้อ่านแสดงว่าท่านมีบุญมากล้นเกินพอที่จะทำของง่ายๆเช่นนี้ได้


บันทึกเมื่อ 31 มีนาคม 2558


หมายเลขบันทึก: 588257เขียนเมื่อ 31 มีนาคม 2015 09:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 31 มีนาคม 2015 09:54 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท