จากประสบการณ์ในการฝึกอบรม และพัฒนาคนของผู้เขียน ตั้งแต่ปี 2545 มีอยู่หลายบทบาท ได้แก่
บทบาทของทั้ง Facilitator, Coach และ Trainer ต่างสวมหมวกใบเดียวกัน คือ ทำหน้าที่ HRD ให้กับองค์กรนั้น โดยมีจุดมุ่งหมายคือ พัฒนาพนักงานให้มีความรู้ (Knowledge) ที่เพิ่มขึ้น ให้มีทักษะ (Skill) ในการทำงานที่เชี่ยวชาญขึ้น และให้มีทัศนคติ (Attitude) ที่ดีต่อการทำงาน และการทำงานเป็นทีม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของตนเอง หน่วยงาน และองค์กรให้สูงขึ้น
แต่ส่วนใหญ่สิ่งที่องค์กรส่วนใหญ่พบเจอในเรื่องผลที่ได้จากการฝึกอบรม ก็คือ ลงทุนค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมไปมากมาย แต่พนักงานไม่ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรเลย เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น
สิ่งสำคัญที่ขาดหายไปในงาน HRD คือ จุดมุ่งหมายที่จะพัฒนาพนักงานให้มีความคิด (Thinking) ที่เป็นระบบมากขึ้น ซึ่งคือ ส่วนสำคัญที่สุดที่จะส่งผลต่อการคิดแก้ปัญหา และคิดตัดสินใจในงาน เปรียบไปก็เหมือน Computer ที่ต้องมี CPU และ Program ที่ดีเพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างรวดเร็ว
ดังนั้นผู้เขียนจึงขอนำเสนอแนวคิดใหม่ในเรื่อง "TASK of HRD" จะต้องประกอบด้วย การพัฒนาใน 4 มิติแห่งการเรียนรู้
T – Thinking พัฒนาพนักงานให้มีความคิดที่เป็นระบบมากขึ้น
A – Attitude พัฒนาพนักงานให้มีทัศนคติที่ดีต่อการทำงาน และการทำงานเป็นทีม
S – Skill พัฒนาพนักงานให้มีทักษะในการทำงานที่เชี่ยวชาญขึ้น
K – Knowledge พัฒนาพนักงานให้มีความรู้ที่เพิ่มขึ้น
ซึ่งทั้ง 4 มิติแห่งการเรียนรู้จะขาดส่วนใดส่วนหนึ่งไปไม่ได้เลย เปรียบไปก็เหมือนกับฟันเฟืองที่จะคอยช่วยกันผลักดันให้เครื่องยนต์ขับเคลื่อนไปได้
นอกจากนี้แล้วเครื่องยนต์จะสามารถขับเคลื่อนไปได้ด้วยดี จะต้องมีน้ำมันหล่อลื่นที่ดีด้วยเช่นกัน
สิ่งสำคัญสำหรับคนที่สวมบทบาท HRD ก็คือ จะออกแบบกระบวนการเรียนรู้ (Learning Process) อย่างไร ให้เหมาะสมกับกลุ่มผู้เข้ารับการฝึกอบรม จะใช้เครื่องมืออะไรในการฝึกอบรมเพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายของการฝึกอบรมที่วางไว้
การเตรียมแผนการสอน (Lesson Plan) ที่ละเอียดว่าช่วงไหนจะบรรยายหัวข้ออะไร ช่วงไหนจะทำกิจกรรมอะไร เป็นเรื่องที่ดีที่ต้องทำเพื่อให้การฝึกอบรมมีคุณภาพ แต่อย่าไปยึดติดจนเกินไป จะต้องใช้หลัก "รับ-ปรับ-เปลี่ยน"
รับ คือ การสังเกต และรับฟังปฎิกิริยาของผู้เข้าอบรมว่ามีอาการเป็นอย่างไร
ปรับ คือ วางแผนปรับแผนการสอน โดยต้องพิจารณาที่แก่นของเนื้อหา (Core Content)
เปลี่ยน คือ ดำเนินการเปลี่ยนรูปแบบการสอน ให้เหมาะกับอาการของผู้เข้าอบรม
สิ่งสำคัญที่ผู้เขียนอยากจะเน้นย้ำก็กระบวนการเรียนรู้ที่ดีต้องปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับกลุ่มผู้เข้าอบรม แต่มิใช่การปล่อยไหลไปตามกระบวนการตามมีตามเกิด โดยที่ไม่ได้พิจารณาที่แก่นของเนื้อหา (Core Content) เลย
แก่นของเนื้อหา (Core Content) คือ สิ่งที่สำคัญที่สุดของงานฝึกอบรม พัฒนาบุคลากร
ซึ่งในการดำเนินชีวิตก็ต้องมีแก่นเช่นกัน ลองถามตัวเองดูว่า
"อะไร คือ แก่นของชีวิต? แห่งการดำรงอยู่อย่างมีความหมาย"
"นายเรียนรู้"
นายบุญเลิศ คณาธนสาร
สงสัยเหมือนกัน เราอบรมแล้วได้ผลดีกับคน
สามารถนำความรู้ไปพัฒนาตนเอง เห็นผลเพียง ร้อยละ