บทความรางวัลชนะเลิศเพชรยอดมงกุฏ เปิดมุมมองต่อเทคโนแครตของเด็กมอห้าคนหนึ่ง


"เทคโนแครต" ดูเป็นคำที่สูงส่งในบริบทการเมือง แน่นอนว่ามันดูดีกว่าคำว่า "นักการเมือง" ที่ดูจะมีความหมายเดียวกันกับคำว่า "คอรัปชั่น" ไปเสียแล้ว แต่ "เทคโนแครต" นั้นสูงส่งและเป็น "คนดี" จริงๆละหรือ?

บทความนี้เขียนโดย น.ส. ไนส์ มอ ห้า รางวัลชนะเลิศ เพชรยอดมงกุฎ เศรษฐศาตร์ มัธยมต้น (จัดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย) ใครว่าเด็กสมัยนี้ภาษาไทยอ่อนล่ะ

เทคโนแครตภายใต้ท็อปบู๊ต : ปัญญาชนผู้รักชาติหรือฟันเฟืองในระบอบอำนาจนิยม?

ในภาวะบ้านเมือง "ไม่ปกติ" เช่นนี้ ฉันสังเกตเห็นปัญญาชนหลายกลุ่มเข้าไปรับตำแหน่งในสภาตรายางของเผด็จการอย่างหน้าชื่นตาบาน พวกเขาเหล่านั้นมักอ้างความจำเป็นต่างๆนานา รวมไปถึงความรักชาติอย่างไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายของตนเอง และยังมีท่าทีราวกับว่าไม่ได้มีส่วนรู้เห็น หรือตกเป็นเครื่องมือเผด็จการ เพียงแต่อยากปราบ "นักการเมืองโกงกิน" เพื่อให้ประเทศเดินหน้าเท่านั้น (ฟังแล้วฉันก็อดนึกถึงวาทกรรม "ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง" ของกลุ่มทางการเมืองบางกลุ่มไม่ได้ ฉันเลยไม่ค่อยแน่ใจว่าเขาไม่มีสี ไม่มีฝ่าย จริงๆหรือเปล่า)

Meeting, Conference, Conference Room

ฉันไม่ได้ขัดศรัทธาอะไร หากคนเหล่านั้นจะเข้าไปเลียท็อปบู๊ตกันแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม เพราะไหนๆก็พูดกันแต่แรกว่าไม่อยากให้ "เสียของ" แต่ฉันรู้สึกเบื่อมากๆเวลาฟังคนพวกนี้พูดในทำนองว่า ตนเองก็ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร แต่เข้ามาเพราะเห็นแก่อนาคตประเทศ ราวกับสื่อเป็นนัยๆว่าคนที่คัดค้านอำนาจนอกระบบแบบฉันเป็นพวกมองไม่ทะลุ ตื้นเขิน และไม่เห็นแก่ประเทศชาติบ้านเมืองเอาเสียเลย

จากความรู้อันตื้นเขินของฉัน และการค้นคว้าแบบผาดๆอีกเล็กน้อย ฉันสังเกตเห็นว่า ยุคที่เทคโนแครตในประเทศไทยเฟื่องฟูล้วนเป็นยุคของเผด็จการทั้งสิ้น (ไม่ทราบว่า "บังเอิญ" หรือเปล่า) ความสัมพันธ์ทางอำนาจของเทคโนแครตและเผด็จการนั้นชัดเสียจนแม้แต่เด็ก ม.ปลายแบบฉันยังมองออก ฉันสงสัยว่าท่านไม่มีความละอายใจบ้างเลยหรือ จึงได้กล่าวว่าตนไม่ได้รับใช้เผด็จการ ในขณะที่เงินเดือนของท่านก็ได้มาจากเงินของเผด็จการ ที่ปล้นมาจากภาษีของประชาชนอีกทอดหนึ่ง

"เทคโนแครต" ดูเป็นคำที่สูงส่งในบริบทการเมือง แน่นอนว่ามันดูดีกว่าคำว่า "นักการเมือง" ที่ดูจะมีความหมายเดียวกันกับคำว่า "คอรัปชั่น" ไปเสียแล้ว แต่ "เทคโนแครต" นั้นสูงส่งและเป็น "คนดี" จริงๆละหรือ?

โดยส่วนตัวแล้ว ฉันไม่ค่อยให้ราคากับกลุ่มคนที่มักกล่าวอ้างถึงความดีของตนเองเท่าไหร่นัก และเมื่อสืบค้นย้อนกลับไป ความกักขฬะของเหล่า "คนดี" ก็ดูจะไม่ได้น้อยไปกว่า "คนเลว" เสียเท่าไหร่

สำหรับฉัน การโพนทะนาว่าตนเองเป็น "คนดี" จึงเป็นเพียงการแสดงความมือถือศากปากถือศีล (hypocrisy) ของตนเองเท่านั้น

"เทคโนแครต" มักมีความคิดที่ว่า ตนเป็นคนมีความรู้ความสามารถ เป็นขุนนางนักวิชาการ และลึกๆก็เชื่อว่าตนเองสูงส่งกว่านักการเมืองด้วยซ้ำ ด้วยทรรศนะที่ไม่สมาทานกับประชาธิปไตยเช่นนี้ เทคโนแครตจึงชื่นชอบกับระบอบเผด็จการ ถึงขั้นกล่าวยกย่องสมัยประชาธิปไตยครึ่งใบของพลเอกเปรมให้เป็น "ยุคทอง" ของเทคโนแครตเลยด้วยซ้ำ

เมื่อพวกเขาคิดว่าตนเองมีความรู้มากกว่าคนอื่น เขาย่อมอยากให้ผู้มีอำนาจนำนโยบายของเขาไปปฏิบัติ แน่นอนว่าการผลักดันนโยบายในระบอบเผด็จการซึ่งมีผู้มีอำนาจในการตัดสินใจเพียงไม่กี่คนย่อมทำได้โ้ดยง่าย ต่างจากระบอบประชาธิปไตยที่นโยบายของพวกเขาต้องผ่านกระบวนการซับซ้อน และกลายเป็นหนึ่งใน "ทางเลือก" ซึ่งไม่ได้มีความพิเศษไปกว่าความคิดเห็นของภาคส่วนอื่นๆ แต่ในทรรศนะของพวกเขาแล้ว ความคิดเห็นจากคนอื่นๆไม่มีทางเทียบชั้น "เทคโนแครต" ผู้มีปัญญาอย่างพวกเขาได้เลย แนวคิดเช่นนี้จึงเป็นปัญหาให้เทคโนแครตหลายท่านต้องออกมาสนับสนุนเผด็จการอย่างออกนอกหน้า เพราะมันเป็นทางเดียวเท่านั้นที่นโยบายของเขาจะถูกนำไปใช้โดยไม่ต้องลงทุนลงแรงที่จะโน้มน้าวประชาชนให้คล้อยตาม

แต่แน่นอนว่าพวกเขาไม่สามารถหลีกหนีประชาธิปไตยได้ตลอดไป แนวทางที่เทคโนแครตจะปรับตัวให้เข้ากับโลกสมัยใหม่ที่เป็นประชาธิปไตยได้นั้น พวกเขาควรเลิกเหยียบเรือสองแคม หันมายึดมั่นกับหลักการและพิจารณาถึงความชอบธรรมของอำนาจที่ตนรับใช้ การที่นโยบายของเทคโนแครตกลายมาเป็นเพียงทางเลือกหนึ่งของสังคม ไม่ได้เป็นการลดทอนคุณค่าของความคิดเหล่านั้น หากแต่เป็นการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเพื่อที่จะมั่นใจได้ว่าประเทศชาติได้เลือกทางเลือกที่ดีที่สุดในขณะนั้น เพราะความคิดเห็นของทุกคน ควรได้รับการพิจารณาอย่างเท่าเทียมกัน การได้รับการยอมรับจากประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของประเทศที่แท้จริงนั้นมีเกียรติกว่าการรับใช้เผด็จการอย่างมิอาจเทียบได้ การรับใช้เผด็จการเพื่อหวังจะพัฒนาประเทศท้ายที่สุดแล้วก็คือการกดขี่ประชาชน และไม่ได้นำไปสู่การพัฒนาที่แท้จริงเลย

ฉันหวังอยู่ลึกๆว่าเหล่า "เทคโนแครต" จะตระหนักถึงความจริงข้อนี้ และเห็นคุณค่าของการอยู่ร่วมกันในระบอบประชาธิปไตยเสียที

*อนึ่ง บทความนี้มิได้หมายความเจาะจงถึงบุคคลใดเป็นกรณีพิเศษ กรุณาใช้วิจารณญาณและขันติธรรมในการรับฟัง*


ขอบคุณเฟสของ " เต่านา "

หมายเลขบันทึก: 587418เขียนเมื่อ 14 มีนาคม 2015 11:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 มีนาคม 2015 11:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

คม สำหรับเด็กมอ๕ ค่ะ

ต่อไปน่าจะเป็นนักเขียนคอลัมม์การเมืองได้ทีเดียว

การกดขี่ประชาชน และไม่ได้นำไปสู่การพัฒนาที่แท้จริงเลย.....เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ

เด็กน้อยเขียนได้ดีมากเลยครับ

ทึ่งๆครับ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท