หยุดการทำงานที่สำคัญน้อยลง ให้มีความชัดเจนเกี่ยวกับกลยุทธ์ มีการสร้างระบบการคัดเลือกโครงการ และประกาศยุติขั้นตอนที่มีการใช้พลังงานสูงในปัจจุบัน
กับดักการเร่ง
The Acceleration Trap
พันเอก มารวย ส่งทานินทร์
[email protected]
14 มีนาคม 2558
บทความเรื่อง
กับดักการเร่ง (The Acceleration Trap) นำมาจากบทความเรื่อง The Acceleration Trap:
It's not just individuals who burn out—companies do, too. ประพันธ์โดย Heike Bruch และ Jochen I. Menges ในวารสาร Harvard Business Review, spring 2015
ผู้ที่สนใจเอกสารแบบ PowerPoint (PDF file) สามารถ Download ได้ที่
http://www.slideshare.net/maruay/the-acceleration-trap
บทสรุปย่อสำหรับผู้บริหารระดับสูง
- เมื่อบริษัทต้องเผชิญกับเงื่อนไขทางการเงินและความกดดันของตลาด พวกเขามักจะตัดวงจรการสร้างนวัตกรรมให้สั้นลง บริษัทอาจประสบความสำเร็จมากขึ้นในเวลาน้อยลง แต่พวกเขากลับพบว่า วิธีการทำแบบใหม่จะไม่ยั่งยืน ถ้าผู้นำตอบสนองโดยการเพิ่มแรงกดดัน จะเป็นการแก้ที่อาการแทนสาเหตุ ทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้าย อัตราความผิดพลาดมากขึ้น บุคลากรอ่อนเพลีย และมีการลาออกของพนักงานที่ดีที่สุด ทำให้บริษัทมีผลประกอบการแย่ลง
- หลังจากที่ได้ศึกษากว่า 600 บริษัท ผู้ประพันธ์ระบุปรากฏการณ์ที่เกิดนี้ว่าเป็น กับดักการเร่ง (acceleration trap) ที่มีสาเหตุสามรูปแบบคือ: การทำงานหนักเกินพิกัด การทำงานหลายพิกัด และการทำงานที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา (overloading, multiloading, and perpetual loading)
- เพื่อให้หลุดพ้นจากกับดักนี้ บริษัทควรยุติงานที่ใช้พลังงานสูงในปัจจุบัน และเพื่อหลีกเลี่ยงกับดักในอนาคต บริษัทควรยุติงานเล็กน้อยที่ไม่สำคัญ มีความชัดเจนเกี่ยวกับกลยุทธ์ และระบบการคัดเลือกโครงการ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการเร่ง มีเวลานอก เพื่อให้พนักงานมีเวลาสำหรับการฟื้นฟู และจัดระยะเวลาของความสงบระหว่างวิกฤต
ความเครียด (stress) เป็นสิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ในชีวิตที่ทันสมัย
- ความเครียดชนิดที่ดีเรียกว่า "Eustress" เป็นการเติมเต็มเราด้วยความตื่นเต้นและความคาดหวัง เสมือนเป็นการเติมเชื้อเพลิงความปรารถนาที่ต้องการจะบรรลุ
- ความเครียดชนิดที่ไม่ดี (Distress) ทำให้เรามีอาการเจ็บปวดและความวิตกกังวล ถ้าเป็นอยู่เวลานาน จะส่งผลต่อการปฏิบัติงาน ด้านสุขภาพ และความสัมพันธ์ส่วนบุคคล
- จากการศึกษาโดยสถาบันความเครียดของอเมริกา ความกดดันจากการงาน เป็นสาเหตุของความเครียดในสหรัฐอเมริกา มีค่าใช้จ่ายถึง $ 300,000,000,000 ต่อปี ในการดูแลสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับความเครียดและการทำงาน
การเผชิญกับแรงกดดันในตลาด
- บริษัทมักจะทำให้มากขึ้นกว่าที่พวกเขาสามารถจัดการได้ มีการเพิ่มจำนวนและความเร็วของกิจกรรม เพิ่มเป้าหมายการดำเนินงาน ตัดวงจรการสร้างนวัตกรรม และนำเทคโนโลยีหรือระบบการจัดการใหม่มาใช้องค์กร
- ในขณะที่พวกเขาประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยม แต่บ่อยครั้งเกินไปที่ผู้บริหารสูงสุด พยายามทำให้ก้าวใหม่นี้เป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่โดดเด่นของความสำเร็จที่มากเกินไป จะส่งผลกระทบร้ายแรง
- ไม่เพียงแต่จะสร้างความว้าวุ่นให้พนักงาน แต่จุดเน้นของบริษัทจะกระจายไปในทิศทางที่แตกต่างกัน ซึ่งสร้างความสับสนให้กับลูกค้าและเป็นภัยคุกคามต่อตราสินค้า
กับดักการเร่ง
- เมื่อตระหนักถึงสิ่งที่ผิดพลาด บ่อยครั้งที่ผู้นำระดับสูงพยายามที่จะแก้ที่อาการแทนสาเหตุ
- การตีความว่าเกิดจากพนักงานขาดแรงจูงใจ เป็นความเกียจคร้าน หรือต้องการประท้วงความไม่ยุติธรรม ทำให้เรื่องยิ่งเลวร้าย มีการลาออกของพนักงานที่ดีที่สุด
- เราเรียกปรากฏการณ์นี้ว่าเป็น กับดักการเร่ง (acceleration trap) มันเป็นอันตรายต่อบริษัทในหลายระดับ เกี่ยวกับประสิทธิภาพ ผลของการทำงาน และการคงอยู่ของพนักงาน
การอยู่ในกับดัก
- จากการศึกษามากกว่า 600 บริษัท ในระยะเวลาเก้าปีที่ผ่านมาเพื่อที่จะเข้าใจเรื่องการเร่ง
- ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า บริษัทที่มีการเร่งมากเกินไป 60% ของพนักงานสำรวจเห็นด้วยหรือเห็นด้วยอย่างมากว่า พวกเขาขาดทรัพยากรเพียงพอในการทำงาน เปรียบเทียบกับ 2% ของบริษัทที่ไม่ได้ติดกับดัก
ผลการวิจัยที่พบ
- ผู้ตอบแบบสอบถามจากบริษัทที่ติดกับดักเห็นด้วยกับคำตอบที่ว่า "ผมทำงานภายใต้ความกดดันสูงอย่างต่อเนื่องเวลา" (80% เมื่อเทียบกับ 4%) และ "ลำดับความสำคัญของบริษัทของฉันมักเปลี่ยน" (75% เมื่อเทียบกับ 1%)
- ผู้ตอบแบบสอบถามบริษัทที่ติดกับดักไม่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งว่า พวกเขาเห็นแสงที่ปลายอุโมงค์ (83% เมื่อเทียบกับ 3%) และบอกว่าพวกเขามีโอกาสที่จะทำอะไรใหม่ ๆ (86% เมื่อเทียบกับ 6% )
อุปนิสัยที่เปลี่ยนแปลงบ่อย
- บริษัทที่มีการเร่งจัดเกินไป แสดงอย่างน้อยหนึ่งในสามรูปแบบของกิจกรรมการทำลายล้าง
- รูปแบบแรกคือ ทำกิจกรรมมากเกินไป (overloaded) ทำให้พวกเขาไม่มีเวลา หรือมีทรัพยากรที่จำเป็นในการทำงาน
- รูปแบบที่สองคือ กิจกรรมที่หลายหลากเกินไป (multiloading) บริษัทขอให้พนักงานทำกิจกรรมหลายชนิดมากเกินไป ทำให้พนักงานและบริษัทเลื่อนลอย และมีกิจกรรมที่ไม่สอดคล้องกัน
- รูปแบบสุดท้ายคือ การเปลี่ยนแปลงกิจกรรมอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา (perpetual loading) การทำแบบนี้ทำให้พนักงานไม่มีความหวังในการพักผ่อนใด ๆ หรือการพักเพื่อเติมพลังงาน
การหลุดออกจากกับดัก
- หากบริษัทติดอยู่ในกับดักการเร่ง มีหลายวิธีที่จะทำลายกับดักคือ:
- หยุดการทำงานที่สำคัญน้อยลง ให้มีความชัดเจนเกี่ยวกับกลยุทธ์ มีการสร้างระบบการคัดเลือกโครงการ และประกาศยุติขั้นตอนที่มีการใช้พลังงานสูงในปัจจุบัน
หยุดการกระทำ
- แทนที่จะถามว่า ขอให้พนักงานเสนอคำแนะนำที่เป็นความคิดริเริ่มใหม่เพื่อปรับปรุงบริษัท ทำไมไม่กลับคำถามเสียใหม่? คือ ขอให้พนักงานช่วยกันคิดว่า ควรจะยุติกิจกรรมใด?
- พนักงานมักจะตอบสนองด้วยการให้คำแนะนำที่ดี ๆ
- หมั่นถามตัวเอง ผู้จัดการ และทั้งบริษัทว่า : "กิจกรรมในปัจจุบันที่เราควรจะเริ่มต้นตอนนี้คืออะไร?" จากนั้นกำจัดกิจกรรมอื่น ๆ ทั้งหมด
มีความชัดเจนเกี่ยวกับกลยุทธ์
- ให้ถามว่า อะไรคือสิ่งที่เราควรหยุดทำ? แล้วยกเลิกงานที่ไม่จำเป็น ผู้นำสูงสุดต้องใช้ความอดทน เพราะโครงการที่ต้องถูกยุติอาจจะมีเจ้าของที่อยู่ในตำแหน่งสูง ดังนั้นผู้บริหารสูงสุดจะต้องมีการเตรียมพร้อมที่จะเหยียบเท้ากันบ้าง
- ในท้ายที่สุด การเลือกที่จะเก็บหรือจะยุติโครงการ ให้พิจารณาว่ากิจกรรมนั้นสนับสนุนกลยุทธ์ที่สำคัญของบริษัทโดยตรงหรือไม่
- ดังนั้น กลยุทธ์ดังกล่าวจะต้องเข้าใจกันอย่างชัดเจนทั่วทั้งบริษัท
ตัดสินใจว่าจะต้องทำการตัดสินใจ
- ไม่ใช่ว่าทุกโครงการสนับสนุนกลยุทธ์ที่สำคัญของบริษัท ดังนั้น บริษัทจำเป็นต้องมีระบบในการตัดสินใจทางเลือกที่ยากเหล่านั้น
ประกาศความวุ่นวายสิ้นสุดแล้ว
- ถ้ากับดักการเร่งนั้น ไม่ได้ประกอบด้วยโครงการที่มากมาย แต่ความวุ่นวายยังมีไม่หยุดหย่อน ผู้บริหารสูงสุดสามารถคลี่คลายสถานการณ์ในบริษัท โดยการประกาศการสิ้นสุดของการเปลี่ยนแปลง
การป้องกันกับดักในอนาคต
- เพียงหลุดเป็นอิสระจากกับดักไม่เพียงพอ ผู้บริหารควรสถาปนาการหยุดการริเริ่มดำเนินการ (stop-action initiatives) โดยการลดจำนวนเป้าประสงค์ (goals) ของบริษัท มีระบบการอนุมัติโครงการอย่างระมัดระวัง และมีการกรองความคิดต่าง ๆ
- บางบริษัทมีการอำนวยความสะดวกในการยุติโครงการ โดยการสร้างวัฒนธรรมการฝัง (burying culture)
สถาปนาการทำความสะอาดฤดูใบไม้ผลิ
- คือระยะเวลาที่ผู้จัดการทุ่มเทให้กับการปัดกวาด เป็นนิสัยที่ดีของการเลือกสรรการริเริ่มต่าง ๆ (initiatives)
- แน่นอนว่ามันไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นในฤดูใบไม้ผลิจริง แต่ควรอยู่บนพื้นฐานประจำปีอย่างเคร่งครัด
- บางบริษัท มีการสร้างตารางเวลาของการทำความสะอาด (housecleaning) เพื่อเป็นการตัดสินใจว่า พวกเขาจะทำความสะอาดทุกครั้งที่งานหรือกิจกรรมดูล้นหลาม หรือก่อนที่จะเริ่มขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงใหม่
จำกัดเป้าประสงค์ประจำปี
- การจำกัดจำนวนของเป้าประสงค์ที่กำหนดในแต่ละปี เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการระเบิดของกิจกรรมอย่างมากมาย
- เพื่อช่วยการลดเป้าประสงค์ ความมุ่งมั่นที่เห็นได้จากผู้บริหารสูงสุดเป็นสิ่งที่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริษัทที่ใช้ การจัดการโดยวัตถุประสงค์ (management by objectives)
- ผู้นำจะต้องช่วยให้ผู้จัดการ เข้าใจวัตถุประสงค์ และคุณค่าของการเน้นที่เป้าประสงค์เพียงไม่กี่ประการ
- และช่วยเหลือพวกเขาในการใช้กฎระเบียบใหม่
การคัดกรองโครงการใหม่
- เป็นการคัดกรองโครงการใหม่ที่บริษัทมีมากเกินไป โดยมากผู้บริหารสูงสุด มักส่งเสริมให้คนทำโครงการมีความรู้สึกสบาย ๆ
- แต่ผู้บริหารสูงสุด ควรจะต้องมีระบบการบริหารจัดการโครงการ ที่มีการกลั่นกรอง และจัดลำดับความสำคัญของโครงการด้วย
- ในตอนต้นของการพิจารณาโครงการ ผู้จัดการโครงการควรถามว่า: เรามีทรัพยากรเพียงพอสำหรับโครงการนี้หรือไม่ ใครจะเป็นผู้นำและเป็นเจ้าของ สิ่งที่โครงการอื่น ๆ จะต้องยุติ เพื่อสนับสนุนโครงการนี้คืออะไร?
แนะนำ วัฒนธรรม "การฝัง"
- การยกเลิกโครงการ ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดที่รุนแรง ไม่เพียงแต่เจ้าของโครงการ แต่ยังรวมถึงคนในระดับต่ำกว่าที่ได้ตรากตรำกับมัน
- ในบริษัทที่ให้คุณค่ากับความมุ่งมั่นและความน่าเชื่อถือ ผู้จัดการและพนักงาน มีแนวโน้มที่จะรู้สึกละอายใจ ที่ได้รับการบอกให้หยุดการทำงาน ในสิ่งที่พวกเขาได้ใส่หัวใจและจิตวิญญาณของพวกเขาในนั้น
-
วัฒนธรรมการฝัง (burying culture) เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับบริษัทที่มีการสร้างนวัตกรรมสูง เมื่อมีการเริ่มต้นทีละหลาย ๆ โครงการ เพื่อดูว่าโครงการใดจะเจริญเติบโตได้ดี
การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการเร่ง
- การป้องกันการเจริญเติบโตของกิจกรรมใหม่ ๆ ที่มากเกินไป เป็นเพียงแง่มุมหนึ่งของการหลีกเลี่ยงกับดักการเร่ง
- การเปลี่ยนแปลงในวัฒนธรรมการเร่ง ของบริษัท เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญ
การมุ่งเน้นไปที่สิ่งหนึ่งเท่านั้นสำหรับระยะเวลาที่จำกัด
- บริษัทสามารถใส่โครงการสำคัญตามกลยุทธ์ ลงใน blinders สำหรับในระยะเวลาที่กำหนดไว้ โดยไม่มีการรบกวน
- ความคิดเห็นต่าง ๆ สำหรับโครงการในอนาคต จะมีการเก็บรวบรวมไว้ แต่ทุกคนต้องเข้าใจว่า รายการดังกล่าวจะไม่ได้รับการกล่าวถึงก่อนเดือนกันยายน
การสถาปนาเวลานอก
-
เวลานอก (Timeouts) เป็นช่วงเวลาที่อนุญาตให้มีความคิดสร้างสรรค์และมีการสำรวจ
- เพื่อให้พวกเขาเตรียมความพร้อมทั้งจิตใจและอารมณ์ สำหรับขั้นตอนต่อไปของการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
- มีการระบุความยาวของเวลานอก ยกตัวอย่างเช่น การประกาศให้มีการพักเป็นเวลาหกเดือนสำหรับการริเริ่มใหม่ หรือมีการประวิงเวลาเป็นปีจากการเปลี่ยนแปลงขององค์กร
การชะลอตัวลงเพื่อเพิ่มความเร็ว
- ถ้าการใช้เวลานอกเป็นการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงมากเกินไป บริษัทอาจใช้ระบบแทรกช่วงเวลาของ ความสงบ การฟื้นฟู และการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ระหว่างขั้นตอนที่ต้องใช้พลังงานสูง
ดื่มด่ำกับความสำเร็จ
- บริษัทส่วนใหญ่ไม่ได้เฉลิมฉลองความสำเร็จ พวกเขาคิดว่าความสำเร็จของโครงการคือการตอบแทนในตัวเอง มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น ความสำเร็จและความพยายามที่โดดเด่น สมควรได้รับการรับรู้ โดยการใช้เวลาสักครู่เพื่อสะท้อนให้เห็นความรู้สึกภูมิใจในความสำเร็จ
- ช่วงเวลาเหล่านี้เป็นของหายาก และบ่อยเกินไปผู้นำล้มเหลวในการเฉลิมฉลอง พวกเขาต้องการให้วิ่งไปข้างหน้าอย่างเต็มความเร็ว เพื่อเข้าไปในอุโมงค์ต่อไป
เป็นแบบอย่างพฤติกรรมที่ดี
- ผู้บริหารควรเป็นแบบอย่างที่ดี สำหรับการเพิ่มพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และมีความมุ่งมั่น
- บิล เกตส์ ใช้การพักผ่อนในกระท่อมสำหรับ "สัปดาห์การคิด" (think week) ในทุกฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง การทำเช่นนั้นทำให้เขาได้มุ่งเน้นเฉพาะธุรกิจที่มีความสำคัญกับการเลือกทิศทางใหม่ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และช่วยเขาไว้จากการถูกรุมเร้าอย่างต่อเนื่องกับความคิดใหม่ ๆ เมื่อเขากลับมาเผชิญกับธุรกิจประจำวัน เขารู้สึกสดชื่น แม้ว่าเขาจะได้ทำงานอย่างเข้มข้นในช่วงสัปดาห์พักของเขา
- ทุกวันนี้ หลายสิบของนักคิดที่ยิ่งใหญ่ไมโครซอฟท์ ทำตามรูปแบบนั้น และ สัปดาห์การคิด ได้กลายเป็นแบบปฏิบัติในไมโครซอฟท์
การใช้ระบบข้อเสนอแนะ
- ข้อเสนอแนะช่วยเปลี่ยนวัฒนธรรมการเร่ง
- พนักงานได้รับแบบประเมินเป็นรายเดือนจากผู้บริหาร ว่าได้ใช้มาตรการการพักผ่อนอย่างเพียงพอหรือไม่
- พนักงานยังได้กรอกแบบประเมินตนเองรายเดือนในประเด็นเดียวกัน ระบบนี้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่เด่นชัด
- พนักงานมองหาอาการของการใช้แรงงานและการเร่งในตนเองและเพื่อนร่วมงานของพวกเขาที่มีมากเกินไป ทำให้พวกเขามีความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ (การเร่งแบบสุดโต่ง)
พลังงานที่ยั่งยืน
- จะเป็นการดี ที่บริษัทจะถูกขับเคลื่อนโดยสิ่งที่เราเรียกว่า พลังงานที่ยั่งยืน (Sustaining energy) ซึ่งเป็นการเร่งที่สนุกสนานในหมู่พนักงานโดยที่ไม่รู้สึกเหนื่อยล้า
- ผู้บริหารสูงสุดหลายคนจับจังหวะที่เหมาะนี้ได้ เช่นในช่วงการเจริญเติบโตความเร็วสูงและการสร้างนวัตกรรม หรือในสถานการณ์วิกฤติ โดยที่พนักงานทั้งหมดมีแรงจูงใจอย่างสูง เพื่อการบรรลุเป้าหมายที่สำคัญ
- แต่ถ้าผู้นำเกิดความโลภ เรียกร้องความเร่งด่วนในระดับเดียวกันทุกวัน พลังงานจะมอดลง และประสิทธิภาพการทำงานจะลดลง แม้พนักงานจะยังคงมีความกล้าหาญ
สรุป คำแนะนำที่ดีที่สุด
- นี่เป็นคำแนะนำที่ดีที่สุดที่เราสามารถให้กับผู้บริหารสูงสุด:¡อย่าเร่งบริษัทของคุณอย่างต่อเนื่องจนเกินขีดจำกัดของมัน การเร่งความเร็วอย่างไม่หยุดยั้ง นำไปสู่การสูญเสียจุดเน้น ทำให้ไม่สามารถควบคุมกิจกรรมที่มีอย่างมากมาย ส่งผลให้องค์กรเกิดความเมื่อยล้า และเกิดความเหนื่อยหน่าย
- จงตระหนักถึงทุกเบื้องหลังการเกิดขึ้นของทุกความพยายามและการทำงาน เพื่อให้แน่ใจว่าระดับพลังงานมีความยั่งยืน
- ในที่นี้หมายถึงว่า แม้ทุกสิ่งจะเป็นไปได้อย่างราบรื่น พึงระมัดระวังสัญญาณว่า บริษัทกำลังจะลื่นไถลไปในกับดักการเร่ง
************************************************