อดๆอยากๆเสียบ้าง...ก็ดีเหมือนกัน (5-19)

...เป็นอันว่า การอดๆอยากๆ ซึ่งแต่ก่อนนี้เป็นคำที่มีความหมายไปในทางลบ แต่ปัจจุบันเราต้องหันกลับมาใช้ชีวิตแบบ "อดๆอยากๆ" เพื่อสุขภาพที่ดี....เสียแล้วล่ะ...

ปัจจุบันมีแพทย์และนักโภชนาการและผู้ที่เชื่อและนิยมด้านแพทย์ทางเลือกและการดูแลสุขภาพด้วยวิถีธรรมชาติ (Holistic Health Care) ออกมาบอกเล่าถึงความสำคัญของการ "อดเพื่อสุขภาพ" ว่าส่งผลดีต่อสุขภาพมากกว่าการกินอย่าง อิ่มหมีพีมัน ล้นเกินทุกมื้อ

การอดเพื่อสุขภาพส่งผลดีต่อสุขภาพอย่างไรนั้น หลายท่านที่สนใจคงได้อ่านผ่านตามามากแล้ว แต่ผู้เขียนอยากเล่าสู่กันฟังโดยเปรียบเทียบง่ายๆ ไม่ต้องอ้างอิงทางวิชาการให้ยุ่งยากว่า วิถีปกติของเราก็คือ การกินอาหารที่มีคุณค่า การออกกำลังกาย การพักผ่อนให้พอเพียง การขับถ่ายให้เป็นปกติ การรักษาอารมณ์ให้ผ่องใส ฯลฯ บ้างก็ว่า 4 อ. 5 อ. 6-7-8-9 อ. แล้วแต่จะให้ความสำคัญกับเรื่องอะไร แต่ต้องยอมรับว่าหลักๆแล้ว ก็คือ เรื่องกิน อยู่ หลับนอน (พักผ่อน) ผ่อนพัก (ออกกำลังกาย) นั่นเอง

เรื่อง " การกิน" นั้น คนไทยอยู่ในแหล่งอาหารที่หลากหลายและอุดมสมบูรณ์ จนเดี๋ยวนี้คนไทยโดยเฉพาะในเมืองหลวง หลายคนมีน้ำหนักเกินมาตรฐาน (อ้วน) จนเกิดธุรกิจ Fitness อาหารเสริมและยาลดความอ้วน ฯลฯ ดูๆ ไปแล้ว อ้วนแต่กลับไม่แข็งแรง เพราะโภชนาการล้นเกินจากการกินเกินความต้องการ เรื่อง "การพักผ่อน" ขึ้นกับบุคคล "การขับถ่าย" ก็เช่นเดียวกัน ส่วนการรักษาอารมณ์ให้ผ่องใส มีเทคนิคผ่อนคลาย คลายเครียดต่างๆ เผยแพร่มากมาย แต่...น้อยเท่าน้อยที่จะสนใจเรื่อง "การอดเพื่อสุขภาพ"

การอดเพื่อสุขภาพ (Fasting) เป็นศาสตร์ที่รู้จักและนิยมใช้ในหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มชาวมุสลิมซึ่งมีเทศกาลถือศีลอดทุกปี กลุ่มธรรมชาติบำบัด มีการ Fastingเป็นระยะๆ เช่น Fasting 1 วันในรอบสัปดาห์ นอกจากนี้ Fasting ยังมีหลายประเภท เช่น Fasting ด้วยผลไม้เพียงชนิดเดียว, Fasting ด้วยการกินผักผลไม้เท่านั้น, Fasting ด้วยการดื่มน้ำผักผลไม้, Fasting ด้วยน้ำเปล่า, Fasting ด้วยน้ำสมุนไพร จนไปถึงการไม่ดื่มไม่กินอะไรตลอดวัน (Dry Fasting) ทั้งนี้การเลือก Fasting ด้วยวิธีการใด ต้องคำนึงถึงสุขภาพของแต่ละคนเป็นสำคัญ ต้องพิจารณาเลือกให้เหมาะสมกับตัวเอง และควรค่อยทดลองทำแบบค่อยเป็นค่อยไป จนได้วิธีที่เหมาะสมกับตัวเองในที่สุด

คราวนี้มากล่าวถึง ข้อดี/คุณประโยชน์ของการอดเพื่อสุขภาพ อธิบายง่ายๆ ว่า Fasting ทำให้ร่างกายหลายระบบได้พัก การทำงานของร่างกายนอกจากการขับเคลื่อนทำงานไม่มีวันหยุดของสมอง หัวใจ กล้ามเนื้อ ฯลฯ ซึ่งเป็นกิจกรรมงานพื้นฐานแล้ว งานหนักหนึ่งของร่างกายคือ "การย่อยอาหาร การกำจัดของเสีย" นี่เอง (ก็คนเรากินกันวันละอย่างน้อย 3 มื้อ) กินเข้าไปก็ต้องย่อย ต้องขับของเสียออกจากร่างกายอีก แม้ยามกลางคืนใกล้จะนอนก็ยังคงกินๆๆๆๆ กันไม่หยุดหย่อน (ทำงานหนักจริงๆ) การหยุดกินหรือการกินอาหารเพียงชนิดเดียวทำให้ระบบย่อยและระบบขับถ่ายของเสียได้ทำงานน้อยลง ได้พักฟื้นฟูตัวเอง และยังมีข่าวดีคือเมื่อไม่ต้องใช้พลังงานไปกับการย่อยและกำจัดของเสีย(ที่กินเข้าไป) ร่างกายอันแสนมหัศจรรย์ก็จะมีเวลาไปค้นหาและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกาย ซึ่งในเวลาปกติ เขามีงานที่มากมายจนไม่มีเวลาในการ "ซ่อมแซม" ร่างกายเท่าไรนัก นอกจากนี้ยังมีแนวคิดซึ่ง "นพ.โยะชิโนะริ นะงุโมะ" ชาวญี่ปุ่นเขียนหนังสือชื่อ "ยิ่งหิว ยิ่งสุขภาพดี" ได้กล่าวถึง "การอด" ว่า การปล่อยให้ร่างกายหิวจนท้องร้องจ๊อกๆ จะกระตุ้นให้ยีนส์ชื่อ "เซอร์ทูอิน" ซึ่งเขาเรียกว่าเป็นยีนส์อดอยาก ยีนส์คุ้มกัน ยีนส์ฟื้นฟู จะออกมาฟื้นฟูช่วยให้ร่างกายอ่อนเยาว์และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ส่งผลให้เรามีสุขภาพดีขึ้นและยังอ่อนเยาว์ไม่แก่เกินวัยอีกด้วย

คราวนี้พอเห็นภาพแล้วนะคะว่าเพราะอะไร การอดเพื่อสุขภาพ(Fasting) จึงเป็นสิ่งจำเป็น ลอง Fasting ดู ในวันรุ่งขึ้นเราจะสังเกตได้เลยค่ะว่า รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นมากค่ะ

เล่ามาถึงตรงนี้...ก็นั่งอมยิ้ม....

เป็นอันว่า การอดๆอยากๆ ซึ่งแต่ก่อนนี้เป็นคำที่มีความหมายไปในทางลบ แต่ปัจจุบันเราต้องหันกลับมาใช้ชีวิตแบบ "อดๆอยากๆ" เพื่อสุขภาพที่ดี....เสียแล้วล่ะ
เฮ้อ...ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อนะคะ

ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพดีค่ะ...☺

เขียนใน GotoKnow โดย หยั่งราก ฝากใบ
ใน ปกิณกะและสุขภาพ

คำสำคัญ (Tags): #การอดเพื่อสุขภาพ#fasting#ยิ่งหิว ยิ่งสุขภาพดี#นพ.โยะชิโนะริ นะงุโมะ#สุขภาพ

หมายเลขบันทึก: 586653เขียนเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2015 20:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 ตุลาคม 2018 09:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่าน