ดิฉันไปเยี่ยมแม่เมื่อบ่ายแก่ๆ วันเสาร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2558 ไปถึงบ้านก็เย็นแล้วแม่กำลังนอนหลับ เมื่อน้องสาวรู้ว่าดิฉันจะมาก็สั่งซื้อปลาดุกอุยและปลาหมอกลมจากชาวบ้านที่วิดบ่อเอาไว้ ย่างปลาดุกตัวอ้วนๆ เอาไว้ให้ ตอนที่ไปถึงเพิ่งย่างปลาดุกได้ 3 ตัว หลังทำปลาดุกย่างเสร็จก็ย่างปลาหมอขนาดตัวกำลังกินให้ต่อ
ปลาดุกย่าง
ช่วงเวลานี้ที่บ้านแม่เขาเรียกว่าหน้าแล้ง หญ้าที่เคยขึ้นสูงรกตา ก็ไม่ค่อยมีให้เห็น ในสวนจึงเดินได้สบาย ดิฉันเข้าไปดูต้นมะม่วงน้ำดอกไม้ในสวนเห็นมีลูกเล็กๆ มากมาย ที่ร่วงหล่นอยู่บนพื้นดินใต้ต้นก็มี นึกถึงสมัยที่ยังเป็นเด็กเราพี่ๆ น้องๆ กับลูกสาวของอาที่บ้านอยู่ใกล้กันมักชอบไปเก็บลูกมะม่วงที่หล่นอยู่ใต้ต้นไม่ว่าลุกจะเล็กหรือใหญ่ก็เก็บหมด ลูกเล็กๆ ก็เอามากินกับน้ำพริก เดี๋ยวนี้ไม่มีใครสนใจเก็บลูกมะม่วงที่หล่นอีกแล้ว เด็กๆ มีของกินที่หาซื้อได้สะดวกต่างจากสมัยก่อนมาก
ผักที่น้องสาวปลูกไว้ใกล้บ้าน เก็บได้หลายอย่าง วันนั้นดิฉันเก็บถั่วฝักยาว ยอดชะอม ลูกน้ำเต้าอ่อน มะม่วงอ่อน (เผื่อเอามาใส่น้ำปลากินกับปลาย่าง) คนที่ดูแลแม่เก็บยอดผักบุ้งจากในบ่อเลี้ยงปลามาให้กำใหญ่ เพื่อนบ้านเอาฟักทองมาฝากไว้ให้ 1 ลูก ลูกไม่ใหญ่มากแต่เนื้อเหนียวมันอร่อย
ส่วนหนึ่งของผักสดจากข้างบ้าน
เรากินข้าวเย็นกับปลาย่าง แกงเหลืองปลาสำลีใส่หน่อไม้ดองที่ดิฉันเอาไปจากบ้านที่กรุงเทพฯ ตอนเย็นน้องสาวไปสอยดอกและยอดสะเดาให้อีก ก่อนหน้านี้น้องสาวเล่าว่าเก็บดอกสะเดามัดเป็นกำๆ ขายได้ตั้ง 400 บาท คนที่ซื้อเอาไปขายต่อที่ตลาดในกรุงเทพฯ
สะเดาที่มีทั้งดอกและใบอ่อน
วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2558 ลูกสาวพาหลานชายสองคนมาเยี่ยม เพื่อนและแม่เพื่อนของลูกสาวก็มา ดิฉันเลยทำเมนูอาหารเย็นเป็นปลาดุกย่าง-สะเดาลวก-น้ำปลาหวาน in trend ในหน้าสะเดาออกดอกพอดี น้ำปลาหวานที่ทำเองครั้งนี้ออกจะเหนียวไปและเปรี้ยวไปหน่อย เมื่อกินสะเดากับน้ำปลาหวานก็พบว่าไม่รู้สึกถึงรสขมของสะเดาเลย
ปลาดุกย่าง-สะเดาลวก-น้ำปลาหวาน
ผัก-ปลาธรรมดาๆ ที่เราเคยกินสมัยเป็นเด็กๆ ที่บ้านนอกกลายเป็นอาหารเมนูพิเศษที่กรุงเทพฯ ในปัจจุบัน
วัลลา ตันตโยทัย
บันทึกเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2558
สะเดานี่ผมชอบมากเลยครับ เห็นรูปแล้วหิวข้าวเลยครับ
มีโอกาสเมื่อไหร่จะเอาสะเดาไปฝากนะคะอาจารย์ธวัชชัย
ขอบคุณครับอาจารย์ :-)
น้ำลายหยด ขอตัวไปทานข้าวเย็นก่อนนะคะ ^_,^