วันที่สิบสี่-เหลิง หลง ลง
วันเสาร์ ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
วันนี้มีภารกิจพิเศษไปขับรถพา แม่รีไปเยี่ยมโบโซ่ พร้อมกับแม่ชีอีกท่านหนึ่ง ที่เหลือก็ทำภารกิจปกติ
พอชีวิตเริ่มขึ้นก็ปลุกเด็ก ๆ ไปทำอาหารถวายพระ เด็ก ๆ ดูสนุกสดใสกันมากเวลาทำกับข้าว พอรับข้าวที่ลานธรรมเสร็จการเดินทางก็เกิดขึ้น เราคุยกันถึงการเดินทางครั้งก่อนด้วยความประทับใจ แวะเติมน้ำมัน แล้วก็แวะทานอาหารระหว่างทาง ทำให้การเดินทางครั้งนี้ใช้เวลานาน พอไปถึงได้เยี่ยมและมีเวลาอย่างอิสระ ระลึกถึงครู เก็บภาพส่งรายงานความคืบหน้า แม่รีคุยกับน้อง อย่างคุ้นเคย แล้วก็ให้น้องคุยกับครู ใช้เวลาพอสมควร แล้วก็ไปติดต่อเรื่องเอกสาร รับคำแนะนำจากพยาบาล ได้ความรู้และได้เรียนรู้ว่า การทำงานกับผู้ป่วยจิตเวท คนทำงานต้องใช้ความเข้าใจอย่างมาก แล้วก็ขับรถกลับ แปลกใจกับตนเองรอบนี้รู้สึก เหนื่อย ถามแม่รี เพิ่นก็ว่าเหนื่อย ส่วนแม่ชี ก็น่าจะเหนื่อยเพราะหลับ ได้คิดกับตนเองว่า ครั้งก่อนครูมาด้วย พลังความสดใสเบิกบานของท่านดึงให้ใจทุกคนขึ้นและมีความสุขเบิกบาน รอบในท่านก็ไม่ได้ละเลย คอยส่งกำลังใจ ให้พวกเราได้เรียนรู้ อีกอย่าง นึกถึงคำครูว่า
"ผู้ป่วยจิตเวทคือ คนที่พ่ายแพ้ต่อกิเลสตนเอง"
ถ้าเราปล่อยให้อารมณ์ครอบงำเรื่อย ๆ ก็มีอาการแบบผู้คนเหล่านี้เป็นที่หมาย ถ้าตั้งใจรักษาสติเดินตามเส้นทางที่ครูบาอาจารย์ชี้ด้วยศัรทธาก็จะมีเส้นทางเจริญรอยตามพระพี่ชายเป็นที่หมาย เสียงย้ำกับตนเองอยู่ข้างในระหว่างขับรถกลับ
ครูเมตตาชี้ให้ไปกราบหลวงปู่ จากที่ล้า ๆ รู้สึกมีกำลังขึ้น แล้วก็พาแม่รีมารายงานแม่ครู ซึ่งโดยส่วนใหญ่แม่รีเป็นผู้รายงาน กลับเข้ามาตามเด็ก ๆ แล้วก็ไปส่งแม่รี ก่อนเข้ามาปัดกวาดในสำนักแม่ชี
ทบทวนกับตนเอง รู้สึกเพลียจัง ทำไม คงเพราะมันถูกชม จิตมันยังลงร่องเดิม เหลิง หลง ลง
พอกวาดตาดเสร็จเหมือน พลังคืนกลับมาอีกครั้ง เหมือนได้ออกกำลังกาย
นึกย้อนตอนไปกราบเรียนครู ท่านก็เมตตาชี้ จิตที่มันหลง ทำให้หนูกลับมาทบทวน ต้องระวังตนเองมากกว่านี้ เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เดี๋ยวจะพลอยไปสร้างปัญหา
วันนี้ประทับใจอีกเรื่องครูเมตตาส่งข้อความบอกว่า
ไม่มีทำวัตรรวม ตามอัธยาศัย รู้สึกชุ่มในใจถึงความเมตตาและใส่ใจที่ครูส่งมาถึงเสมอ ๆ แต่พอเวลาผ่านไปท่านส่งข้อความมาว่า ไฟวิหารเปิดอาจจะมี หนูตัดสินใจออกไปสำรวจดูก่อน ซึ่งไม่เห็นการปูผ้า จึงส่งข้อความบอกท่านแล้วเข้ามา รู้สึกได้เลยว่า ท่านไม่ต้องบอกหนูก็ได้แต่ในความเมตตาของท่าน ทำให้หนูได้เห็น ได้เย็นในวันที่รู้สึกเพลีย ๆ สาธุเจ้าค่ะ
เข้ามาทำวัตร ๆ เปิดคอมไว้ ไม่ทันจะได้เขียนบันทึก หลับยาวเลยค่ะ พึ่งจะได้มาเริ่มเขียนตอนตีสามอีกวัน
เอาหล่ะ ย้ำกับตนเอง ว่า ลงมือทำเหตุ ผลจะเป็นยังไง เป็นเรื่องของผล วันนี้เป็นแบบนี้ วันต่อไปก็ทำเหตุต่อไป ก็ค่อย ๆ ดูกันไป
วันนี้ยัง ไม่เข้าใจ ถ้าไม่เลิกไปซะก่อน สักวันต้องเข้าใจ
ไม่มีความเห็น