อาชีพปลูกเผือกทดแทนการปลูกข้าวก็ถือว่าเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่พี่น้องเกษตรกรมักจะเลือกมาใช้เสมอ โดยเฉพาะพี่น้องแถวอ่างทอง สิงห์บุรี อยุธยา สังเกตุได้เมื่อขับรถเลี่ยงหลบลงไปจากถนนใหญ่สายเอเชียก็จะเห็นไร่เผือกที่ชาวบ้านปลูกกันอยู่มากมายดาษดื่น ทั้งบางปะหันโพธิ์ทอง ดอนพุด ฯลฯ ยิ่งราคาข้าวถูก ไร่เผือกก็เหมือนจะเพิ่มขึ้นไปอีกมากมายหลายจังหวัด สงสัยน่าจะสร้างรายได้เสริมให้พี่น้องได้ไม่มากก็น้อย บางคนก็ทำเป็นอาชีพไปเลยก็มากมาย
แต่การปลูกเผือกนั้นต้องพยายามรักษานวลไว้ให้คงอยู่กับลำต้นกิ่ง ก้าน ใบไว้ให้ยาวนานที่สุดนะครับ เพราะว่านวลของเผือกนั้นถือว่ามีประโยชน์อย่างมากต่อเผือกในการปกป้องโรคแมลงกำจัดศัตรูที่จะเข้ามาทำลายเผือก และเกษตรกรบางท่านที่ไม่ทราบก็มักจะทำลายนวลของเผือกอย่างไม่ตั้งใจด้วยการใช้สารจับใบ โดยหวังจะให้ประสิทธิภาพของปุ๋ยยาฮอร์โมนให้เกาะติดจับตตรึงใบพืชให้มากและยาวนานที่สุด แต่ความจริงยิ่งใช้สารจับใบก็ยิ่งทำลายภูมิคุ้มกันเผือกทำให้อ่อนแอ ง่ายต่อการเข้าทำลายของโรคแมลงเพลี้ยหนอนราไร ฉะนั้นจึงไม่ควรใช้สารจับใบในเผือกเป็นอย่างยิ่งนะครับ โดยเฉพาะในโรคตากบตาเสือที่มีแผลฉ่ำน้ำเป็นจุดจ้ำๆ การไม่ใช้สารจับใบร่วมกับจุลินทรีย์ไตรโคเดอร์ม่าหรือบีเอสพลายแก้วในการรักษาก็จัทำให้สปอร์สัมผัสกับแผลที่เปียกได้ง่าย เป็นการรักษาเฉพาะจุดแบบเฉพาะเจาะจง และช่วยรักษานวลของเผือกส่วนที่เหลือไปด้วย
อีกทั้งการใช้หินแร่ภูเขาไฟโดยการใช้ พูมิชซัลเฟอร์กับอินทรีย์วัตถุหรือปุ๋ยหมักปุ๋ยคอกจะช่วยทำให้เผือกได้รับแร่ธาตุและสารอาหารที่ครบถ้วนสมบูรณ์และยังได้รับแร่ธาตุซิลิก้าที่สามารถละลายน้ำได้ท่อน้ำท่ออาหารสามารถนำพาไปเลี้ยงส่วนต่างๆของเผือกได้อย่างทั่วถึง ทำให้เผือกแข็งแรงจากภายใน โรคตากบตาเสือหรือโรคอื่นๆก็ทำลายได้ยาก เพราะฉะนั้นจึงอยากให้พี่น้องเกษตกรหันมาให้ความสนใจในการปลูกเผือกแบบไว้นวลและสงวนการใช้สารพิษเข้ามาทำลายระบบนิเวศน์กันดูบ้างนะครับ
มนตรีบุญจรัส
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com
ไม่มีความเห็น