เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม 2557 ดิฉันและพี่สาวไปเยี่ยมแม่ที่บ้านนครนายก เราออกเดินทางตอนสายๆ เหมือนเช่นเคย คราวนี้แวะที่บ้านนาซื้อขนมกุ่ยช่ายเจ้าอร่อยเสียหลายกล่อง ตั้งใจเอาไปฝากหลายคน เดินทางต่อไปถึงบ้านแม่เกือบจะ 11 น. จึงฝากคนเอาขนมกุ่ยช่ายไปถวายพระหลวงพี่ที่วัดใกล้บ้านด้วย
แม่ยังคงเหมือนเดิม ลุกนั่งได้เอง แต่นั่งได้ไม่นาน บ่นปวดเอว กลางวันนอนหลับได้นาน คุยได้แต่ก็ยังหลงๆ ลืมๆ บอกว่าลูกมาเยี่ยมจำได้หรือเปล่า แม่บอกว่าตามัวมองไม่เห็นหน้า เห็นแต่แขนแต่ขา ถามเรื่องราวเก่าๆ เรื่องเตี่ย (พ่อ) แม่บอกได้ว่าตายไปนานแล้ว
แม่กินอาหารได้ดี รู้ว่าเผ็ดไป เค็มไป กินอาหารได้วันละมากกว่า 3 มื้อ หลังๆ ชอบบ่นว่าไม่อยากอยู่แล้วเพราะต้องอาศัยคนอื่นทุกเรื่อง อาบน้ำเขาก็ต้องอาบให้ ต้องป้อนข้าว.... แต่ภายในจิตใจลึกๆ ก็ยังห่วงลูก ถามอยู่เรื่อยว่ากินข้าวหรือยัง ได้ของอะไรเอากลับบ้านไปบ้าง ให้รีบกลับเดี๋ยวจะมืดค่ำ เป็นต้น
อากาศที่บ้านแม่ช่วงนี้มีแดดดี ท้องฟ้าใส มีลมพัดเข้าบ้านทำให้ไม่ร้อนมาก ผักที่น้องสาวปลูกไว้ตอนนี้มีถั่วฝักยาว มะเขือ และยอดชะอมที่เก็บมากินได้ ผักบุ้งตามขอบบ่อเลี้ยงปลามียอดงาม เราเก็บกันมาหอบใหญ่ ต้นพริกหลายต้นโทรมแล้ว รอเวลาที่จะปลูกใหม่ น้ำเต้าที่เดือนที่แล้วมีลูกเยอะ ตอนนี้ยังมีลูกเล็กๆ อยู่บ้าง แต่ต้นก็เริ่มโทรมไปตามกาลเวลา
ภายในสวนไม่ค่อยมีหญ้ารกแล้ว น่าที่จะปลูกพืชผักอย่างอื่นเพิ่มเติม วันนี้เราตัดกล้วยน้ำว้าแก่จัดได้เครือใหญ่ ได้เอากลับไปกินที่กรุงเทพฯ ด้วย แซะหน่อไม้ที่ไผ่กอเดิมมาได้ 3 หน่อ เอามาต้มกับกระดูกหมูที่ซื้อมาจากกรุงเทพฯ และต้มเปื่อยเอาไว้ให้แม่กินเป็นอาหารเย็น
กล้วยน้ำว้าเครือนี้แก่จัด ส่วนที่สุกถูกตัวอะไรกินไปเกือบหวี
ตัดเป็นหวีๆ แล้วได้เต็มตะกร้า
มะพร้าวน้ำหอมต้นเตี้ยๆ เริ่มทยอยตายไปเรื่อยๆ ลำต้นเหลือเล็กนิดเดียวคงจะถูกตัวอะไรกัดกินทำลายไป มะพร้าวต้นสูงๆ ยังอยู่ดีอยู่
ภายในสวน
รกๆ บ้าง แต่ก็ดูงามตามธรรมชาติ
ต้นข้าวในทุ่งนาข้างๆ สวนออกรวงแล้ว แต่ดูรวงข้าวไม่หนาแน่นนัก ใส่ปุ๋ยใส่ยาก็ไม่ได้ทำให้ได้ผลผลิตมากมาย ชาวนาบ้านเรายังไม่ยอมหันหลังกลับไปทำนาอย่างที่รุ่นพ่อรุ่นแม่ทำ สมัยเป็นเด็กดิฉันจำได้ว่าปุ๋ยที่ใส่ในนาคือขี้วัวขี้ควาย น้ำในนาจะใสเห็นตัวปลาที่ว่ายอยู่ในน้ำ ปูปลาอุดมสมบูรณ์ พายเรือไปตกเบ็ดในทุ่งนาจะได้ปลาหมอเอามาทำอาหารกินได้ เดี๋ยวนี้ปลาก็มีน้อยลง ไม่เห็นผักบุ้งและต้นโสนในนาเหมือนแต่ก่อน
ทุ่งนาข้างสวน
รวงข้าวที่ยังอ่อนอยู่
เราอยู่ที่บ้านแม่กันจนเย็น ป้อนอาหารเย็นให้แม่แล้วจึงออกเดินทางกลับเมื่อประมาณ 17.40 น. ถึงบ้านที่กรุงเทพฯ เมื่อประมาณ 20 น.
วัลลา ตันตโยทัย
บันทึกเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2557
ชอบมากธรรมชาติแบบนี้ มันสะท้อนให้เห็นแวดล้อมของชีวิตจริงๆ เรามิอาจห่างเหินมันได้ แม้ชีวิตแวดล้อมด้วยความเจริญไปแค่ไหนก็ตาม..สักวันธรรมชาติข้างในจักเรียกร้องหาอยู่ลึกๆ แน่นอน ขอบคุณครับ
ขอบคุณค่ะคุณ ส.รตนภักดิ์ สมัยที่ยังเป็นเด็กที่บ้านไม่มีถนน หน้าแล้งต้องเดินหรือขี่จักรยาน หน้าน้ำใช้เรือ ชีวิตง่ายๆ อยู่กับธรรมชาติไม่ซับซ้อน ไม่รู้สึกเป็นทุกข์อะไรเลยค่ะ
บ้านแม่ยังน่ารักเสมอมาครับ
ขอบคุณคุณทิมดาบที่แวะมาเยี่ยมค่ะ
อาจารย์ครับ
ธรรมชาติยังเหมือนเดิม
ต้นกล้วยดกมาก
เข้าใจว่านกหรือกระรอกมากินครับ
มีบัวสายในบ่อน้ำด้วยเอามาต้มกะทิอร่อยมาก
ขอบคุณมากๆครับ
ขอบคุณค่ะอาจารย์ขจิต มีหน้าที่ไปเยี่ยมชมทุกเดือนค่ะ และทุกครั้งมีของกินได้จากสวนติดมือกลับมาด้วยเสมอ
มีความสุขจัง
ฝากความระลึกถึงคุรแม่ด้วยคะ อาจารย์