อ่านบันทึกของตัวเองที่ได้บันทึกไว้เมื่อวันประชุมทีมคุณอำนวยตำบลและคุณอำนวย อำเภอ ซึ่งเป็นบุคลากรของ กศน.จังหวัดนครศรีธรรมราช ประมาณ 300 คนที่ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดนครศรีธรรมราชจัดขึ้นที่โรงแรมแกรนด์ปาร์ค จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2549 แล้ว ก็ยังมีส่งดีๆที่อยากจะนำมาเล่า ขยายความต่อ อีกประเด็นหนึ่งครับ
ประเด็นที่ว่าคือประเด็นงานการศึกษานอกโรงเรียนจะจัดอย่างไรให้เป็นงานการศึกษาตลอดชีวิต ซึ่งหัวข้อนี้ ดร.ชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาหลักสูตร ของ สำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน เป็นผู้นำเสนอ จากความเข้าใจของผม ผมเข้าใจว่าท่านผู้เชี่ยวชาญ ท่านแยกงาน กศน. ที่จะต้องทำออกเป็นสองลักษณะคือ งานการศึกษาเทียบเท่าการศึกษาขั้นพื้นฐาน และงานการศึกษาชุมชน ซึ่งเมื่อฟังรายละเอียดทั้งสองหัวข้อแล้ว ผมเข้าใจว่าท่านมอง KM ปนหรือกลืนหรือเนียนอยู่ในแต่ละงานแล้ว และมองงานสองงานนี้อย่างเชื่อมโยงกันและหนุนเสริมซึ่งกันและกัน ไม่ได้มองอย่างแยกส่วนกัน แต่จะต้องบูรณาการกันให้สอดคล้องกันตลอดชีวิตของผู้คน กล่าวคืองานการศึกษาเทียบเท่าการศึกษาขั้นพื้นฐานนั้นท่านอยากให้เรียนให้ลึกซึ้งมากกว่า 8 หมวดวิชา ตามที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนดซึ่ึ่งเป็นพื้นฐานของชีวิต แต่อยากให้นำเอาหลักสูตร สาระที่กำหนดไว้ในหน้ากระดาษทั้ง 8 หมวดวิชาที่เรียนเพื่อสอบเอาวุฒิและเมื่อสอบเสร็จแล้วก็เลิกเรียนกันนี้ ้ไปเชื่อมโยงกับชีวิตจริงของผู้เรียน ครอบครัว ชุมชน สังคม อย่างมีความหมาย เกิดการเปล่ียนแแปลงตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคม ได้จริง รู้ลึกซึ้งจากการที่ได้ปฏิบัติจริง ท่านยกตัวอย่าง เช่น ให้ไปทำหลักสูตรอย่างหลักูตรโรงเรียนชาวนา โรงเรียนมังคุด โรงเรียนยางพารา โรงเรียนปอเนาะ ฯลฯ ในรูปของหลักสูตรระยะสั้น ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการได้อนุมัติกรอบแนวทางไว้ให้แล้ว เมื่อวัดประเมินผลความรู้ปฏิบัติของผู้เรียนออกมาแล้ว ก็เทียบเข้าสาระของหลักสูตร หมวดวิชาที่เกี่ยวข้องได้ ได้เท่าไรก็เก็บสะสมไว้เท่านั้น เป็นการเรียนแบบสะสมหน่วยกิต ส่วนการศึกษาอีกลักษณะหนึ่งที่เรียกว่าการศึกษาชุมชนนั้น คือการเรียนรู้อะไรก็ได้ที่อยากเรียน อยากทำให้มันสำเร็จบรรลุเป้าหมาย บุคคล ครอบครัว สังคม ชุมชน ตั้งเป้าหมายได้เองอย่างอิสระ ว่าจะเรียนรู้อะไร ว่าจะทำอะไร เช่น อาจจะเรียนรู้เรื่องแก้จน เศรษฐกิจพอเพียง เกษตรอินทรีย์ อย่างที่จังหวัดนครศรีธรรมราชดำเนินการก็ได้ อย่างหลังนี้ในฐานะของผู้จัดกระบวนการเรียนรู้แล้ว เรียกว่าการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ หรือสอนวิธีการเรียนรู้ เครื่องมืออย่างหนึ่งของชีวิตนั่นเอง
ผมว่าโครงการจัดการความรู้แก้จนเมืองนครที่กำลังทำแล้วนี้ได้ครอบคลุมการศึกษาตลอดชีวิตทั้งสองส่วน ให้คุณกิจครัวเรือนที่เข้าร่วมโครงการได้ใช้เรื่องราวในวิถีชีวิตเป็นหลักสูตรในการเรียนรู้ ออกแบบวิธีการเรียนรู้ ลีลาการเรียนรู้ได้เอง เป็นการปรับการเรียนเปล่ียนการสอนกันขนานใหญ่ เป็นการปฏิรูปการเรียนรู้ ปฏิรูปการศึกษาได้อย่างดี ถ้าหากจะได้มองในแง่ของการจัดการศึกษา ซึ่งผู้บรรยายเองก็เข้าใจจุดประสงค์ของโครงการเป็นอย่างดี โดยผู้บรรยายได้ฝากให้ทางจังหวัดนครศรีธรรมราช ตั้งหน่วยประเมินความรู้และ ประสบการณ์ผู้เรียนขึ้น เพื่อนำผลพลอยได้ซึ่งเป็นความรู้ประสบการณ์จากการทำงานและการเรียนรู้มาประเมินความรู้ ประสบการณ์ให้ผู้เรียนสำหรับใช้เทียบโอนความรู้ เทียบระดับการศึกษาได้อีกต่อไปด้วย ซึ่งนับว่าบรรยายหัวข้อนี้เป็นเรื่องที่มีความสอดคล้องกับโครงการจัดการความรู้แก้จนเมืองนครมากที่ทำใหผู้้คนได้เรียนรู้ตลอดชีวิิต
ผมจึงบันทึกมาเพื่อเล่าสิ่งดีๆครับ
แวะมาให้กำลังใจ ขอให้ถักทอสานต่อกศน. การศึกษาภาคประชาชน ต่อไปครับ
เรียน ผอ.ดิศกุล
ขอบคุณที่เข้ามาเติมกำลังใจให้ เรา กศน.ต้องสร้างเครือข่ายให้เข้มแข็งนะครับ ผมสู้เต็มที่ครับ ฝันที่ว่าสังคมไทยจะเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้แบบเพื่อนเรียนรู้ ก็จะเป็นจริงได้
เรียน หมอนนทลี
คุณหมอซุ่มอ่านบันทึกคนอื่นจนเพลิน อุบบันทึกดีๆไว้ เมื่อไหร่จะได้ฤกษ์งามยามดีปล่อยบันทึกดีๆออกมาให้บล็อกเกอร์์ KM สกุลเมืองคอนอ่านกันบ้างละครับ
เรียน คุณหมอนนทลี
อ๋อ ! เรียกว่า empower ให้คนอื่นมาร่วมก๊วน หรือเป็นคนคอเดียวกันเขียนบันทึกblog นี่เอง ..ทราบครับ