อาบอรุณอุ่นเรืองเมืองสงขลา
สมิหลาสงบงันวันเหงาเหงา
แสงสีทองส่องทาฟ้าสีเทา
ลมเบาเบาสนไกวใบบางบาง
เรียบหาดทรายชายทะเลยังเห่คลื่น
ทะเลตื่นไปตามความแตกต่าง
เสียงซัดซ่าหาฝั่งฟังเสียงคราง
ในระหว่างย่างเท้าทุกก้าวไป
เมื่อลมลูบจูบผิวเป็นริ้วล่อง
อรุณส่องก่องเก็จดุจเพชรใส
แก้วมณีสีสว่างอยู่กลางไฟ
ดูกลาดเกลื่อนเลือนไกลตลอดกาล
มองฝั่งซ้ายเกาะหนูคู่เกาะแมว
หันมาแนวฝั่งขวาหาหมู่บ้าน
ชื่อเก้าเซ้งเก้าแสนแดนสำราญ
ทั้งสองด้านดูเด่นเห็นต่างกัน
มองเห็นชายหลายคนทนถือแห
สองตาแลมือจับกระชับมั่น
จ้องมองทิวผิวน้ำเป็นสำคัญ
เหวี่ยงแหพลันทันใดจึงได้ปลา
มีเรือเล็กแล่นผ่านขนานฝั่ง
เมื่อความหวังยังแรงแสวงหา
เดินทางไกลไหลล่องท้องธารา
มีขอบฟ้าครอบฝันนิรันดร
บันทึกริมฝั่งสมิหลา
23 ตค.2557
นับว่าสร้างสรรค์คำพจน์ อย่างหมดจดเหลือหลาย สะท้อนความชำนาญในการการเล่นคำร้อยกรองครับ
"...เมื่อลมลูบจูบผิวเป็นริ้วล่อง
อรุณส่องก่องเก็จดุจเพชรใส
แก้วมณีสีสว่างอยู่กลางไฟ
ดูกลาดเกลื่อนเลือนไกลตลอดกาล..."
สวัสดีค่ะ อาจารย์ โสภณ เปียสนิท มาอ่านคำกลอนที่แสนไพเราะค่ะ
เพราะพริ้ง...ชอบครับอาจารย์
...,มาอ่านบทกลอนที่ไพเราะ และมีความหมาย...ด้วยความชื่นชมค่ะอาจารย์
มาอ่านกลอนและแจ้งอาจารย์ว่า
ค่ายที่ท่ามะนาวติดต่อ ผอ ดวงสมรไว้ครับ
แต่ยังไม่ได้กำหนดวัน
กำหนดวันแล้วจะแจ้งอาจารย์นะครับ
ทอดแห...
ทอดความหวัง
ปลายทางเกินหยั่งรู้
แต่ชีวิตก็หยัดสู้...ศรัทธา
ขอบพระคุณครับ
รับทราบด้วยความยินดีครับผม
ขอบคุณอย่างยิ่งครับผม