ปรับการสอนประวัติศาสตร์ใหม่ทั่วประเทศ-อยากให้คุณได้อ่าน


ซื้อหนังสือ ประวัติศาสตร์ไทยร่วมสมัย   แต่งโดย  คริส เบเคอร์ และ ผาสุก พงษ์ไพจิตร  มาหลายเดือนแล้วเป็นหนึ่งในบรรดาหลายเล่มที่ซื้อปีนี้  แต่ก็เพิ่งจะเปิดอ่าน อ่านแล้ววางไม่ลง เป็นการเขียนประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ฉีกแนว มีชีวิตชีวา ข้อมูลเพียบทุกด้าน นอกจากเป็นข้อมูลที่ถูกเขียนหรือบันทึกไว้ในอดีตจากแหล่งต่าง ๆทั้งในและต่างประเทศแล้ว ผู้เขียนใช้ข้อมูลจากการวิจัยใหม่ ๆทั้งในประเทศและต่างประเทศประกอบ ตีความได้เก่ง ลุ่มลึก ครอบคลุม ทำให้เข้าใจว่าชาติไทยสร้างมาอย่างไร ความเป็นมาของสังคมไทย  เล่มนี้ก็อยากให้คนไทยทุกคนไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ได้อ่าน   ประทับใจจริง ๆ (แต่อาจจะมีบางคนร้องว่า ประวัติศาสตร์อะไรกันนี่)

อ่านข่าววันนี้ เดี๋ยวนี้ พอดีเห็นข่าวนี้   

สพฐ.ดีเดย์ 3 พ.ย. ปรับการสอน "ประวัติศาสตร์" ใหม่ทั่วประเทศ

วันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 18:14:43 น.อยากให้คุณได้อ่านข่าวนี้ด้วยค่ะ  http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1413794210

สาระสำคัญ  รัฐบาลต้องการสร้างสังคมที่เข็มแข็ง เพื่อให้คนไทยมีคุณธรรมจริยธรรม และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องเห็นความสำคัญในเรื่องนี้ เพราะจุดมุ่งหมายสำคัญของการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ จะต้องยึดมั่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ปลูกฝังให้เด็กไทยมีจริยธรรม เพื่อเสริมสร้างความสามัคคีในชาติจนนำไปสู่การปฎิบัติอย่างแท้จริง 

อ่านแล้วก็เป็นห่วงลึก ๆ  ขอให้คุณครูประวัติศาสตร์ทั้งหลายสอนแบบศตวรรษที่ 21 ก็แล้วกัน เน้นการคิดระดับวิเคราะห์ สังเคราห์ ประเมิน คิดอย่างมีวิจารณญาน ไม่ใช่แค่การจำข้อมูล ก็คงจะพอได้  

คิดถึงตอนเรียนประวัติศาสตร์ชั้นประถม เด็ก ๆชอบฟังครูเล่าและเกิดอารมณ์ร่วมมาก ตนเองถึงกับเกิดความแค้นพุ่งขึ้นมา หันไปหยิก ตี เพื่อนที่นั่งคู่กันซึ่งป็นลูกจีนบ้านอยู่ติดกันด้วยซ้ำเมื่อครูเล่าว่าคนไทยถูกตีถอยร่นกระเซอะกระเซิงมาจากจีนตอนใต้  คนไทยยังมองพม่าเป็นศัตรูอยู่  สด ๆร้อน ๆ ลูกศิษย์ซึ่งเป็นนายทหารพันเอกพิเศษขึ้นมารับปริญญาเอก ได้มาขอพบเพื่อขอบคุณและเลี้ยงฉลองกัน คุยกันมากมายหลายเรื่อง สะท้อนความคิดแบบทหาร ๆๆ...พร้อมที่จะเอาคืนกับใครก็ตามที่เราเคยเสียหรือแพ้ เมื่อถามว่า ยังมีความคิดแบบนี้กันอีกหรือเรื่องมันผ่านมานานแล้ว  เขาบอกว่ามีครับ ....คงถูกปลูกฝังกันมาอย่างเข้มข้น

หมายเลขบันทึก: 579046เขียนเมื่อ 20 ตุลาคม 2014 21:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 ตุลาคม 2014 01:13 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

ศ.ดร. นิธิ เอียวศรีวงศ์ เขียนถึงหนังสือเล่มนี้ ความตอนหนึ่งว่า

ความสามารถในการเชื่อมโยงปัจจัยหลากหลายด้าน ทั้งภายในภายนอก ทั้งที่มาจากชนชั้นนำและมาจากคนเล็กคนน้อยหลากหลายประเภทเช่นนี้แหละ ที่ทำให้ประวัติศาสตร์ไทยร่วมสมัยสร้างพลวัตหรือพลังขับเคลื่อนประวัติศาสตร์ จากเนื้อหาของประวัติศาสตร์เอง (historicism) พลังขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงในประวัติศาสตร์ไทยในทัศนะของนักประวัติศาสตร์ไทยรุ่นก่อน คือผู้นำหรือพระมหากษัตริย์ แต่พลวัตที่แคบอย่างนั้น หยั่งไม่ถึงความสลับซับซ้อนของความเปลี่ยนแปลงในประวัติศาสตร์ ฉะนั้น หากหนังสือเล่มนี้ถูกอ่านอย่างแพร่หลายมากขึ้น ก็จะเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อความเปลี่ยนแปลงทางสังคมของคนไทยจำนวนมาก    

I went about looking for 'historic gardens' among the tourists stone prasats (ruins) and did not find any. Only modern landscaping using 'ancient materials'. Thailand (archeologists and historians) seem to have neglected many aspects of past cultures.

History is but development of the past!

ผมคิดว่าเพราะประเทศเรานั้น "ผู้ชนะเขียนประวัติศาสตร์" ประวัติศาสตร์ไทยหลายๆ ส่วนเลยหายไปเพราะเขียนไม่ได้ เขียนยังไงผู้ชนะก็ไม่ดูดี อย่ากระนั้นเลยไม่เขียนถึงเลยจะดีกว่า ฮาๆๆ

เราเลยต้องพึ่งชาวต่างชาติบันทึกประวัติศาสตร์ไทยมาโดยตลอด...

...การเรียนการสอนประวัติศาสตร์ทั่วไปนับว่ายากแล้ว...การเรียนการสอนประวัติศาสตร์ของชาติยิ่งยากกว่าหลายเท่านะคะ...เป็นกำลังใจค่ะ

ผมว่าการสอนประวัติศาสตร์บ้านเราไม่ได้สอนเรื่องสันติวิธีครับ

มีแต่เรื่องการสงครามแล้วก็แค้นกันต่อไปขนาดนายทหารยังเป้นแบบที่อาจารย์เล่าเลย

คงต้องสอนเรื่องทำอย่างไรให้เพื่อนบ้านอยู่กันอย่างสันติครับ

ขอบคุณมากๆครับ

อ่านแล้วทำให้นึกถึงคนนี้..ยายธี..ได้คะแนนเต็มร้อย..ค่ะ..ตอนสอบประวัติศาตร์(ศิลปที่ครูตั้งเป็นข้อสอบ)..ลืมหมดแล้ว..อ้ะะ..มีแต่บางครั้ง..ถามตัวเองว่าเรียนอะไรมาแล้วเวลาที่ผ่านๆมากับสิ่งที่เรียนมาในเมืองไทย..ตั้งแต่เล็กจนถึงระดับที่เรียกว่ามหาวิทยาลัย..ในเมืองไทย..ซึ่งศิลปะก็ไม่เข้าค่ายศึกษาอยู่แล้ว..อิอิ..

มาอยู่เป็นตัวเป็นตน..ในต่างเมืองต่างสังคม..ต่างศาสนา..ต่างชาติ(นิยม)ต่างการเมือง..มาเห็นประวัติศาตร์ที่เขาเขียนเล่าทำให้ดู..ก็..ต่างบริบท..และมุมมอง..อย่างมากมาย..สิ่งที่เป็นลัทธินิยม..เขาก็เลิกสอนกันไปนมนานแล้ว..แถมยังมีผู้ต่อต้านคำว่า"นิยมๆ"ที่มาต่อท้ายเสมอๆมา..

แม้แต่..คำว่า..ทาส..และเลิกทาส..มีอยู่อย่างน่าจะเขียนเป็นประวัติศาตร์ไว้สัก..บันทัด..ไทยเป็นทาสโดยไม่ถูกบังคับ(จากต่างชาติ)..แต่อยากเป็นทาสเอง..แม้จะถูก..ประกาศยกเลิกไปนานแล้ว..อิอิ..

ทาสความคิด..ที่มาจากสมอง(คนอื่นๆ)...๕..เพราะไม่ยอมเรียนรู้..และวิจัยเข้าใจถึง..กาลามาสูตรสิบ..๕แม้จะถูกเขียนให้เป็นคนพุทธ..ตั้งแต่เกิด..อ้ะะๆกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์สถิติโบร่ำโบราณ..น่ะค่า...

สวัสดีค่ะ..คุณGD...ชอบบทความนี้ของท่านเจ้าค่ะ..เลยเขียนซ้ะยาว..๕..ขอบพระคุณ..เจ้าค่ะ..

เป็นหนังสือที่น่าอ่านมากค่ะ  ขอบคุณที่แนะนำนะคะอาจารย์

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและแสดงความคิดเห็นและดอกไม้ 

คุณ sr อ่านเล่มนี้หรือยัง มีเล่มภาษาอังกฤษด้วยนะคะ รับรองต้องชอบค่ะ รู้จักประเทศเราดีขึ้นมากเลย

เห็นด้วยกับ ดร. ธวัชชัย ค่ะ  เราคงต้องอ่านหลาย ๆแหล่งทั้งของผู้แพ้ ผู้ชนะ ในเรื่องเดียวกัน จะได้กระจ่างใจ 

อ่านจากฝรั่ง หรือดูหนังที่เขาทำขึ้นมา บางทีเลือดรักชาติเราก็พล่านไปหมด เรื่อง The King and I ที่ถูก BAN ในเมืองไทยทั้งหนังสือและภาพยนต์ ดูแล้วก็รับไม่ค่อยได้ไม่อยากให้เป็นความจริงทั้งหมด แต่เพลงในภาพยนต์เพราะเหลือเกิน เพื่อนฝรั่งก็ยกย่อง ร. 5 มาก และรำพันถึงความไพเราะของเพลง ไม่เจ้าใจว่าทำไมคนไทยจึงไม่ชอบเรื่องนี้  เมื่อเร็ว ๆนี้ ค้นหนังสือเก่ากว่า 100 ปีแล้วของนักสำรวจฝรั่ง (อังกฤษ) ที่เดินทางจากมะละแหม่งมาภาคเหนทือของไทยและรัฐฉาน (ของพม่า ปัจจุบัน) สำรวจเส้นทางสร้างรถไฟเพื่อเชื่อมกับจีน (ขอบคุณ Google ที่ทำให้สืบหาหนังสือเล่มนี้จนเจอ ) เขาบันทึกทุกอย่างที่พบเห็นตามเส้นทาง มีหลายบท อ่านยาก โดยเฉพาะชื่อสถานที่และบุคคล เขาบันทึกว่าคน Siamese ที่พบ เป็นจอม Liars และนิยม Bribery อ่านแล้วชักไม่ชอบคนเขียน แต่ก็น่าจะมีส่วนจริงนะคะ

ดร.Pojana Yeamnaiyana ขอบคุณค่ะ สอนประวัติศาสตร์นีน่าจะยาก โดยเฉพาะ GD คงสิอนไม่เป็นแน่ ต้องเชิงปริมาณนิดหน่อยจึงเป็นเราค่ะ

สวัสดีค่ะ ดร. ขจิต ฝอยทอง คิดเหมือนกันค่ะ ครูประวัติศาสตร์ยุคนี้และอนาคตต้องตระหนักแล้วว่า การคิดระดับวิเคราะห์ สังเคราะห์และประเมิณ และวิจารณญานที่ถูกต้อง สำคํญ สันติวิธีเป็นสิ่งพึงปรารถนา เราแก้ไขอดีตไม่ได้

ขอบคุณ คุณยายธี ที่เขียนยาว ชอบมาก ๆค่ะ  หลักกาลามสูตร เห็นด้วยที่ต้องเน้นย้ำ ท่านนายก เน้นค่านิยม 12 ประการใหม่ ต้องเติมเข้าไปอย่างจริงจัง อย่าเชื่ออะไรง่าย ๆ ยายธีมีครูประวัติศาสตร์ที่ให้ เต็มร้อย ต้องเขียนคุณสมบัติและวิธีการของท่านเผยแพร่แล้งล่ะค่ะ สำคัญมาก ๆ ที่ยายบอกว่า ลัทธินิยม หรือ นิยม ๆ เขาเลิกสอนกันมานานแล้ว แต่นาทีนี้ที่บ้านเกิด คุณยาย ทำท่าจะเน้น ๆ ๆ กันอีกแล้วค่ะ

ขอบคุณหมอ nui ค่ะ นักอ่านอย่างคุณหมอ อย่าพลาดเล่มนี้นะคะ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท