หนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน : (เสียงจากนิสิตสาขาเกาหลี) ที่ชอบมากคือการได้เรียนรู้ด้วยการลงมือทำร่วมกันเป็นทีม


แต่ละคนต่างพากันแย่งกันแนะนำหมู่บ้านของตนเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่หนูประทับใจมาก เพราะเด็กๆ เล่าเรื่องหมู่บ้านตนเองให้ฟังโดยที่เราไม่ได้ถามซักคำ มันช่วยให้เราได้ทบทวนตัวเอง ทบทวนความผูกพันของตัวเองที่มีต่อบ้านเกิดตัวเองเหมือนกัน




นิสิตทำกิจกรรมอะไรบ้างในหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน

เป็นปีแรกที่เข้าร่วมกิจกรรมนี้ค่ะ เท่าที่รู้คือทำกิจกรรมเดียวกันนี้ต่อเนื่องมา 3 ปีแล้ว บทบาทที่หนู  ได้รับมอบหมายคือการให้ความรู้พื้นฐานภาษาเกาหลี เริ่มตั้งแต่ระดมความคิดกับเพื่อนๆ ช่วยกันออกแบบและจัดทำบทเรียนเพื่อที่จะนำไปให้ความรู้แก่ชุมชน ส่วนทุกๆ เย็นหลังจากทำกิจกรรมต่างๆ ก็จะนั่งประชุมเพื่อถอดบทเรียนร่วมกับเพื่อนๆ ว่ามีปัญหาอย่างไร และแก้ไขปัญหานั้นๆ อย่างไร ซึ่งก็มีทั้งที่แยกรายกิจกรรมและภาพรวมทั้งหมดร่วมกับเพื่อนๆ

ทำไมนิสิตถึงตัดสินใจเข้าร่วมกิจกรรมหนึ่งหลักสูตร

ตอนแรกที่หนูเข้าร่วมกิจกรรมนี้ ก็ไม่ได้คิดอะไรมากเท่าไหร่ คิดเพียงว่ากิจกรรมนี้มีมาตั้งแต่รุ่นพี่แล้ว และเราเองก็ต้องสานต่อจากรุ่นพี่ แต่พอได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม กลับทำให้ดิฉันเข้าใจจุดประสงค์ของกิจกรรมที่แท้จริง ซึ่งมีทั้งการเรียนรู้เพื่อตนเองและผู้อื่น ไปพร้อมๆ กัน และที่ชอบมากคือการได้เรียนรู้ด้วยการลงมือทำร่วมกันเป็นทีม ทำให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อหน้าที่และสังคมไปในตัว



นิสิตใช้ความรู้วิชาใด หรือแนวคิดอื่นๆ ทำกิจกรรมหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน

พวกเราใช้วิชาภาษาเกาหลีเบื้องต้นแก่ชุมชน โดยเน้นในเรื่องการพูดในชีวิตประจำวัน และการแนะนำตัวเอง

นิสิตได้เรียนอะไรจากกิจกรรมหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน

ได้หลายอย่างเลย เช่น มีประสบการณ์ในการสอน ได้รับรู้ว่าผู้เรียนในแต่ละวัย ต้องการวิธีเรียนต่างกัน ได้รับความรักจากเด็กที่แม้ว่ากิจกรรมในปีนี้สิ้นสุดลงแล้ว แต่เด็กก็ยังโทรมาหา บอกว่าคิดถึง และอยากให้มาอีก มันทำให้เรารู้สึกว่าตนเองมีค่า และสิ่งที่เราทำก็มีค่า





ปัญหาและความสำเร็จ

เรื่องปัญหาหนูว่ามันก็ธรรมดา ไม่มีอะไรที่จะประสบความสำเร็จโดยไม่พบเจอปัญหา เช่นในกิจกรรมแรกๆ ที่ได้รู้จักกับเด็กที่มาเรียน เด็กๆ มักจะส่งเสียงดัง พูดแทรกในเวลาที่สอน รู้สึกเครียดและกดดันมาก แต่ก็จะพยายามใจเย็นๆ อดทน และเรียนรู้ที่จะสร้างสรรค์บรรยากาศให้ดีที่สุด ซึ่งมันทำให้เราได้รู้จักวิธีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

ส่วนความสำเร็จ หรือความสุขนั้น หนูรู้สึกได้ว่าเมื่อทำความรู้จักกับเด็กๆ แล้ว ได้พูดคุยกันมากขึ้นแล้ว ทำให้เราสนิทกันมากขึ้น แม้เด็กๆ จะยังคงส่งเสียงดังตามเคย แต่พวกเขาก็มีความสนใจในสิ่งที่หนูและเพื่อนๆ ได้สอนมากขึ้น เหมือนกับตอนที่ได้มีโอกาสไปส่งเด็กๆ กลับบ้าน พวกเขาดูมีความสุขมาก  หนูไปส่ง แต่ละคนต่างพากันแย่งกันแนะนำหมู่บ้านของตนเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่หนูประทับใจมาก เพราะเด็กๆ เล่าเรื่องหมู่บ้านตนเองให้ฟังโดยที่เราไม่ได้ถามซักคำ มันช่วยให้เราได้ทบทวนตัวเอง ทบทวนความผูกพันของตัวเองที่มีต่อบ้านเกิดตัวเองเหมือนกัน




เรื่อง :  นางสาวแสงตะวัน รุ่งเรือง 56010115588 สาขาภาษาเกาหลี ชั้นปีที่ 2 
ภาพ : อ.กนกกุล มาเวียง และนิสิตสาขาเกาหลี
โครงการ : 
พัฒนาขีดความสามารถและสร้างภูมิคุ้มกันให้กับนักเรียนระดับประถมศึกษาและผู้ใช้แรงงานอุตสาหกรรม กรณีองค์การบริหารส่วนตำบลเลิงแฝก

หมายเลขบันทึก: 578940เขียนเมื่อ 18 ตุลาคม 2014 00:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 ตุลาคม 2014 00:52 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

น่าสนุกค่ะ  พี่ได้ทราบว่ามีวิชาเรียนภาษาเกาหลีสำหรับนิสิตด้วยดีจังค่ะ

การเรียนรู้ภาษาเพื่อนบ้านทำให้เราได้คุ้นเคยและรู้สึกเป็นมิตรนะคะ  เพราะจริงๆ แล้วทุกคนในโลกล้วนเป็นเพื่อนร่วมโลกกันโดยแท้

เด็กๆ กับครูก็ต้องการเวลาในการพัฒาความสัมพันธ์ จบที่ความผูกพันฉันครูศิษย์ที่น่าชื่นใจ 

กาีใช้ภาษาสื่อสาร  ภาษาเดียวกัน  ทำใหสนิดสนมกัน  เป็นพวก/เป็นเพื่อนกันได้เร็ว  และดียิ่งขึ้น นะคะ

ขอบคุณค่ะ

สุดยอกมากๆ

นิสิตได้เรียนรู้กับชุมชนและเตรียมเรื่องภาษาให้ชุมชนด้วย

นิสิตได้เรียนรู้จากสถานการณ์จริง

อันนี้สุดยอดมากๆ

ขอบคุณมากครับ

ชอบจังค่ะ   "... ทบทวนความผูกพันของตัวเองที่มีต่อบ้านเกิดตัวเองเหมือนกัน "

ลงมือทำ  แล้วได้คิดเอง  เข้าถึงหัวใจ  ^_,^ 

ครับ คุณnui

หนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน  คืองานบริการวิชาการแก่สังคมที่เน้นการ "เรียนรู้คู่บริการ"
เป็นการให้บริการต่อสังคมผ่านการเรียนการสอน  ช่วยให้นสิต อาจารย์และชาวบ้านได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน  เป็นการเรียนรู้บนฐานคิดของการแบ่งปัน  มิใช่แบ่งปันฝ่ายเดียว หากแต่แบ่งปันกันทั้งสองฝ่าย  ใครมีอะไรดีงาม  มีคุณค่าก็แบ่งปันกันและกัน...

สิ่งเหล่านี้ หรือฐานคิดเหล่านี้ ช่วยให้เกิดการเรียนรู้บนฐานมิตรภาพ  เสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อกันไปอย่างเสร็จสรรพ ครับ
  

ครับ อ.Dr. Ple

เรื่องภาษา เ็นสิ่งบ่บอกความเป็นชาติของแต่ละชาติได้อย่างเด่นชัด  ผมชอบกิจกรรมนี้  ถึงแม้จะเน้นไปในทางภาษาเกาหลีอันเป็นวิชาชีพที่เปิดสอนในมหาวิทยาลัย  แต่ผู้สอน ก็ไม่เคยละทิ้งความเป็นไทยในตัวนิสิต  เพราะจะย้ำ และทำกระบวนการกับนิสิตเกี่ยวกับสำนึกความเป็นไทยก่อนเสมอ...

นี่คืออีกกระบวนการหนึ่งที่กระตุกเตือนให้นิสิต หรือกระทั่งเด็กๆ ในชุมชน  ได้ทบทวนความเป็นชาติของตนเองด้วยเช่นกัน ครับ

ขอบคุณ สำหรับกำลังใจครับ คุณ คุณมะเดื่อ

ส่งใจกลับไปเช่นกันนะครับ
การงาน คือการเรียนรู้
เราล้วนเติบโตจากการเรียนรู้และเติบโตจากมิตรภาพ...

ขอบคุณครับ

ครับ อ.ขจิต ฝอยทอง

การเรียนรู้ผ่านสถานการณ์จริง
จะทำให้นิสิตกล้า และแกร่ง
มีสติ และปัญญา
กล้าคิด กล้าตัดสินใจ  กล้าลงมือทำ
และเรียนรู้ที่จะรับผิดชอบต่อผลพวงของการลงมือทำ.

...

ครับ พี่หมอ ธิรัมภา

หลักคิดสำคัญที่ฝากกระตุกเตือนนิสิตตลอดเวลาก็คือ  ทุกครั้งที่ลงมือทำ หรือทุกครั้งที่เรียนรู้-เห็นอะไร เข้าใจอะไร  ต้องไม่ลืมหวนกลับมาทบทวนตัวเอง  ทบทวนจุดยืนตัวเอง ทบทวนรากเหง้าตัวเองไปพร้อมๆ กัน ครับ...

เรียกได้ว่า  การเรียนการสอนผ่านงานบริการวิชาการแก่สังคมในชื่อ หนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน  ในอีกมิติก็คือการปลูกฝังจิตสำนึกรักบ้านเกิด และความรับผิดชอบต่อสังคมไปในตัว...ครับ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท