หลังจากได้เรียนรู้การใช้ Saraphi Health Application ที่ศูนย์แพทย์ทางเลือกขัวมุงแล้ว คณะของเราเดินทางไปชมเมืองเก่าเวียงกุมกาม เมื่อเข้าใกล้พื้นที่จะเห็นคูและกำแพงเมือง บริเวณรอบๆ เป็นสวนลำไย แม้ว่าเวลาจะเกือบ 16 น. แล้ว แต่แสงแดดยังจัด ท้องฟ้าใสทีเดียว
บริเวณภายใน มีรถแบบรถรางพานักท่องเที่ยวชมรอบๆ
บริเวณวัดหนานช้างที่อยู่ลึกลงไป
มีป้ายบอกเล่าว่าวัดหนานช้างเป็นโบราณสถานที่บ่งบอกร่องรอยของอุทกภัยที่มีผลต่อเวียงกุมกามในอดีตกาล ชั้นตะกอนทรายและชั้นดินที่ทับถมหนาถึง 1.80 เมตร
อีกด้านหนึ่งของเวียงกุมกาม
สามหนุ่มนี้ไม่เดินไปไหน ถ่ายรูปอยู่มุมนี้เท่านั้น
คำเฉลยคือตรงนี้เป็นมุมที่แสงอาทิตย์ตกมาแผ่เป็นรังสี เกิดคำพูดที่ว่า "ถ้าจะมีราศรี (รังสี) หน้าต้องไม่ชัด" บอกนัยบางอย่าง
คุณเปา ปิยาภรณ์ มัณฑะจิตร ผู้จัดการมูลนิธิสยามกัมมาจล
เราได้เห็นความยิ่งใหญ่ของโบราณสถานและความยิ่งใหญ่ของความพยายามของผู้ที่เปิดเผยเมืองเก่าให้เราได้เรียนรู้เรื่องราวที่ผ่านมา
เราเดินทางต่อไปที่วัดเจดีย์เหลี่ยม (กู่คำหลวง) ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน
วัดเจดีย์เหลี่ยม อาคารหลังเล็กนั้นมีป้ายห้ามผู้หญิงเข้า
มุมนี้มองเห็นเจดีย์เหลี่ยมที่อยู่อีกด้านหนึ่ง
ต่อจากนั้นเราเดินทางไปยังที่พัก โรงแรมเซ็นทารา ดวงตะวัน เก็บข้าวของ บางคนก็ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เย็นนี้ นพ.ชาญวิทย์ วสันต์ธนารัตน์ จาก สสส. เดินทางมาสมทบกับเรา
เรารับประทานอาหารมื้อเย็นที่ภัตตคารเจี่ยท้งเฮง สาขาฟ้าฮ่าม อาหารอร่อย ราคาไม่แพง หลายคนติดใจน้ำจิ้มที่มีเพียงพริกย่างใส่ในซีอิ๊ว (น่าจะเป็นพริกหนุ่ม) และพริกสดใส่ในจิ๊กโฉ่ว (ชิโฉ่) ซอสเปรี้ยวที่มีรสชาติดีมาก ไม่เปรี้ยวเกินไป
หลังอาหารคนที่ยังมีแรงก็ไปเดินตลาด (กลางคืน) ต่อ ส่วนดิฉันขอพักผ่อนและเข้านอนเร็วหน่อยดีกว่า
วัลลา ตันตโยทัย
บันทึกเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2557
เชียงใหม่ ยินดีต้อนฮับครับ ;)...
สวัสดีค่ะ ท่าน วัลลา ตันตโยทัย
วันนี้ได้กลับมาร่วม เที่ยวที่ เวียงกุมกาม ด้วยค่ะ ยังสวยงามเหมือนเดิมค่ะ