คิดถึงลูกประ


ผมจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าได้กิน "ลูกประ" ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ แต่มั่นใจว่าตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๓๓ ที่มาเรียนแพทย์อยู่ที่สงขลานั้น ผมไม่ได้เห็นลูกประอีกเลย

ความทรงจำเรื่องลูกประเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อครั้งไปเที่ยวที่สวนฝากฟ้า ของพี่หมอรังสิต ในช่วงราวปี พ.ศ.๒๕๔๑ ที่นบพิตำ

ตอนนั้นผมและเพื่อนๆ ทั้งเพื่อนปกติและเพื่อนที่ยอมมาเป็นเมียของผม ไปเที่ยวน้ำตกกรุงชิง ผมอยากพายเรือคายัค อยากล่องแก่ง ผมอยากเห็นน้ำตกที่ปรากฏอยู่บนแบ้งค์พันรุ่นแรกด้วยอารมณ์สงสัย ว่ามันเจ๋งอย่างไรจึงได้ไปอยู่ในแบ้งค์พัน

เราติดต่อการเที่ยวครั้งนี้กับพี่รังสิต รุ่นพี่หมอม.อ.ที่ผมทราบมาว่าท่านอยู่ที่ท่าศาลา และเป็นคนที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ คุ้นๆว่าผมอ่านเจอจากนิตยสาร อสท. และตอนนั้นเป็นที่น่าเชื่อว่า ที่นี่เป็นการจัดการท่องเที่ยงเชิงอนุรักษ์และโฮมสเตย์เป็นแห่งแรกๆของบ้านเรา (คิดเอาเองนะครับ)

ลูกประเข้ามากระทบจิตผมตั้งแต่นั้นนั่นเอง

ในคืนที่เรานอนในสวนฝากฟ้านั้น พี่รังสิตได้ฉายสไลด์บรรยายเรื่องราวเกี่ยวกับกรุงชิง และประวัติศาสตร์พื้นบ้านของคนนครศรีธรรมราชที่เกี่ยวกับพระเจ้าตากสิน และฉายภาพป่าที่มีต้นไม้ใบสวยกลุ่มใหญ่ และนั่นคือต้นประ ต้นไม้ที่แตกยอดออกใบเป็นสีทองแดง ๓ เฉดสีสวยงามเป็นที่สุด จากวันนั้น ต้นประก็เป็นต้นไม้ที่ผมไม่เคยลืมว่า สักวันหนึ่ง เราต้องได้ปลูกมันในพื้นที่ส่วนตัวของเราบ้าง

ผมเกือบจะลืมรสชาติของลูกประไปแล้ว ถ้าไม่ได้เห็นรุ่นน้องคนหนึ่งโพสต์รูปลูกประดองร่วมสะตอ

ในช่วงเดือนนี้ผมได้ยินเรื่องลูกประบ่อยมาก ทั้งจากคุณน้องท่านนั้น อาจารย์เภสัชท่านหนึ่ง รวมถึงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่จู่ๆพี่เปิ้ลก็เล่าให้ฟังว่าได้กินลูกประ และมันก็หมดไปเรียบร้อยเมื่อผมตาลุกวาวและบอกว่าจะไปกินด้วยที่บ้าน

"ให้ส่งของที่ไหนคะ" คือข้อความที่คุณน้องท่านนั้นส่งมาหาเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เธอบอกว่าเธอได้ลูกประมาแล้ว และจะส่งให้ผมกิน

"คือแบบว่า น้องครับ อย่าได้ต้องรบกวนคนอื่นเลย ไม่ใช่เครื่องบรรณาการ อย่าได้เดือดเนื้อร้อนใจ อยากกินไม่ใช่ต้องได้กิน อย่าลำบาก ไม่ดีเลย" ผมตอแหลออกไป ทั้งๆที่อยากกินใจจะขาด

"ไม่ได้ลำบากค่ะพี่แป๊ะ_ที่สำคัญของบางอย่างไม่ได้มีตลอดเวลาค่ะ_ตอนแรกนู๋ก้อคิดแบบที่พี่ว่าล่ะค่ะ _แต่... ก้อตัดสินใจอย่างที่กำลังทำ_อ. ถวัลย์ ดัชนี เคยบอกไว้ว่ากล้วยแก่ แกยังไม่กล้าซื้อ กลัวไม่ได้กินอ่ะ _ว่าแต่มันจะมีอีกมั้ยอ่ะจิ _ท่าจะอดซะมากกว่า อิ" เธอยังคงตอบมาแบบสไตล์ของเธอ ซึ่งมันยิ่งทำให้ผมมีความหวังมากยิ่งขึ้น

ผมได้รับของช่วงบ่ายวันจันทร์ ซึ่งเป็นเวลาที่ผมต้องเดินทางขึ้นบางกอก จึงต้องเก็บลูกประดองจากเมืองนครฯไว้ในตู้เย็นของโรงพยาบาล สวรรค์เหมือนกับจะกลั่นแกล้งผม เพราะได้ของมาแล้วก็ยังไม่สามารถจะกินได้

"สักเม็ดก่อนขึ้นเครื่อง พอเคลิ้มๆ 555" เธอยังอุตส่าห์หยอดมาให้อีกดอก

วันนี้เป็นวันบุญเล็ก หลายคนจึงไปทำบุญ หิ้วขนมต้ม ขนมเจาะรู และแกงสมรม ไปถวายพระ แต่ผมทำบุญต่างจากใครๆ เพราะไปเสวนาเรื่องทำแท้งอยู่ที่กรุงเทพ กลับจากงานบุญก็ถึงบ้านราวค่ำ ไม่ลืมที่จะแวะไปเอาลูกประดองที่โรงพยาบาล

อาหารบนโต๊ะถูกจัดวางไว้แล้ว แกงกะทิหน่อไม้ ที่ไม่สมรมแต่ก็สมใจ ผักเหนาะที่มีก็ใบหมุย ยอดใบมะเม่า และมะเขือเปาะสีม่วง ไม้แดกทั้ง ๓ ชนิดถูกเลี้ยงไว้ในรั้วบ้านของผมเอง จากนั้นเมียที่เคยเป็นเพื่อนก็หยิบถุงลูกประและเทมันออกราวกำมือหนึ่งเพื่อให้สามีของเธอที่เคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนได้กินคู่กับข้าว

กว่า ๒๐ ปีแล้วครับ ที่ไม่ได้แกะลูกประดองออกมากิน เพียงคำแรกผมถึงกับน้ำตาร่วง

จะว่าด้วยความตื้นตันก็ไม่ใช่ ด้วยความคิดถึงก็ไม่ถึงขนาดนั้น ระลึกความหลังไปได้ไกลถึง ๒๐ ปีก็เห็นจะนานไปหน่อย

ผมกัดลิ้นตัวเองเข้าไปดังหมฺรับ น้ำตาร่วงเผาะ

ประแกล้มเลือด รสชาติไม่เหมือนเมื่อครั้งที่ได้กินตอนเด็กๆเลยสักนิด

ธนพันธ์ ชูมีบุญได้กินของบ้านๆ

๘ กย 5๗

คำสำคัญ (Tags): #ลูกประ#ประ#ดอง
หมายเลขบันทึก: 576004เขียนเมื่อ 10 กันยายน 2014 00:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 กันยายน 2014 00:11 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ไม่ได้เห็นนนานมากแล้ว

เข้าใจว่าหายาก

ผมได้กินตอนอยู่ใต้ครับ

คุณหมอเล่าเสียเห็นภาพเลย

ขอบคุณมากๆครับ

ยังไม่เคยกินเลยค่ะ สงสัยต้องลองถามหาจากคนรอบๆตัวแถวนี้ดู ถ้าหาได้จะเอาไปเผื่อแผ่นะคะ อ.หมอแปร๊ะ

สวัสดีหมอ ได้กินทุกปีครับ ที่ตะโหมด ไปเก็บจากป่ามาดอง 

เรียนอาจารย์ โอ๋ เสียดายที่พรุ่งนี้ ต้องเดินทางไปจัดงานเกษียณลูกจ้างสาธารณสุขที่เชียงใหม่ 

วันหลังจะเอาลูกประดองไปฝากครับ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท