เถ้าละอองภูเขาไฟ ใช้ในการเพาะเห็ดและเพิ่มจุลธาตุในดิน


หลายคนคงจะนึกคิดว่าหินแร่ภูเขาไฟที่ชมรมเกษตรปลอดสารพิษนำมาเผยแพร่นั้นอยู่ในรูปของหินลาวาที่เย็นตัวลงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แท้จริงแล้วไม่ใช่นะครับ หินภูเขาไฟยังมีรูปแบบและลักษณะอื่นๆอีก เช่นเถ้า ละออง ฝุ่นของภูเขาไฟที่เกิดขึ้นในขณะที่กำลังระเบิดตัวเอง ซึ่งจะมีทั้งความพรุนและกลุ่มแร่ธาตุอาหารที่ส่วนใหญ่เป็นเทรซอิลิเมนท์หรือกลุ่มจุลธาตุ เช่น เหล็ก ทองแดง แมงกานีส สังกะสี โบรอน โมลิบดีนัม นิกเกิ้ล ฯลฯ ค่อนข้างมาก จึงทำให้กลุ่มเกษตรกรโดยเฉพาะผู้เพาะเห็ดนั้นนำเอาเถ้าภูเขาไฟ (ม้อนท์โมริลโลไนท์ Montmorillonite). ไปใช้ในกระบวนการผลิตในการทำก้อนเชื้อเห็ด ซึ่งช่วยทำให้เส้นใยของเห็ดเจริญเติบโตได้ดีมากขึ้นและมีความแข็งแรง รสชาติ

มีการนำเอาม้อนท์โมริลโลไนท์ไปหว่านในนาข้าวตอนทำเทือกเพียงครั้งเดียวก่อนหว่านแล้วไม่ต้องฉีดพ่นปุ๋ยหรืออาหารเสริมทางใบอีกเลย ก็ยังช่วยให้ผลผลิตของข้าวได้ร้อยถัง แสดงให้เห็นถึงศักยภาพความสมบูรณ์ของจุลธาตุที่อยู่ในแร่ม้อนท์โมริลโลไนท์ (อ.ดีพร้อม ไชยวงศ์เกียรติ โครงการใส่ปุ๋ยครั้งเดียว รอเกี่ยวร้อยถัง อ. ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี) จะเห็นได้ว่าความอุดมสมบูรณ์ของเถ้าภูเขาไฟในเรื่องแร่ธาตุอาหารเสริมหรือจุลธาตุมีมากเพียงพอ เมื่อใส่ทางดินให้แก่ข้าวหรือพืชอื่นๆ ก็แทบไม่ต้องฉีดพ่นอาหารเสริมให้สิ้นเปลืองแรงงาน สิ้นเปลืองต้นทุนอีก น่าเสียดายที่เกษตรกรส่วนใหญ่ไม่เน้นการให้ปุ๋ยทางดินแบบระยะยาว มองแต่ความฉาบฉวยเน้นที่เขียวเร็ว จึงทำให้ต้องไปซื้ออีขาว อีเหลือง อีส้ม อีแดง อีดำ อีนั่น อีโน่น อีนี่ซึ่งเป็นฮิวมิคแอซิดที่มีส่วนประกอบของกรดอมิโนอยู่ด้วย แล้วอ้างเรื่องโมเลกุลที่เล็กๆ (1-100นาโนเมตร) ความจริงอาจจะไม่ถึง เพื่อขายให้พี่น้องเกษตรกรที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์

ถ้านายทุนหรือนักโฆษณาพวกนี้สามารถหลอกให้คนเชื่อเพียง 1% ของคนไทยเกือบ 70 ล้านคน ด้วยการลงทุนโฆษณาในสื่อเคเบิ้ลทีวีสัก 20 ช่อง ช่องละ 500,000 บาท (ถือว่าสูงพอสมควรทีเดียว ถ้าราต่ำกว่านี้ก็กำไรเพิ่มอีก) เป็นเงิน 10 ล้านบาท แต่ถ้ามีคนเชื่อ 700,000 คนคือ1%ของ 70 หรือถ้ามากกว่านี้ก็ไปคิดกันเอาเองนะครับ คูณด้วยราคาขาย แผงละ 2,000 บาท เขาจะได้เงิน 1,400 ล้านบาท เทียบกับต้นทุนแค่ 10 ล้านบาทก็ถือว่าคุ้มค่าในเรื่องธุรกิจ หรือคุ้มค่ามากๆ จนแทบไม่ต้องแคร์สื่อหรือสังคมใดๆว่าสินค้าของเขาเหล่านั้นมีคุณภาพหรือไม่ขอให้เพียงเชื่อกับไม่เชื่อแล้วซื้อมาลองก็ถือว่าประสบผลสำเร็จทางธุรกิจแล้วละครับ ที่เล่าให้ฟังนั้นไม่มีเจตนาว่าเขาเหล่านั้นผิดหรอกนะครับสุดแต่ท่านผู้อ่านจะจินตนาการ เพียงแต่พวกเราชาวเกษตรที่เบี้ยน้อยหอยน้อยต้องฟังหูไว้หูและจะได้ไม่ต้องไปอยากลองของเขา เพราะจะทำให้เราเดือดร้อนครับ

มนตรี บุญจรัส

ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com

หมายเลขบันทึก: 575969เขียนเมื่อ 9 กันยายน 2014 15:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 กันยายน 2014 15:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท