คิดถึงเจ้า...ดอกไม้เมืองที่ปลิดปลิว


และหากวันนั้นมาถึง ผมคงมีความสุขที่ได้รำลึกถึงลุงจรัล บนแผ่นดินล้านนาที่เป็นบ้านเกิดของผม

เช้าวันอังคาร

เมืองปาย ๗ พ.ย.๔๙ 

 

ละอองฝนฉ่ำชื้น ฝนสั่งฟ้าโบกมืออำลาวสันตฤดู ตั้งแต่เช้ามืดหลังวันลอยกระทง ไฟฟ้าที่เมืองปายขี้เกียจอีกเช่นเคย คิดว่าเสาไฟคงโดนละอองฝน (เช่นเคย)  ทว่าเสียงเพลงไพเราะจากวิทยุชุมชนเมืองปาย ยังคงขับกล่อมคนเมืองปายในเช้าที่สวยงามไม่เคยว่างเว้น

<div style="text-align: center"></div><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal" align="center"> ภาพจาก http://www.jaranmanophet.com/</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p>บทเพลงที่ลอยละล่องในเช้าวันนี้ เป็นบทเพลงของปี้อ้ายจรัล  มโนเพ็ชร เป็นเพลงกำเมืองที่ผมคุ้นเคยเพราะเมื่อผมจำความได้ เพลงของปี้อ้ายจรัล ก็ดังกึกก้องในมโนสำนึกผมแล้ว </p><p>บัดนี้ปี้อ้ายจรัล (ผมควรเรียกท่านว่า ลุงจรัล)  ได้ละสังขารจากแผ่นดินล้านนาไปกว่า ๕ ปี เวลาผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน คิดว่าไม่มีใครลืมวันที่เราสูญเสียมหาศิลปินล้านนาในวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๔๔ ไปได้ ผมเกิดและเติบโตในแผ่นดินล้านนา พร้อมกับเสียงเพลงของลุงจรัลที่ขับกล่อม ประโลมแผ่นดินล้านนาและผู้คน ลุงจรัลได้แต่งเพลงและขับขานบทเพลงเหล่านั้นหลายร้อยชิ้น เป็นที่รู้จัก และเป็นที่ชื่นชมอย่างกว้างขวาง นับตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๐ เป็นต้นมา </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">เพลงของลุงจรัล มโนเพ็ชร เข้ามาแทนที่ช่องว่างในสังคมไทยในช่วงทศวรรษที่ ๒๕๒๐ ได้อย่างวิเศษ พร้อมกันนั้น ได้ปฏิบัติการกบฏละมุน (Soft  rebellion) ต่อสังคมไทยยุคเผด็จการได้อย่างมีศิลปะ ปลุกเร้าให้ผู้คนไม่น้อยได้รัยรู้พลังแนวรบด้านศิลปะ-วัฒนธรรม</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p>ภาพจาก http://www.jaranmanophet.com/ </p><p>เพลงของลุงจรัล ไม่ว่าจะเป็น ลุงต๋าคำ,ตากับหลาน,มิดะ,แม่ค้าป๋าจ่อม,สามล้อ,เสเลเมา,ซอของแพง,เอื้องผึ้งจันทน์ผา,ศิลปินป่า,ลมหนาว,รางวัลแด่คนช่างฝัน,ความหวังความฝันของวันนี้,กระแสธรรม ฯลฯ ล้วนแล้วแต่เป็นเพลงที่แสดงให้เห็นว่าลุงจรัลเป็นศิลปินคุณภาพ </p><p>เพลงของลุงจรัลสะท้อนให้เห็นความสำคัญของท้องถิ่น,ปัญหาท้องถิ่น การอนุรักษ์ทรัพยากร,ปัญหาสังคม,การสืบสานวัฒนธรรม,การให้ความสำคัญต่อคุณธรรม,ความหมายของการดำรงชีวิต ฯลฯ ลุงจรัลไม่เพียงแต่ขับกล่อมผู้คนและแผ่นดินแต่ได้ขับขานเสนอปัญหาท้องถิ่นและสังคม เปิดประเด็นเพื่อเสนอแนวทางในการรักษาและพัฒนาสังคมให้ดีขึ้นกว่าเดิม ปักธงรบด้านวัฒนธรรมกับทุนนิยม เปิดโอกาสให้ศิลปินคนเมือง เปิดวัฒนธรรมที่เป็นตัวตนสู่สากล </p><p>อาจารย์ธเนศว์ เจริญเมือง เขียนไว้ใน มติชนสุดสัปดาห์ ว่า</p><p>ที่เชียงใหม่ ควรมีการสร้างอนุสาวรีย์ จรัล มโนเพ็ชร ณ จุดใดจุดหนึ่งที่มีความหมายสำคัญกลางเมืองเชียงใหม่ เพื่อให้คนเมืองและคนทั่วประเทศและมิตรรักแฟนเพลงได้ไปเยี่ยมชม ไปแสดงความเคารพที่นั่นควรมีประวัติสั้นๆของลุงจรัล รูปปั้นควรเป็นรูปลุงจรัลนั่งดีดซึง ห้อมล้อมด้วยดอกไม้เมืองและสายน้ำไหลอันเป็นธรรมชาติที่ลุงจรัลรักและรณรงค์ตลอดมา  มีข่วงให้คนได้มานั่งพักผ่อน มองไปที่ลุงจรัลพร้อมกับเสียงเพลงของลุงจรัลที่ดังออกมาจากอนุสาวรีย์นั่น </p><p>อาจารย์ธเนศว์ แสดงความคิดว่า จุดใดจุดหนึ่งของข่วงท่าแพ น่าจะเป็นที่ตั้งที่เหมาะสมของอนุสาวรีย์แห่งนี้ </p><p>และต่อจากนั้น ในเช้าวันที่ ๔ ก.ย. ๔๙ ที่ผ่านมา คนเมืองและคนไทยที่รักลุงจรัลกลุ่มหนึ่งได้เดินทางไปยื่นจดหมายถึงนายกเทศบาลนครเมืองเชียงใหม่ เพื่อเสนอให้เทศบาลและคนเชียงใหม่ร่วมกันจัดสร้างอนุสาวรีย์เพื่อรำลึกถึงและเชิดชูเกียรติศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้  </p><p>และหากวันนั้นมาถึง ผมคงมีความสุขที่ได้รำลึกถึงลุงจรัล บนแผ่นดินล้านนาที่เป็นบ้านเกิดของผม</p><p><div style="text-align: center"></div></p><p>ผมขอคารวะศิลปินล้านนาผู้ยิ่งใหญ่ ด้วยดอกเก็ดตะหวา ดอกไม้เมืองแห่งความรักและมิตรภาพสวยงาม</p><hr>

ส่วนหนึ่งจาก  บทความพิเศษ อาจารย์ธเนศว์ เจริญเมือง "จรัล มโนเพ็ชร ๕ ปีที่จากไป" มติชน สุดสัปดาห์ ฉบับที่ ๑๓๖๒ ปีที่ ๒๖

จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร เรียบเรียงด้วยหัวใจละมุน

วันที่ ๗ พ.ย.๔๙

เมืองปาย,แม่ฮ่องสอน

</span>

หมายเลขบันทึก: 57581เขียนเมื่อ 7 พฤศจิกายน 2006 11:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:36 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)

"จรัล มโนเพ็ชร"...I have definitely known that he would have many interest people looking for his dedicated monument or forever reference krab.

His songs are forever local and beautiful evidences krab.

Thanks for having such a recognized story in your blog krab, Khun Aek.

Have a nice life at there....my dear friend... 

สวัสดีครับ POP:)  เพื่อนคนไกล

ครั้งหนึ่งเคยเห็นว่าคนที่ Perth กินแคบหมูกับน้ำพริกหนุ่ม นั่นผมแอบคิดว่า คงต้องฟังเพลงของลุงจรัล อยู่บ้าง (หมายถึงชื่นชอบอยู่)

POP:)  เองเคยอยู่ที่เชียงใหม่อยู่แล้วนะครับ คิดว่าสัมผัสวิถีคนล้านนาแล้ว คงซึมลึกไปกับเพลงของศิลปินที่อยู่ในใจของเราคนนี้นะครับผม

ขอคารวะศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งล้านนา

กับ  อินถวา อีกดอกด้วยคนนะค่ะ

ชอบ ลุงจรัล เหมือนกันค่ะ

คุณ  กัลปังหา

ดอกเก็ดตะหวา หรือ พุดซ้อน เป็นดอกที่สวยครับ กลีบแข็ง หอมหวาน รวยริน และสีขาวบริสุทธิ์ เป็นดอกไม้เมือง ดอกไม้ไทยที่แทนความรักได้ดี

"เป็นความรักที่ควรค่า"

ขอนอบน้อมแด่ศิลปินผู้เขียนแผ่นดินล้านนา

     เยบีล่า ดอกนี้แม้เกิดและเติบโตในต่างแดน แต่รอยประทับบนแผ่นดิสก์ก็เกิดจากคนไทยคนหนึ่งที่เชิดชูศิลปินล้านนา ลุงจรัล มโนเพชร ด้วยเหมือนกัน
     ขอคารวะท่านศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ ด้วยดอกไม้ดอกนี้ครับ
     จากใจคนไทยที่ยังรู้เพลงอุ๊ยคำได้
                  ไมโตคอนเดรีย

สวัสดีครับพี่ ไมโต

ผมดีใจครับที่พี่ร้องเพลงของคุณลุงจรัล มโนเพ็ชรได้

อย่างน้อยคนภาคอื่นๆก็สามารถรู้จัก กำเมือง วิถีคนเมืองล้านนาผ่านบทเพลงของคุณลุงจรัล มโนเพ็ชร ได้

ขอให้บทเพลง "รางวัลแด่คนช่างฝัน" ให้พี่ไมโตด้วยครับ

มาร่วมร้องเพลงค่ะ "ดอกบัวตองนั้นงามอยู่บนยอดดอย ดอกเอื้องส่างปอย บ่ เคย เบ่งบานบานบนลานพื้นดิน....ไม้ใหญ่ไพรสูง นกยูงได้อยู่กิน....เสียงซึงสล้อ จอย ซอเสียงพิณ คู่กับแดนดินของเวียงเจียงใหม่ สาวเจ้าควรภูมิใจที่เฮาได้เป็นลูกแม่ละมิง...คนงามงาม ต้องงามคู่ความเด่นดี...ต้องฮักศักดิ์ศรีของกุลสตรีแม่ย่าแม่ญิง....."

ทำให้ผมนึกถึง พี่สุนทรี เวชานนท์ นึกถึงร้านอาหารริมน้ำปิง

วันนี้มาเจอพี่สุนทรี จากหาดใหญ่ ตัวจริงเสียงจริง

..................................

ดอกเอื้องสามปอย = ดอกกล้วยไม้ชนิดหนึ่ง

จ๊อย = กวีรำพัน ภาษากำเมืองล้านนา

ลูกแม่ระมิงค์ = เวียงพิงค์ นครเชียงใหม่

....................................

ขอบคุณพี่เมตตาครับผม

 

ดิฉันก็เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชม และชื่นชอบ คุณจรัล มโนเพ็ชร ค่ะ ... ก้อ ทายาทเมืองด้วยค่ะ

  • สวัสดีเจ๊าพี่จตุพร  รู้ไหมคะว่าชอบบันทึกนี้ที่สู๊ดเลยค่ะ ^_____^
  • คนล้านนาไม่มีใครไม่รู้จักลุงจรัล มโนเพชร
  • อู้ถึงเพลงกำเมือง ไม่มีใครเทียบลุงจรัลได้ค่ะ
  • อ้อชอบเพลงของลุงจรัลค่ะ  ทุกวันนี้เวลาขับรถไปไหน  จะเอาเทปของลุงจรัลมาเปิดฟัง โดยเฉพาะเวลาคิดถึงบ้าน จะเปิดฟังตลอด
  • หากมีอนุสารวรีย์จริง ๆ จะดีใจที่สุดเลย

 

อาจารย์หมอนนท์

เพลงกำเมืองล้านนา ของปี้อ้ายจรัล คลาสสิคมากครับ เวลาฟังทำให้จินตนาการเพริดแพร้วทุกที

โดยเฉพาะเสียงสะล้อซอซึง เลือดคนเมืองล้านนาระอุอกทุกครั้งที่ฟัง

กึ้ดเติงล้านนาครับ

.............................

น้องอ้อ

ยินดีนักๆครับ น้องอ้อ

ขอมอบดอกเก็ดตะหวาหื้อน้องอ้อ ๑ ดอกครับ ดอกนี้หอมแต้ๆหนา

คนเมืองอย่างเราหากได้ฟังเพลงของปี้อ้ายจรัลผมเชื่อว่าต้องชื่นชอบทุกคนนะครับ

เรามาช่วยกันสนับสนุนอนุสาวรีย์ครับ หากเกิดมีจริงๆที่ข่วงท่าแพ คงโรเเมนติคนักขนาดเน้อครับ

ทราบมาว่า ทั้งปี้อ้ายจรัล และปี้สุนทรี  เวชานนท์ชอบดอกไม้เมืองมากเลยครับ อนุสาวรีย์คงเต็มไปด้วยดอกไม้เมือง เป็นแน่ครับ

ถึงพี่ชาย  จตุพร

        วันนี้ผมส่ง  อีเมลล์  บทกวี  จุดประกายมาให้พี่แล้ว  หากมีความคิดเห็นประการใดช่วยเสนอแนะด้วย

 ขอบคุณครับ

น้องชายของผมนาย สิทธิเดช กนกแก้ว

ผมขอบคุณมากครับ  บทกวีที่กินใจ ผมอ่านไปและคิดตาม

ผมขอนำขึ้นในหนังสือที่จะตีพิมพ์ครั้งนี้ครับ

ผมต้องขอบคุณมากๆเลยครับ

เพิ่งพบคุณจตุพรวันนี้ ยินดีนักที่เว็บjaranmanophet.com ยังมีประโยชน์ในการช่วยเผยแพร่เรื่องราวของอาจรัลที่ผมเคารพอย่างยิ่ง

ในเรื่องของอาจารย์ธเนศวร์ที่กำลังเดินเรื่องการจัดสร้างอนุวรีย์นั้นเป็นเรื่องที่ผู้ที่รักจรัล มโนเพ็ชรย่อมสมควรช่วยกันสนับสนุน ผมเองได้ลงลายมือชื่อไปกับอาจารย์แล้วเมื่อ 3 กันยายน 2549 ซึ่งปีนี้ครบ 5 ปีที่อาจรัลจากไป เราได้แต่หวังว่าจะสำเร็จในเร็ววัน  

แต่ถึงแม้ยังไม่ได้รับการตอบรับจากจังหวัด ผมอยากแจ้งให้ทราบว่าทุกวันนี้ยังมีสถานที่ที่ถือเป็น "ตำนานสถานแห่งความทรงจำ" ถึงจรัล มโนเพ็ชร อยู่ที่เชียงใหม่

ร้านสายหมอกกับดอกไม้ มีรูปปั้นโลหะจรัล มโนเพ็ชร ตั้งอยู่ เป็นรูปปั้นที่เพื่อนศิลปินของอาจรัลจัดสร้างให้ด้วยหัวใจจริง ที่ใต้ฐานของรูปปั้นนั้นมีอัฐิของอาจรัลบรรจุอยู่

ถ้าถามว่าทำไมรูปปั้นของอาจรัล มโนเพ็ชรไปอยู่ที่นั่น คำตอบคือแผ่นดิน ณ ที่นั้นเป็นแผ่นดินที่อาจรัลเคยอยู่เคยดูแลต้นไม้ดอกไม้ และแน่นอนว่าเป็นเวทีของจรัล มโนเพ็ชรเมื่ออาขึ้นมาเมืองเหนือครับ

ทุกตารางนิ้วของสายหมอกกับดอกไม้เป็นความรักความหวังและความฝันของอาจรัล

แผ่นดินตรงนั้นเป็นที่ที่จรัล มโนเพ็ชร ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2541 ด้วยเจตนาใช้เป็นที่จัดกิจกรรมเพื่อนำรายได้ไปทำงานด้านวัฒนธรรมท้องถิ่น

 อีกทั้งรู้กันว่าถือเป็นเวทีสุดท้ายในชีวิตอาจรัล

ครับ อาจรัลกำกีตาร์ และเป่าเม้าท์ของอาที่นั่นเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตการร้องเพลงของศิลปินที่ชื่อจรัล มโนเพ็ชร ก่อนจะเสียชีวิตในอีกสองสัปดาห์ถัดมา

เกิดอะไรในคืนสุดท้ายของชีวิตจรัล มโนเพ็ชร ที่ขึ้นเวทีร้องเพลงที่สายหมอกกับดอกไม้ คุณจตุพรทราบไหมครับ

คืนนั้นอาจรัลเล่นเพลง "มิดะ" และแล้วสายกีตาร์ขาดครับ อาเปลี่ยนสายทันที แล้วเล่นต่อ แต่อีกไม่กี่วินาทีถัดมา ลิ้นเม้าท์ก็หัก อาก็เปลี่ยนไปใช้เม้าท์อีกตัวที่มีสำรองอยู่เสมอในย่ามปั๊กกะญอของอาจรัล

วันนี้เค้าเก็บสถานที่นี้กันไว้ เพื่อเป็นเกียรติแด่อาจรัลคนช่างฝัน

ที่นั่นเล็กๆ แต่เป็นบ้านสุดท้ายในชีวิตศิลปิน ไม่สวยหรู ไม่ติดน้ำปิง ไม่ยิ่งใหญ่ แต่ที่นั่นเป็นที่จริง ศิลปินอย่างอาจรัลอยู่ที่นั่น เป็นความรักความฝันความหวังของอาจรัล

ไปเยือนไปเยี่ยมเพื่อรำลึกถึงได้ บางคนเข้าไปพร้อมช่อดอกไม้ พวงมาลัย บางคนเพียงดอกไม้ดอกเดียวก็เพียงพอ

เพียงแวะไปรำลึก อาจรัลคงยินดี

ประเทศอื่นๆในโลกเค้าเห็นคุณค่าของแผ่นดินที่ศิลปินเคยใช้ชีวิตกันทั้งนั้น แต่ประเทศไทยคงมีเพียงชนกลุ่มน้อยที่เข้าใจ หรือมีใจให้

ก็แปลกดีครับ

ผมเคารพอาจรัลเป็นที่สุดเพราะอาจรัลได้ช่วยผมตามความฝันของตนเอง ทั้งที่ไม่เคยรู้จักเป็นส่วนตัวมาก่อนเลย ตราบจนอาจรัลเสียชีวิต

ผมทำเว็บ jaranmanophet.com ขึ้นมาก็เพื่อสิ่งนี้

อาจรัลจากไปแล้ว แต่ได้ทิ้งสิ่งล้ำค่าไว้มากนัก

ศึกษาไตร่ตรองให้ลึกอย่างที่อาเป็นเถอะครับ

อย่ารักแต่เพลงเพียงอย่างเดียว เพราะแค่การร้องเพลงของจรัล มโนเพ็ชรได้ทุกเพลง คงไม่ใช่สิ่งที่ศิลปินจริงๆอย่างอาคาดหวัง

ค้นให้พบถึงเบื้องลึกถึงความงามในหัวใจเช่นอาจรัลน่าจะเป็นสิ่งดีงามต่อโลก เหนืออื่นใด 

ลืมบอกไปครับ

ดอกไม้ที่อาจรัลรักที่สุด คือดอกกุหลาบสีเหลือง ครับผม

ดอกไม้พื้นเมืองนั้นอาย่อมรักอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นคงไม่คิดแต่งเป็นเพลงออกมา แต่ว่าถึงดอกไม้ที่อารักที่สุด คือกุหลาบเหลือง

เบื้องหลังของแต่ละคน ความประทับใจในแต่ละคนเป็นสิ่งลึกล้ำ คงขึ้นอยู่กับเรื่องราวที่แต่ละคนพบพานมา อาจรัลเองก็เช่นกัน ตัวอาเองเท่านั้นที่รู้ว่าทำไมอาถึงรักดอกกุหลาบสีเหลืองที่สุดครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท