Archanwell
รศ.ดร. พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร

​ความสดชื่นและสมหวังของชีวิตนักกฎหมาย.... เรื่องเก่าที่เอามาเล่าใหม่


ความสดชื่นและสมหวังของชีวิตนักกฎหมาย

โดย รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร

เมื่อ พ.ศ.๒๕๓๐

---------------------------------------------------------------

เมื่อดิฉันเริ่มสอนหนังสืออีกครั้งหนึ่งในคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดิฉันมีความแปลกใจที่พบว่านักศึกษาหลายคนคิดว่าตนเองไม่มีความสามารถไม่มีประสิทธิภาพจึงไม่ได้หวังอะไรมากสำหรับชีวิต พวกเขาคิดแต่เพียงจะเรียนไปวัน ๆ ทำงานไปวัน ๆ โดยไม่คิดสร้างสรรค์แผนการใด ๆ ไว้สำหรับอนาคตเลย ดิฉันเข้าใจว่าอารมณ์เรื่อยๆ เฉื่อย ๆ นั้นเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ปุถุชน แต่ดิฉันรู้สึกตกใจที่อารมณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในจิตใจของคนหนุ่มสาวที่ชีวิตยังไม่ได้เริ่มต้นอย่างจริงจัง ชีวิตของคนที่เสมือนหนึ่งดอกไม้ที่เริ่มผลิบาน แสนสวยงามและสดชื่น เรามีความรู้สึกว่า ชีวิตน้อย ๆ นี้น่าจะสะอาด บริสุทธิ์และเต็มไปด้วยความฝัน ความหวัง ความจริงในจิตใจของคนหนุ่มสาวที่เป็นลูกศิษย์ในปี ๒๕๓๓ นี้ทำให้ดิฉันรู้สึกกังวลเสียเหลือเกิน

ทำไมพวกเขาหลาย ๆ คนจึงขาดความฝัน ความหวัง ความสดชื่นและรอยยิ้ม ?

ทำไมพวกเขาจึงไม่เชื่อว่าคนเองอาจเป็นนักกฎหมายที่ดีและมีประสิทธิภาพของสังคมได้ ?

ทำไมพวกเขาจึงไม่คิดว่าตนเองควรจะเป็นนักกฎหมายที่ดีและมีประสิทธิภาพของสังคม ?

ความเป็นนักกฎหมายที่ดีและมีประสิทธิภาพของสังคมมีประโยชน์อย่างไร ?

และเมื่อชมรมนิติศาสตร์ รุ่น ๒๕๓๐ มาขอให้เขียนอะไรสักอย่างหนึ่งที่อยากเขียนแก่บัณฑิตนิติศาสตร์รุ่น ๒๕๓๐ ดิฉันจึงใคร่จะขอใคร่ครวญปัญหาต่าง ๆ ที่ทำให้จิตใจของคนหนุ่มสาวนิติศาสตร์ในยุคนี้ต้องมัวหม่นลงอย่างน่าเสียดาย

อารมณ์ที่เฉยเมยต่อความฝันความมีชีวิตชีวามักจะเกิดเสมอในรูปของอารมณ์ชั่ววูบในคนหนึ่งอยู่วัยค่อนข้าง “กร้านโลก” กล่าวคือ ผ่านเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างทั้งทุกข์และสุขมาอย่างมากมาย จนเมื่อเจอทุกก็ไม่ทุกข์ เจอสุขก็ไม่สุข แยกไม่ออกระหว่างทุกข์และสุข ถ้าเรา “ทำใจได้อารมณ์เซ็ง ๆ เหล่านี้ก็จะอยู่กับเราไม่นานและผ่านเข้ามาไม่บ่อย แต่ถ้าเราไม่ยอมรับวัฎจักรของความเป็นจริงเราก็คงจะเซ็งบ่อยและนาน ลงท้ายก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่า ตัวเองจะเป็นคนดี จะรุ่งเรืองเจริญขึ้นไป ๆ เรื่อย ๆ เพื่อใคร ก็อยู่มันไปเรื่อย ๆ วัน ๆ อย่างนี้จนกว่าจะตายก็พอแล้ว อารมณ์ประเภทนี้โดยปกติมักจะพบในคนเริ่มแก่ และแก่แล้วทั้งหลาย

แต่ในโลกปัจจุบัน โรคขาดความฝันพบอยู่ประปรายในบางช่วงอารมณ์ของคนหนุ่มสาวเหตุของโรคนี้ก็คือสภาพของสังคมสมัยใหม่ก็กำหนดให้หนุ่ม ๆ สาว ๆ ต้องแข่งขันกันในทุกด้านไม่ว่าจะเล่นหรือเรียน ชีวิตต้องพบกับความรู้สึกแพ้ชนะ ผิดหวัง สมหวัง และสุข ทุกข์มาตั้งแต่ยังเป็น ด.ช.หรือ ด.ญ. ล่ะมัง ความคุ้นเคยต่อชีวิตที่ขึ้น ๆ ลง ๆ จึงทำให้หนุ่มสาวเกิดความไม่ไว้วางใจชีวิต ไม่เชื่อในการพัฒนา ไม่เชื่อในความดี ไม่เชื่อในความรัก ไม่มีความหวัง ไม่รู้จักที่จะฝืนเอาเสียเลย แม้ในวันผลิบานของชีวิตดอกไม้น้อย ๆ เหล่านี้จึงแห้งเหี่ยว วาดความสวย สดชื่น สภาพเช่นนี้มันเป็นความผิดของใครกันนะ ? ทำอย่างไร เราจึงจะทำให้คนหนุ่มสาวกลับมายิ้มแย้มอย่างไร้เดียงสาได้อีก ?

เมื่อหันกลับมามองดอกไม้น้อย ๆ ของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์สวนเล็ก ๆ ของวงการกฎหมายไทยที่เคยมีดอกไม้น้อย ๆ มากมาย แสนสวย สดชื่น หอมกรุ่น ตลอดเวลา มาบัดนี้ท่ามกลางดอกไม้ที่ชูช่อเป็นกอ ๆ เราจะสามารถพบดอกไม้แห้ง ๆ แฝงอยู่ประปรายที่นั่นบ้างที่นี่บ้าง หนุ่มสาวบางคนของคณะนิติศาสตร์ไม่คิดที่จะผูกความก้าวหน้าของชีวิตไว้กับความเป็นนักกฎหมายเขามาเรียนกฎหมายก็เพราะคิดผิด ระบบการเข้ามหาวิทยาลัยทำให้มาตกอยู่กับคณะนี้ พ่อแม่ชอบหรือบางทีตั้งใจจะเดินเข้ามา แต่ก็มาเหี่ยวแห้งลงเพราะทำใจยอมรับระบบการเรียนนิติศาสตร์ไม่ได้ หรือไม่อาจเอาชนะระบบการวัดผล หรือผจญความมีใจที่ทำด้วยอิฐหรือปูนของบุคลากร ในคณะ ฯ พวกเขาเหล่านี้จึงล้มป่วยลงด้วยโรคขาดความฝันและความเชื่อในความหวังผลก็คือ บ้างก็เลิกเรียนเอก บ้างก็ถูกรีไทร์ และบ้างก็กัดฟันเรียนไปจนจบ แต่พอเมื่อจบก็จะเอาปริญญานิติศาสตร์บัณฑิตบรรจุโกฐิตั้งไว้ใต้หิ้งพระเสียเลย ขอเพียงเป็นบัณฑิตมีปริญญาก็พอ แล้วจะไปเริ่มต้นทำอย่างอื่นต่อไป อะไรก็ได้แต่ขออย่างเดียวอย่าให้มีคำว่า มาตราบทบัญญัติหลักกฎหมาย ฯลฯ กล่าวคือ ขออย่าให้เกี่ยวกับกฎหมายเลยเจ้าประคุณ !

ดอกไม้น้อย ๆ ทั้งหลายเอ๋ย ทำไมเจ้าจึงไม่เชื่อว่าตนเองอาจเป็นนักกฎหมายที่ดีและมีประสิทธิภาพของสังคมได้ล่ะ ? สิ่งที่เจ้าอยู่กับมันมาตั้ง ๔ – ๕ – ๖ -๗ ปี เจ้าก็ต้องรู้จักมันมากกว่าสิ่งที่เจ้าไม่รู้จักมันเลยมิใช่หรือถ้าเจ้าลงมือทำงานในทางกฎหมาย เจ้าก็จะต้องทำได้ดีกว่าอย่างอื่นที่เจ้าไม่รู้จักดีได้แน่ปัญหามีเพียงว่า เจ้ากล้าทำหรือเปล่าเท่านั้น

การจะเป็นนักกฎหมายที่ดีและมีประสิทธิภาพของสังคมมิใช่ของยากประการแรกก็คือ ควรจะตั้งใจเรียนถ้าทำได้ ผลการเรียนก็จะดีเป็นผลธรรมดา คนเรียนดีได้ไม่จำเป็นต้องเป็นคนฉลาดสมองดีหรองตั้งใจก็พอคนเก่งกฎหมายจึงไม่จำต้องเป็นคนฉลาด คนฉลาดที่ไม่ตั้งใจเรียนก็อาจเป็นนักกฎหมายที่แย่ที่สุดได้ แต่ถ้าฉลาดและตั้งใจเรียนผลที่ได้รับก็จะเลิศเลอทีเดียว ความตั้งใจเรียนนั้นก็ไม่ใช่ของง่ายที่จะทำแต่ก็มิใช่ยากเกินไป ตั้งใจเรียนไม่หมายความว่าดูหนังสือหามรุ่งหามค่ำไม่เป็นอันทำอะไรตั้งใจเรียนคือ แบ่งเวลาเป็น ทำงานสม่ำเสมอพักผ่อนในเวลาอันควร ชีวิตจะได้มีหลายรส ความสดชื่นจะได้อยู่กับชีวิตตลอดไม่ว่าเราจะแก่ลงไปวันละเล็กวันละน้อยก็ตาม ยิ้มได้ทุกวันทุกเวลาทุกสถานที่ ทุกสถานการณ์

เมื่อเราตั้งใจเรียน เราก็จะเรียนดีถ้าเราเรียนดี เราก็จะรู้ดีในกฎหมายที่เราเรียน เมื่อเรารู้กฎหมายดี เราก็จะรู้จักใช้กฎหมายต่อข้อเท็จจริงในสังคมได้ ความสามารถอันนี้จะทำให้เราทำอะไรก็ได้ในสายวิชาชีพของนักกฎหมายโดยตรง เช่น อัยการ ผู้พิพากษา ทนายความ ที่ปรึกษาทางกฎหมาย หรือในสายที่กฎหมายมีบทบาทอย่างมากอื่น ๆ เช่น ตำรวจ ทหาร ปลัดอำเภอ เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองทุกประเภทหรือถ้าเราอยากจะเป็นอิสระก็อาจจะไปในภาคธุรกิจเอกชน เช่น บริษัทต่าง ๆ ธนาคาร ธุรกิจก็อยู่ภายใต้กฎหมาย ถ้าเรารู้จักใช้กฎหมายมาให้เสถียรภาพแก่ธุรกิจแล้ว จะไม่มีภัยใด ๆ มาแผ้วพานธุรกิจได้เลย

ถ้าเราเป็นคนที่ใช้กฎหมายเป็นกล่าวคือรู้รอบตลอดตัวบทกฎหมายแล้ว เราแน่ใจหรือไม่ เราควรจะเป็นนักกฎหมายที่ดีและที่มีประสิทธิภาพ ? สังคมของเรานอกจากจะเต็มไปด้วยการแข่งขัน ยังท่วมท้นไปด้วยของเน่าเสียทางความคิดมากมาย เรามักจะเจอกับเรื่องของการ “ทำดีได้ชั่ว” หรือ “ทำชั่วได้ดี” เสมอ ความเป็นนักกฎหมายที่ดีและมีประสิทธิภาพของสังคมมีประโยชน์อะไร? เป็นสิ่งที่แน่นอนว่า นักกฎหมายที่ลืมจะทำความดี (เลย) พยายามที่จะหาทางหลีกเลี่ยงหรือละเมิดกฎหมายเพื่อให้ได้มาเพื่อประโยชน์อันมิชอบก็อาจจะมีทางได้มาซึ่งสินจ้างรายได้มากกว่านักกฎหมายที่ดีและมีประสิทธิภาพ กล่าวง่าย ๆ ก็คือ ร่ำรวยได้เร็วกว่าและมากกว่า แต่การมีพฤติกรรมเช่นนี้นั้นเป็นทางหนึ่งที่ทำให้ความสดชื่นของชีวิตหมดไป พฤติกรรมอันนี้เป็นเรื่องที่ต้องปิดบัง เมื่อถูกค้นพบเมื่อใด ความหายนะก็จะมาถึงทั้งในทางทรัพย์สินและจิตใจ ผลกระทบจะมีทั้งต่อตัวเองและครอบครัว พฤติกรรมเหล่านี้จึงบ่อนทำลายความสวยงามของชีวิต ตั้งแต่วินาทีที่เริ่มกระทำแม้ว่าจะยังไม่มีใครล่วงรู้ถึงพฤติกรรมนี้ก็ตาม เพราะตกอยู่ในความกลัวว่าใครจะพบความชั่วร้ายที่ก่อเอาไว้ และผลร้ายต่าง ๆ จะมาถึงตัว ท่ามกลางความร่ำรวยในทางวัตถุซึ่งอาจเป็นชื่อเสียงหรือเงินทอง จิตใจของเราจะไม่มีวันสงบสุขและสดชื่นได้เลย แต่ในทางตรงกันข้าม ความดีและมีประสิทธิภาพจะทำให้ความร่ำรวยในชื่อเสียงและเงินทองของเราคงมั่นถาวรชีวิตของเราก็ปราศจากความกลัวสีดำที่อยู่กับเราตลอดเวลา แม้ในยามที่เราอยู่คนเดียว ความสดชื่นของชีวิตก็จะอยู่กับเราอย่างไม่อาจจะระเหยหายไปได้เลย

ดิฉันจึงอยากบอกกับบัณฑิตรุ่น ๒๕๓๐ และชาวนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ คนอื่น ๆ ว่า จงพยายามที่จะเป็นนักกฎหมายที่ดีและมีประสิทธิภาพของสังคมเถิด แล้วชีวิตของเราจะมีแต่ความสดชื่นและสมหวังที่มิใช่พลาสติก ความสุขที่จะได้รับจะเป็นสิ่งที่แตะต้องได้และคงทนถาวร อย่างกลัวที่จะฝันและหวัง แม้ว่าสิ่งที่หมายมั่นจะสูงหรืออยากที่จะไขว่คว้า ความตั้งใจที่จะทำ หรือจะเรียนรู้จะนำมาซึ่งความสำเร็จเสมอ และอย่าลืมอีกว่า ความดีและความมีประสิทธิภาพจะทำให้ความสำเร็จของเรานั้นเป็นนิรันดร หลักง่าย ๆ อย่างนี้แหละที่ทำให้สวนดอกไม้ที่สวย สดชื่น หอมกรุ่นอย่างไม่รู้โรยทีเดียว รักดอกไม้ทุกดอกค่ะ

--------------------------------------------------------------------

หมายเลขบันทึก: 574993เขียนเมื่อ 23 สิงหาคม 2014 10:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 สิงหาคม 2014 10:09 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท