ผู้ป่วยหญิงไทย อายุ 54 ปี ศาสนาพุทธ ป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรังมาตั้งปี 2547 (ต้องล้างไตสัปดาห์ละ2ครั้ง) ป่วยเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะปี 2554 และต่อมาปี 2556 ป่วยเป็นมะเร็งโพรงมดลูก ฉันได้รู้จักคุณดา(นามสมมติผู้ป่วย) ขณะมารับการฉายรังสี
คุณดาและคุณดอน (นามสมมติสามี) มีอาชีพค้าขาย (ขายปลาร้า ปลาส้ม ไตปลา ปลาเค็ม) มีบุตร 3 คน คนโตเป็นผู้ชายอายุ 26 ปี อาชีพรับจ้างอยู่ที่ระยอง ลูกสาวคนที่ 2 อายุ 24 ปี อาชีพรับราชการ (ผู้ช่วยวิจัยในมหาวิทยาลัยแห่งในกรุงเทพฯ) ลูกสาวคนสุดท้องอายุ 23 ปี ทำงานรับจ้างที่ประเทศออสเตรเลีย
คุณดาเป็นคนเข้มแข็ง อดทน ขี้เกรงใจ ช่วงที่เจ็บป่วยเธอจะช่วยตัวเองและบอกกับสามีว่า อย่าไปรบกวนลูกดังนั้นในช่วงการรักษาการฉายรังสี ฉันจึงไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับลูกๆของคุณดา
สิ่งที่ทำให้ฉันสนใจคุณดาและห่วงคุณดอนเป็นพิเศษ เนื่องจากมีการสัมภาษณ์ผู้ป่วยในงานปีใหม่รังสีรักษาซึ่งคุณดาเป็น 1 ใน 6 คน จากคำพูดของคุณดา “ช่วงแรกก็รู้สึกกลัว เครียด ไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไหร่ แต่เมื่อแพทย์บอกว่าเป็นช่วงของโรคที่ไม่มีระยะจัดขั้นไม่ได้แล้วก็รู้สึกว่าที่อยู่ได้ทุกวันนี้ก็ดีแล้ว มีแค่ความเป็นห่วงสามี กลัวจะทำอะไรด้วยตัวเองไม่ได้หลังจากที่ตนเองตายไปและสามีบอกว่าจะสตาฟเธอ เธอบอกว่าเธอไม่ใช่หมาหรือแมว” เธอพูดจบเธอร้องไห้
ฉันเข้าไปกอดและให้กำลังใจเธอ ฉันรับรู้ว่าสิ่งนี้ทำให้เธอทุกข์มาก ปัญหาที่จะเกิดขึ้นคือคุณดอนรับไม่ได้กับการสูญเสียที่จะเกิดขึ้นและมีโอกาสเกิดภาวะผิดปกติจากการเศร้าโศกสูญเสีย
หลังจากวันนั้นคุณดาจะมาปรึกษาว่า “พี่ฟ่งจะทำอย่างไรดีกับสามี เพื่อให้ยอมรับและไม่มีการยื้อชีวิต ตอนนี้คุณหมอบอกว่าไตก็เข้าขั้นระยะสุดท้าย”
“สิ่งแรกที่ควรทำการทำหนังสือแสดงเจตนาเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลในวาระสุดท้ายส่วนคุณดอนพี่อยากคุยด้วยสังเกตทุกครั้งเขาจะพยายามหลบหน้า” ฉันเสนอความคิดเห็น
“จะเขียนอย่างไรค่ะ” คุณดาถาม
“มีแบบฟอร์มค่ะ ลองไปอ่านพิจารณาดูก่อนนะค่ะ และต้องมีการเซ็นต์ชื่อทุกครั้งที่แสดงเจตนามีพยานเซ็นต์ชื่อด้วย” ฉันพูดเสร็จพร้อมหยิบแบบฟอร์มให้
“ขอบคุณค่ะ” คุณดายกมือไหว้
2 วันต่อมาเธอนำหนังสือแสดงเจตนาเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลในวาระสุดท้ายพร้อมกับจดหมายเขียนถึงสามี สัญญา 5 ข้อ โดยชุดตัวจริงเก็บที่ตัวเธอเองสำเนาให้พี่สาว น้องสาว(ข้างบ้าน) และอีกฉบับนำมาให้ฉันเก็บรักษาไว้ เธอเล่าว่าสามีไม่ยอมอ่านและเซ็นต์
ฉันบอกคุณดอนว่า “ขอเวลา 5 นาทีมีของจะให้”
ฉันหยิบจดหมายขึ้นมาอ่านและบอกว่าให้ฟังด้วยนะ ใช้เวลาไม่นานเกิน 5 นาที
“สัญญา 5 ข้อ เขียนวันที่ 16 มีนาคม 2556 ดิฉันมีสติทุกอย่างที่เขียนจดหมายฉบับนี้
2.ดิฉันอยากจะให้พี่สาวที่อยู่อุดรลงมาทำกับข้าวเร็วๆหน่อยๆนะ เพราะว่าสามีดิฉันคงทำอะไรไม่ถูก และให้แกไปรับพี่น้อมที่อยู่หาดใหญ่ในมาทำกับข้าวด้วย ทำตามที่ดิฉันบอกด้วยว่ามีอะไรบ้าง ดิฉันจะได้สบายใจแต่ว่าถ้าดิฉันไม่เป็นอะไรก็เป็นบุญของดิฉันด้วย
3.ดิฉันจะเขียนถึงน้องชายดิฉันที่อยู่ระยอง ดิฉันขอบคุณน้องชายกับน้องสะใภ้ดิฉันที่เขาสอนให้ลูกของดิฉันเป็นคนดีได้บวชเรียนดิฉันจะไม่ลืมพระคุณ...
4.มีพี่น้อง 4 คน ดิฉันอยากให้เขารักใคร่สามัคคีกันอย่าทะเลาะกันมีอะไรก็ให้พูดดดีๆ ดิฉันจะได้นอนตาหลับ ดิฉันขออโหสิกรรมทุกอย่าง.....
5.ข้อสุดท้ายดิฉันอยากเขียนถึงพี่น้องทางญาติแฟนดิฉันว่า อาเตี่ย อาโกเป็นผู้ใหญ่และอาโกทุกๆคนเป็นคนที่มีพระคุณต่อดิฉันเพราะว่าเขามีบุญคุณต่อดิฉันและหลานทุกคนมากๆ....
จากใจ
ขอให้ทุกคนมีความสุขกายสุขใจรักษาสุขภาพให้แข็งแรง”
ขณะที่อ่านจดหมายฉันสังเกตเห็นคุณดอนร้องไห้ จึงได้เปิดโอกาสให้คุณดอนระบายความรู้สึก หลังจากนั้นคุณดอนจะนั่งอยู่คุยทุกครั้งที่มาส่งคุณดา
จนกระทั่งวันหนึ่งคุณดามีอาการซึม บวมทั่วตัว ไตไม่ทำงาน และมีการติดเชื้อในกระแสเลือด แพทย์บอกว่าไม่สามารถล้างไตได้อีกแล้ว คุณดอนกลับบอกคุณหมอเองว่า “ดูแลแบบประคับประคอง ไม่ขอยื้อชีวิต”
ส่วนลูกทั้ง 3 คน ได้เข้ามากอด กราบไหว้ขออโหสิกรรมแม่ บอกแม่ไม่ต้องห่วงพวกเขา เขาช่วยตัวเองได้และช่วยดูแลพ่อ นำกูลิโกะสุนัขกระเป๋าที่ผู้ป่วยรักมากมาเยี่ยม สุดท้ายลูกๆทั้ง 3 สวดมนต์ให้แม่ฟังโดยมีพ่ออยู่ข้างๆ
2-06-56 (18.25 น.)จากไปสงบสมศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
สามีและลูกๆคุณดาบอกว่า “คุณดาเหมือนคนนอนหลับ หน้าอมยิ้ม เป็นภาพการจากไปที่สวยงาม”
ขออนุโมทนาครับพี่ฟ่ง สวยงามจริงๆ