​ชีวิตที่พอเพียง : ๒๑๘๑. ไปอเมริกา ๑. การเดินทาง


          ผมเดินทางไปนอร์เวย์และฟินแลนด์ ๑๐ วัน กลับมาเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๗ อยู่บ้าน ๒ วันก็ต้องออกเดินทางอีก ๑๒ วัน คราวนี้ไปอเมริกา และจีน ออกเดินทางเช้ามืดวันที่ ๕ และจะกลับตอนดึก ของคืนวันที่ ๑๖ พฤษภาคม

          หายไป ๑๐ วัน กลับมาบ้านเป็นฤดูฝนแล้ว กบเขียดส่งเสียงร้องระงม เป็นดนตรีธรรมชาติที่ไม่มี ในประเทศตะวันตก

          เรื่องไม่สบายใจในช่วงนี้คืออาการป่วยครั้งสุดท้ายของแม่ โทรศัพท์คุยกับน้องชาย ว่าขอให้ช่วยกันดูแล ไม่ให้แม่รู้สึกทรมาน

          เช้าวันที่ ๕ พฤษภาคม สาวน้อยนัดคุณสุพรรณ โชเฟอร์แท็กซี่ที่อยู่ในหมู่บ้านเอื้ออาทรให้มารับเวลาตีสี่

          การเดินทางครั้งนี้ไปเป็นคณะเหมือนคราวที่แล้ว และมีสมาชิก ๙ คนเท่ากันพอดี แต่คราวนี้มี เจ้าหน้าที่ไปติดต่ออำนวยความสะดวกคนหนึ่งคือคุณแอ้ม ซึ่งจัดการข้อมูลประกอบการเดินทาง การดูงาน และการประชุมดีมากเป็นพิเศษอย่างน่าชื่นชม

         คราวที่แล้วไปดูงาน และเจรจาความร่วมมือ ด้านพัฒนาคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐาน และร่วมมือ ผลิตบัณฑิตสถาปัตยกรรมศาสตร์ คราวนี้เป้าหมายหลักคือไปประชุมวิชาการด้านสุขภาพโลก (Global Health) ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี และถือโอกาสดูงาน GH ที่ซานฟรานซิสโก และวอชิงตัน ดีซี เสียด้วยเลย

          คราวที่แล้วเดินทางโดยการบินไทย คราวนี้ใช้บริการของ ANA จึงได้โอกาสเปรียบเทียบบริการ ว่าแตกต่างกันอย่างไร และเปรียบเทียบผลต่อร่างกายและการนอนหลับด้วย เพราะคราวที่แล้วบินไปทาง ทิศตะวันตก คราวนี้มุ่งตะวันออก แต่ก็ต้องเอาปัจจัยความโทรมจากการเดินทางครั้งแรกที่ร่างกายยังไม่ฟื้นตัวดี มาหักลบด้วย

          ผมไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิเวลา ๔.๕๐ น. เข้าคิวสัก ๒๐ นาทีก็เช็คอินเสร็จ และผ่านช่องทาง Fast Track ไปนั่งที่ห้องรับรองของการบินไทย พบว่าคนน้อยมาก แต่หลังจากนั้นคนก็เริ่มเข้ามา ห้องรับรองของ การบินไทยนี้ น่าจะถือว่าดีที่สุดแห่งหนึ่งในโลก คือกว้างขวางและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แต่ก็สู้ที่ ดูไบไม่ได้ ในด้านบริการที่อู้ฟู่ด้วยของกินนานาชนิด โดยเฉพาะไวน์ ที่รินเองได้ไม่อั้น และเป็นไวน์ชั้นดีเสียด้วย

         เครื่องบินออกจากสุวรรณภูมิตรงเวลา บินไม่ถึง ๖ ชั่วโมงก็ถึงนาริตะ เป็นเดรื่อง B 777-200 ที่นั่งชั้น ธุรกิจมี ๕ แถว แถวละ 2+3+2 ที่นั่ง ผมนั่งแถวหลังสุดริมหน้าต่าง คือ 5K คู่กับคนญี่ปุ่นที่กินและดื่มแหลก บริการอาหารมีทั้งอาหารญี่ปุ่นและอาหารฝรั่ง ผมเลือกอาหารญี่ปุ่นซึ่งมี ๕ ชุด กินแล้วนึกถึงตอนไปพัก ออนเซนที่ญี่ปุ่น ซึ่งเขาเลี้ยงอาหารด้วย ตามที่เล่าไว้ ที่นี่

           อาหารที่เสิร์พครั้งแรกเรียกว่า Amuse มี (๑) พริกสองสีดอง และแตงกวาเล็กๆ ดอง (๒) ขนมปังขาไก่รสงาขาว ชิ้นเล็กๆ (๓) ปลาโอะเฮียวม้วนชีสรสผักชีลาว รายการที่สามนี้กินแล้วไม่รู้ว่าเป็นอะไร ทั้งๆ ที่ตั้งใจรับรสเต็มที่ รายการนี้น่าจะเพื่อเรียกน้ำย่อย

         เสิร์พครั้งที่ ๒ มาในถาด พร้อมกัน ๒ ชุด คือ Kuchidori กับ Kobachi รวมทั้งสองชุดมี ๑๔ รายการ รายการนี้น่าจะเพื่อกระตุ้นต่อมรับรส เพรามีหลากหลายรสมาก แต่ในเอกสารรายการบอกว่า Kuchidori ประกอบด้วย ปลาไหลม้วนไส้ผักโกะโบ ปลาแซลมอนรมควันม้วนไส้ดอกนะโนะฮะนะ ลูกชิ้นปลาใส่สาหร่าย วะคะเมะ หน่อไม้ต้มปรุงรสตำรับโทะซะ ส่วน Kobachi ประกอบด้วย ผักเซเลอรี่กับไก่คลุกโชยุรสเผ็ด : ผักเซเลอรี่กับเนื้อไก่คลุกโชยุผสมมัสตาร์ด โรยไข่ปลาโทะมิโกะ

          เสิร์พครั้งที่สาม เป็นอาหารจานหลัก (Shisai) กับข้าว เขาบรรยายอาหารจานหลักว่า ปลาเนื้อขาวปรุงรสมิโซะ (๒๘๒ กิโลแคลอรี) : ปลาเนื้อขาวแช่มิโซะย่าง รับประทานกับฟักทอง มันหัวเล็ก เห็ดหอม แครอท ฯลฯ ต้มปรุงรส ส่วนข้าวเขาบรรยายว่า ข้าว : ข้าวหอมปรุงรสใส่หอยลาย ซุปมิโซะ ผักดองญี่ปุ่น

          เครื่องบินลงเวลา ๑๔.๔๕ น. เร็วกว่าเวลาตามกำหนด ๑๕ นาที อากาศที่สนามบินนาริตะมัวและมีฝนตก คณะที่เดินทางด้วยกัน ๗ คน เดินไปตามเส้นทาง International Flights Connection ไปผ่านการตรวจอาวุธ แล้วไปที่เคาน์เตอร์ International Connection เขาบอก Gate และบอกห้องรับรองที่อยู่ใกล้ Gate เมื่อเราไปถึงที่ห้องรับรองคนมาก แต่ก็พอจะหาที่นั่งแยกๆ กันได้ ห้องรับรองมีของกินมาก และกว้างคล้ายที่ห้องรับรองของการบินไทย ที่สุวรรณภูมิ มีห้องอาบน้ำด้วย แต่คิวยาว ต้องไปจอง แล้วเขาให้เครื่องตามตัวมารอให้เขาตาม ผมสมัครอาบน้ำ เพราะเมื่อเช้าไม่ได้อาบ ระบบน้ำที่บ้านขัดข้อง สาวน้อย อีเมล์มาบอกว่าปั๊มน้ำปกติ แต่ท่อรั่ว ๒ แห่ง บ้านก็เหมือนคน พอแก่เข้าก็ชำรุดที่นั่นที่นี่

          พอได้อาบน้ำ ก็พบว่าบริการครบถ้วนดีกว่าห้องอาบน้ำที่สนามบินทุกแห่งที่ผมเคยไปอาบ เสียแต่ว่า ไม่มีแปรงและยาสีฟัน แต่ก็มีโถส้วมให้ใช้ จึงฉลองเสียหน่อย อุ่นก้นดีพิลึก เพราะมีระบบอุ่นที่รองนั่ง อยู่ตลอดเวลา และเมื่อจะเปิดน้ำไล่ของเสีย ก็ไม่ต้องเอามือสัมผัสส่วนใดๆ แค่เอามือไปโบกตรงที่เขาทำ เครื่องหมายไว้ sensor ก็ทำงานเอง

          ตอนนี้อากาศที่โตเกียวอุ่น ในห้องรับรองจึงค่อนข้างร้อน ผมไม่กินอาหารที่เขามีไว้รับรอง ดื่มแต่ชาเขียวเย็น และลองวิสกี้ญี่ปุ่นชื่อ Hakushu Single Malt Whisky หอมดี

          บนเครื่องบินผมอ่านนิตยสาร ไทม์ ฉบับวันที่ ๕ - ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นฉบับพิเศษ The 100 Most Influential People ผมอ่านเพื่อตรวจสอบว่ามีคนทางการศึกษา (education) บ้างไหม พบว่าไม่มี มีแต่เฉียดๆ คือ นักวิจัย Stem Cell ชื่อ Robert Lanza (58) แห่งบริษัท Advanced Cell Technology ที่ทำวิจัยร่วมกับ นักวิจัยที่ CHA University แห่งเกาหลีใต้ ที่เอานิวเคลียสของเซลล์ร่างกายคนไปใส่ในไข่และบังคับให้กลายเป็น stem cells ชนิดที่ต้องการได้, อีกคนหนึ่งคือ David Sinclair (44) ศาสตราจารย์ด้านพันธุศาสตร์ที่ฮาร์วาร์ด ทำวิจัยหาวิธีย้อนกลับสู่ความเป็นหนุ่มสาว โดยค้นพบสาร NAD ที่ลดลงเหลือครึ่งหนึ่งเมื่ออายุมากขึ้น การเพิ่มสารนี้ ทำให้เซลล์มีพฤติกรรมของความเป็นหนุ่มสาว

          เที่ยวบิน NH 0008 จากนาริตะไปซาน ฟรานซิสโก เป็นเครื่อง B 777-300 ชั้นธุรกิจที่นั่ง (นอน) สบายกว่าเที่ยวจากกรุงเทพ - โตเกียวมาก ผมได้ที่นั่ง 8E แล้วขอเปลี่ยนไปยังที่ว่างข้างๆ คือ 8C ที่มองหน้าต่าง ได้ดีกว่า การจัดที่นั่งคล้ายของการบินไทยตอนไป-กลับ ออสโล

          ถึงเวลากินอาหาร ซึ่งเป็นเวลา ๑๘.๑๕ น. ของญี่ปุ่น ๑๖.๑๕ น. ของไทย และ ๒.๑๕ น. ของซานฟรานซิสโก เป็นอาหารชุดใหญ่ ผมเลือกอาหารญี่ปุ่น เพื่อเสพอาหารเชิงวัฒนธรรมไปด้วย เริ่มด้วย Amuse ซึ่งน่าจะหมายถึงอาหารที่สร้างความพึงพอใจ ไม่ใช่กินอิ่ม ผมกินกับเครื่องดื่มยอดนิยมของผม เวลาขึ้นเครื่องบิน คือ Gin Tonic อาหารชุดนี้นิดเดียว ในเมนูบอกว่าประกอบด้วย

  • Young bamboo shoot aspic with okra puree
  • Marinated herring , feta cheese and semi-dried cherry tomato
  • Yuzu-citron flavored cheese bar

          รายการที่ ๒ มา ๓ อย่างตามในเมนู คือ (๑) Zensai ซึ่งหมายถึงอย่างละคำ ได้แก่ Sea bream shshi wrapped with bamboo leaf, asparagus rolled with grilled beaf, Aspic of sea urchin, sake-steamed abalone, pickled wasabi (๒) Otsukuri (a selection of sasimi) ประกอบด้วย Dressed kombu kelp-cured masu salmon with coleseed, Aspic of mozuku seaweed (๓) Kobashi (Tasty tidbits) ประกอบด้วย Snow crabmeat and egg pudding

          รายการที่ ๓ เป็นอาหารจานหลัก เป็น Grilled Spanish mackerel with Japanese cherry blossom flavor (174 kcal) มา     กับรายการที่ ๔ คือข้าว Steamed rice mixed with burdock root, Miso soup และ assorted Japanese pickles

           รายการที่ ๕ ของหวาน และชากาแฟ ซึ่งผมเลือก ชาเขียว

          อาหารทั้งหมดนั้นผมกินพร้อมกับ Plum wine : Umeshu ของญี่ปุ่น

          กินเสร็จ แปรงฟัน กินยามื้อค่ำ ยานอนหลับ แล้วนอน

          ที่นอนสบายดีมาก ดีกว่าของการบินไทยนิดหนึ่ง ตรงที่มีเสื่อปูทับที่นอน และผ้าห่มก็ห่มสบายกว่า แต่ก็ดีกว่านิดเดียวเท่านั้น นอนได้สัก ๔ - ๕ ชั่วโมง ก็ตื่นขึ้นมากินอาหารเช้า ซึ่งผมเลือกอาหารญี่ปุ่นอย่างเคย กินกับชาเขียว

          จากการสังเกตอาหารญี่ปุ่น เทียบกับอาหารไทย แตกต่างกันที่อาหารญี่ปุ่นจะแยกมาอย่างละนิด เพื่อให้ได้รสชาติที่แตกต่างกัน เสริมรสด้วยของดอง ส่วนอาหารไทยมีการปรุงผสมส่วนปรุงหลายอย่าง ในอาหารชนิดเดียว และกินอย่างละมาก ได้ความอร่อยกลมกล่อมจากส่วนผสมหลายอย่างในเวลาเดียวกัน อาหารญี่ปุ่นแต่ละคำอาจมีรสไม่เหมือนกันเลย ในขณะที่อาหารไทยแต่ละคำมีรสเหมือนๆ กัน แต่มีหลายรสหลายกลิ่นในคำเดียวกัน

          เครื่องบินลงตรงเวลา ๑๐.๓๕ น. สนามบินซานฟรานซิสโก ไม่คับคั่ง การตรวจคนเข้าเมืองและ รับกระเป๋าทำได้เร็ว แต่ต้องออกมารอรถ Shuttle ที่จองไว้นานเกือบชั่วโมง ไปถึงโรงแรม Carriage Inn ซึ่งอยู่ที่ถนน 7th Street ตัดกับ Howard Street ห่างจาก Union Square ประมาณ ๑.๕ ก.ม. ห่างทะเล ๓ ก.ม.

          แม้เวลา เช็คอิน จะเป็น ๑๕ น. แต่เขาก็หาห้องให้เราเข้าพักได้เลย ผมได้ห้อง ๓๐๑ อยู่ติดกับลิฟท์ ห้องกว้างเตียงใหญ่ สะดวกสบาย

          ที่สนามบิน เราใช้ไวไฟเข้า อินเทอร์เน็ตได้ ผมจึงได้ข่าวการจากไปของแม่ เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม เวลา ๑๗ น.


วันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๗

          เราเดินทางจาก ซาน ฟรานซิสโก ไป วอชิงตัน ดีซี นั่งรถ Shuttle ของบริษัท GO Lorrie’s Airport Shuttle ไปสนามบิน บริการของบริษัทไม่ดี โชเฟอร์ไม่มีน้ำใจ ไม่ช่วยยกกระเป๋า และตอนไปรับที่สนามบิน ก็ให้เรารอเป็นชั่วโมง แต่ตอนมารับที่โรงแรม นัด ๗ โมงเช้า เรารอคนที่ยังไม่พร้อมไม่กี่นาทีเขาเร่งแล้วเร่งอีก อ้างว่า ต้องไปรับผู้โดยสารรายต่อไป

          อ่าน นสพ. The Wall Street Journal วันที่ ๘ พฤษภาคม พบเรื่อง Man-made DNA Opens Door และเมื่อค้นใน กูเกิ้ล พบ บทความนี้ เลือดนักพันธุศาสตร์ชราก็วิ่งพล่าน ว่ามนุษย์เราช่างเก่งกาจจริงหนอ ธรรมชาติมีเบสเพียง ๔ ตัว (A, T, G, C) สำหรับทำหน้าที่รหัสพันธุกรรม แต่บัดนี้ นักวิทยาศาสตร์ค้นพบ วิธีสร้าง เบส อีก ๒ ตัว ได้รหัสสำหรับกรดอะมิโนเพิ่มขึ้น จาก ๒๐ ชนิด เป็น ๑๗๒ ชนิด เขาเรียก ดีเอ็นเอสังเคราะห์นี้ว่า Expanded DNA (eDNA) ซึ่งกรดอะมีโนแต่ละชนิดจะใช้รหัสเบส ๖ ตัว ไม่ใช่ ๔ ตัวตามธรรมชาติ เขาระบุโอกาสประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนี้ ๙ ด้าน คือ ป้องกันการปลอมแปลง, นิติเวช, วัสดุนาโน, วัคซีน, น้ำยาสำหรับการวิจัย, diagnostics, การพัฒนายา, ยาปฏิชีวนะชนิดใหม่, ยารักษามะเร็งชนิดใหม่

          แต่บทความเรื่องเดียวกันใน The New York Times National ชื่อเรื่อง Scientists Add Letters to DNA’s Alphabet , Raising Hope and Fear เขียนดีกว่า ว่าการค้นพบนี้ บ่งชี้ว่า น่าจะมีสิ่งมีชีวิตที่มีระบบการดำรงชีวิต และแพร่พันธุ์แตกต่างจากชีวิตบนโลก อยู่ในดาวดวงอื่นในจักรวาล และเป็นการเปิดประตูของการค้นคว้า พัฒนาวัคซีน ยา และผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รวมทั้งเตือนว่า ในทางลบ เป็นการเปิดโอกาสให้มนุษย์ทำตัวเป็นพระเจ้า ที่ซุกซน สร้างสิ่งมีชีวิตใหม่ๆ ที่อาจก่อปัญหาให้แก่โลก

          ระหว่างเดินทาง เราทราบข่าวคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ว่า นส. ยิ่งลักษณ์ และรัฐมนตรีอีกจำนวน หนึ่งมีความผิดในการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี โดยต้องออกจากตำแหน่งทันที และต่อมา ปปช. ชี้มูล ความผิดทุจริตจำนำข้าว ผมได้อ่านบทความในสื่อมวลชนฝรั่งเกี่ยวกับการเมืองไทย ที่ไม่สนใจหรือไม่เอ่ยถึง การโกงกินของรัฐบาลทักษิณที่มียิ่งลักษณ์เป็นหุ่นเชิด ยึดมั่นอยู่เฉพาะที่การเป็นรัฐบาลที่ได้รับการเลือกตั้ง จากประชาชน เช่นบทความโดย Thomas Fuller เรื่อง Thai Prime Minister Ordered Removed From Office. Party Denounces Court’s Ruling as a “New Form of Coup d’tat”

วิจารณ์ พานิช

๕ พ.ค. ๕๗ เพิ่มเติม ๘ พ.ค. ๕๗ ปรับปรุง ๒๖ พ.ค. ๕๗

โรงแรม Carriage Inn, San Francisco และบนเครื่องบิน UA ไป วอชิงตัน ดีซี

หมายเลขบันทึก: 570587เขียนเมื่อ 17 มิถุนายน 2014 14:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2014 21:09 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปของคุณแม่ด้วยค่ะอาจารย์

คุณแม่ท่านละสังขารอย่างเป็นสุขแล้วนะคะ..

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท