nui
นาง เสาวลักษณ์ พัวพัฒนกุล

Salzburg : ไปตามรอยหนัง The Sound Of Music


ออกจากมิวนิคไปซอลเบิร์ก ออสเตรีย เพื่อตามรอยหนัง The Sound Of Music ต้องไปรถไฟเที่ยว ๕.๔๔ น. เพื่อให้ทันทัวร์รอบ ๙.๓๐

นั่งรถ ๒ ชั่วโมงถึงซอลเบร์ก ต่อรถเมล์ไปลงหน้าวังมิราเบลซึ่งเป็นที่จอดรถนำเที่ยว ซื้อทัวร์คนละ ๔๐ ยูโร ตอนขึ้นไปบนรถคิดว่ามีไม่กี่คน สักพักคนมาจนเต็ม มีคนญี่ปุ่น จีน และไทยคือเราสองคน คิดว่าจะมีเฉพาะคนสูงวัย กลับมีคนหนุ่มสาวอยู่มากกว่าครึ่ง แสดงว่าแฟนหนังเรื่องนี้มีทุกเพศวัย

คุณปีเตอร์เป็นไกด์พาไปจุดแรกริมทะเลสาบหน้า Leopoldskron Palace เป็นฉากที่มาเรียพาเด็กๆ พายเรือเล่นแล้วกลับมาบ้านเจอกัปตัน เด็กๆ ดีใจจนทำเรือล่ม


วังแห่งนี้ถ่ายหลายฉากในหนัง ถ้าจะเข้าไปดูในวังและนั่งกินอาหารเช้าด้วย ต้องซื้ออีกทัวร์ราคา ๑๖๐ ยูเอสดอลล่าร์!!

จุดที่สองพาไปดู Gazebo (ศาลานั่งเล่นในสวน) ที่ Hellbrunn Palace หลังใช้ถ่ายทำได้มอบ Gazebo ให้เมืองซอลเบร์กแล้วถูกนำมาวางไว้ที่นี่ ให้แฟนหนังแวะมาชม รอคิวถ่ายรูปแล้วกลับ

Gazebo ปรากฏในฉากสำคัญในหนังถึง ๒ เพลง คือเพลง Sixteen Going On Seventeen ของ ลิเซิ่ล กับ รอล์ฟ และเพลง I Have Confidence ของกัปตันกับมาเรีย แต่ในความเป็นจริง ฉากร้องและเต้นอันงดงามอ่อนหวานถ่ายทำในฉากที่เซ็ทขึ้นที่ลอสแอนเจลิสแทบทั้งหมด โดยเฉพาะเพลง I Have Confidence ไม่ได้ถ่ายทำที่ซอลเบร์กเลย

คราวนี้พาขึ้นเขาไปชมทะเลสาบซอลเบร์ก และหมู่บ้านรอบทะเลสาบ ซึ่งปรากฏเป็นภาพมุมสูงในฉากแรกของหนัง

ที่สุดท้ายพาไปชมวิหารมอนเซ่ (Mondsee Cathedral) ซึ่งใช้ถ่ายทำฉากแต่งงานของกัปตันกับมาเรีย และในวันที่ไปดูก็มีการแต่งงานจริงๆ เราจึงได้เห็นชุดแต่งกายแบบบาวาเรียนที่สวยงามของบรรดาแขกที่มางาน เข้าไปในโบสถ์ก็ได้แต่ชะแง้มองเพราะคนแน่นไปหมด ด้วยความเกรงใจเราจึงต้องรีบออกมา

คุณไกด์แค่พาเดินไปปล่อยที่หน้าวิหารแล้วนัดเจอที่รถ

รถนำเรากลับมาที่วังมิราเบล พาเราเข้าไปปล่อยในวังให้เดินชมกันเอง

ภาพสวนวังมิราเบลนี้เป็นที่จดจำมากในหนัง  เราไปยืนมองและจินตนาการภาพจากหนังเหมือนนักท่องเที่ยวอื่นๆ  ที่เห็นไกลๆ บนยอดเขา คือ ป้อมโฮเฮนซอลเบร์ก (The Festung Hohensalzburg )


เราเดินชมสวนภายนอกวังมิราเบล และถ่ายภาพในฉากที่เราคุ้นชินในหนังจนครบ

ฉากสำคัญที่ทำให้เราอยากมาเยือนซอลเบร์กคือ ฉากเพลง Do Re Mi ของมาเรียกับเด็กๆ ที่พาเราชมทั่วเมือง และทัวร์ ๔๐ ยูโรก็ไม่ได้ตอบโจทย์เรา

ซื้อตั๋วรถรางขึ้นป้อมโฮเฮนซอลเบร์ก (The Festung Hohensalzburg )บนเขากลางเมืองสร้างในปี คศ. ๑๔๒๕เราสามารถมองเห็นโดดเด่นจากทุกจุดในเมือง ในหนังเราก็ได้เห็นป้อมนี้ในฉากเปิดเรื่องและเพลงโดเรมี

หนัง The Sound of Music ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าชมเมืองซอลท์เบร์กปีละไม่น้อย การชมเมืองโดยมีภาพจำของหนังกับการชมเมืองแบบนักท่องเที่ยวทั่วไปย่อมต่างกัน ทุกภาพที่เราอยากเห็นจึงเชื่อมโยงกับหนังในดวงใจของเราทั้งหมด

ในรถขากลับ ไม่น่าแปลกใจที่ทุกคนในรถร้องเพลงทุกเพลงที่ไกด์เปิดให้เราฟังอย่างมีความสุข

ถ้าได้ไปเยือนซอลเบร์กอีกครั้ง เราจะเดินทางท่องเที่ยวเองให้อิ่ม.

๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗

หมายเลขบันทึก: 568542เขียนเมื่อ 18 พฤษภาคม 2014 21:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 พฤษภาคม 2014 21:30 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (20)

น่าประทับใจจังนะครับคุณหมอ

แต่ละภาพสวยงามมากจ้ะ  ขอบคุณจ้ะ

สวยงามมากค่ะ ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าประกอบภาพ ทำให้อยากเห็นจริง ๆ ค่ะ

...อ่านบันทึกจบ ...ต้องขอชื่นชมคุณnuiมากๆค่ะ... แฟนพันธุ์แท้ตัวจริงนะคะ...

อ่านแล้วคิดถึงหนังในดวงใจที่ได้ดูซ้ำๆหลายรอบค่ะ...จนถึงบัดนี้ ไม่มีการถ่ายทำ remake อีกเลย

สวยงามมากๆๆ นะคะ  

  

สถานที่ถ่ายทำสวยมาก

การดูหนังทำให้อยากไปสถานที่นั้นๆนะครับ

ขอบคุณคุณพิชัย พ.แจ่มจำรัส ค่ะ พี่เองก็ประทับใจซอลเบร์กมากค่ะ 

ขอบคุณน้องครู  คุณมะเดื่อ

หาโอกาสไปเที่ยวนะคะ

น้อง กุหลาบ มัทนา ไปซอลเบร์กมาแล้วไม่ใช่หรือคะ

เป็นหนังที่ชอบมากค่ะ ดร. พจนา แย้มนัยนา ดูไม่เบื่อ

ไปค่ะพี่นุ้ย ไปทะเลสาป Hallstatt ที่อยู่ใกล้ ๆ กันและเหมืองเกลือค่ะ แต่ไม่ได้ไปเส้นทางที่ถ่ายทำ The sound of Music ค่ะ ขอบคุณภาพสวย ๆ ทุกฉากและเรื่องราวประทับใจมาก ๆ ค่ะ

เคยเห็นแต่ใบปิดละครค่ะพี่ใหญ่ นงนาท สนธิสุวรรณ ปีก่อนเห็นที่ญี่ปุ่น ใช้นักแสดงญี่ปุ่นนะคะ (จะเอามาให้ดู แต่หาภาพไม่เจอค่ะ)

อาจารย์ Dr. Ple ไปเที่ยวสิคะ ลูกๆ น่าจะชอบ

เป็นกับหนังบางเรื่องค่ะ น้องอาจารย์ ขจิต ฝอยทอง

สำหรับ The Sound of Music นี่คนรักทั่วโลกจริงๆ ลองหามาดูสิคะ  เรื่องอื่นๆ สักพักก็ซา

สวยมากๆ ค่ะน้อง กุหลาบ มัทนา เหมืองเกลือก็มีทัวร์ขาย แต่พี่ไม่ได้ซื้อ ไม่มีเวลา

ขอบคุณดอกไม้กำลังใจจากคุณ  Bright Lily  และคุณยาย  ยายธี

เห็น sound & scene ของยุค 60 แล้วอยู่ดีๆ ก็คิดถึง หมอรุ่นพ่อรุ่นแม่ ที่ไปทำงานตั้งถิ่นฐานในอเมริกา :)

ขอบคุณคุณหมอป. ป.  สมัยนั้นแพทย์ไทยไปทำงานที่โน่นกันเยอะจริงๆ 

พี่ซื้อหนังสือของ OSHO มาสองเล่มตามที่คุณหมอแนะนำ อ่านไม่ยาก แต่ยังอ่านไม่จบเลยค่ะ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท