เหตุผล 12 ประการที่น้ำหนักตัวไม่ลด


เหตุผล 12 ประการที่น้ำหนักตัวไม่ลด

คุณ Susan Kraus, MS, RD นักโภชนาการประจำศูนย์การแพทย์ Hackensack University Medical Center ในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวว่า เมื่อใดที่เราเริ่มออกกำลังกายและควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนักตัวลง เราก็มักจะคาดหวังผลเลิศล่วงหน้า แต่ในความเป็นจริงนั้น ผลเลิศที่หวังนั้นมักจะไม่ได้มาง่ายๆ ด้วยเหตุผล 12 ประการ ดังนี้คือ

ออกกำลังกายไม่มากพอ

ปริมาณแคลอรี่ที่เราได้เผาผลาญด้วยการออกกำลังกาย ขึ้นอยู่กับความหนักและระยะเวลาของการออกกำลังกาย โดยทั่วไปกิจกรรมที่ต้องแบกน้ำหนักตัวสู้กับแรงดึงดูดของโลกในขณะออกกำลังกายเช่น การเดิน วิ่ง และเต้น จะเผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่ากิจกรรมที่ไม่ต้องแบกน้ำหนักตัวเช่น การปั่นจักรยานและว่ายน้ำ อย่างไรก็ดี เราควรจดบันทึกกิจกรรมที่ทำ ความหนัก ระยะเวลา และชีพจรในขณะออกกำลังกายเอาไว้เพื่อใช้เป็นฐานเบื้องต้นในการเพิ่มความหนักและระยะเวลาต่อไป

นอนพักผ่อนไม่มากพอ

ฮอร์โมนหลายชนิดในร่างกายของเราจะหลั่งในเวลากลางคืนเฉพาะในเวลาที่เราหลับเท่านั้น การนอนพักผ่อนไม่มากพอจะส่งผลกระทบต่อการหลั่งของฮอร์โมนที่จำเป็นเหล่านั้น นอกจากนี้ การนอนดึกมักจะควบคู่ไปกับการทานดึกไปด้วยซึ่งจะเพิ่มแคลอรี่

เครียดมากเกินไป

งานวิจัยของมหาวิทยาลัย 2 แห่งคือมหาวิทยาลัย Rush University Medical Center และ University of Pittsburgh ในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้พบว่าความเครียดทำให้ผู้หญิงมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้หญิงวัยกลางคน โดยมีผลสรุปตรงกันว่าเป็นผลมาจากการหลั่งของฮอร์โมน การทานเพื่อคลายเครียด และการนอนที่แปรปรวนไปซึ่งส่งผลต่อการสะสมของไขมันในร่างกาย

อดอาหาร

การอดอาหารมักนำไปสู่การหิวโหยและการทานมากยิ่งขึ้นในที่สุด ซึ่งกลับทำให้ร่างกายได้รับแคลอรี่มากยิ่งขึ้นกว่าปกติ งานวิจัยที่มหาวิทยาลัย Vanderbilt University ในประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าการอดอาหารต่อเนื่องนานกว่า 72 ชั่วโมงจะส่งผลให้ร่างกายหยุดเผาผลาญและเริ่มสะสมไขมันแทน และหลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ การเผาผลาญลดลง 16 %

ทานแคลอรี่มากเกินไป

แม้จะลดการทานลงแล้วก็ตาม แต่ท่านควรรู้ปริมาณที่ทานด้วยการคาดคะเนอย่างง่ายๆด้วยสายตาเช่น เนื้อสัตว์ 3 ออนซ์มีขนาดเท่ากับสำรับไพ่ ข้าว 1 ถ้วยมีขนาดเท่ากับลูกเบสบอลล์ ชีสเนยแข็ง 1 ออนซ์มีขนาดเท่ากับลูกเต๋าคู่หนึ่ง นอกจากนี้คุณควรจดบันทึกปริมาณและสิ่งที่ทั้งทานและดื่มไปอย่างละเอียด เพื่อจะได้ทราบปริมาณแคลอรี่แท้จริงที่ร่างกายได้รับ

ดื่มแคลอรี่มากเกินไป

หลายท่านประมาทกับปริมาณแคลอรี่ในเครื่องดื่ม ต่อไปนี้เป็นปริมาณแคลอรี่ในเครื่องดื่มขนาด 12 ออนซ์คือ โซดา 150-200 แคลอรี่น้ำผลไม้ 180 แคลอรี่ชาที่มีความหวาน 150 แคลอรี่เครื่องดื่มเกลือแร่ มากกว่า 100 แคลอรี่ การดื่มเครื่องดื่มที่มีปริมาณแคลอรี่ขนาดนี้ 3 แก้วต่อวันติดต่อกัน 7 วันจะเพิ่มปริมาณแคลอรี่ที่ร่างกายได้รับและทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้ถึง 1 ปอนด์( 0.5 กก)ภายในหนึ่งสัปดาห์ ดังนั้นหากท่านเปลี่ยนมาดื่มน้ำเปล่าแทน น้ำหนักตัวจะลดลงได้ง่ายยิ่งขึ้น

ความใส่ใจกับการทานและการออกกำลังกาย

หากท่านทานสลัดผักแล้วคิดว่าจะช่วยลดน้ำหนักตัวลงได้ แต่เติมน้ำสลัดแบบครีมแล้วโรยหน้าด้วยชีส เบคอน และขนมปังกรอบ หรือ บางครั้งท่านอุตส่าห์เดินออกกำลังกายถึง 3 ไมล์(4.8 กม) แต่แล้วไปทานมัฟฟิน 1 ชิ้นซึ่งมีปริมาณแคลอรี่ใกล้เคียงกับที่คุณได้ใช้ไปในการเดินนั่นเอง ดังนั้น หากต้องการลดน้ำหนักตัวให้ได้ผล ท่านต้องใส่ใจทั้งในเรื่องของการทานและการออกกำลังกายไปพร้อมๆกันด้วย โดยอย่าคิดว่าเน้นเพียงเรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้ว ก็ย่อหย่อนกับอีกเรื่องหนึ่งได้ เพราะน้ำหนักตัวจะไม่ลดลง

วันหยุดสุดสัปดาห์

ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ท่านอาจเผลอทานมากเกินไปหรือดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์ ซึ่งอาจส่งผลเสียตามมาในสัปดาห์ถัดไปเพราะร่างกายได้รับแคลอรี่มากเกินไปจนน้ำหนักตัวไม่ลดลง ท่านจึงควรใส่ใจกับการทานและดื่มให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม

ความอดทน

การลดน้ำหนักตัวอย่างถูกต้องจำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัวเพื่อเผาผลาญไขมันส่วนเกินและสร้างกล้ามเนื้อ หากท่านทานวันละไม่เกิน 2000 แคลอรี่* และออกกำลังกาย 30 นาทีเพื่อเผาผลาญ 250 แคลอรี่ ท่านก็อาจลดน้ำหนักตัวได้ 1.5 ปอนด์(0.7 กก)ภายในหนึ่งสัปดาห์ ท่านจึงต้องมีความอดทนอยู่อย่างสม่ำเสมอ

สุขภาพ

หากสุขภาพของท่านมีปัญหาและทำให้เคลื่อนไหวได้อย่างจำกัด นั่งๆนอนๆมากไป หรือทานยาซึ่งทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเช่น ยาพวกสเตียรอยด์ ยาเกี่ยวกับระบบประสาท อินซูลิน และยาลดความดันโลหิตบางชนิด ท่านก็ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการเพื่อปรับยาหรือปรับการทานอาหารช่วยอีกด้วย

น้ำหนักตัวไม่ลด

เป็นธรรมดาที่เมื่อน้ำหนักตัวลดลงสักระยะหนึ่งแล้วจะไม่ลดลงอีก แต่หากท่านสังเกตุดูจากการที่ร่างกายกระชับขึ้นและไขมันส่วนเกินลดลงแล้ว ท่านก็ควรมั่นใจได้ว่าท่านได้ทำถูกต้องและเริ่มได้ผลแล้ว แล้วน้ำหนักตัวก็จะลดลงอีกเมื่อร่างกายของท่านเผาผลาญได้ดียิ่งขึ้น(หากทำอย่างถูกวิธีโดยมีผู้เชี่ยวชาญคอยแนะนำ-ผู้แปล)

ไม่จำเป็นต้องลด

เมื่อถึงจุดที่ท่านมีน้ำหนักตัวที่เหมาะสมแล้ว ท่านก็ไม่จำเป็นต้องลดน้ำหนักลงอีกแล้ว แต่หากท่านพยายามทำโดยการอดอาหารแล้วละก็ ท่านก็จะสูญเสียกล้ามเนื้อไป แทนที่จะสูญเสียไขมันส่วนเกินดังเช่นในช่วงแรก อีกทั้งร่างกายก็จะเผาผลาญช้าลง ซึ่งจะทำให้สะสมไขมันเพิ่มขึ้น หากท่านจะต้องลดน้ำหนักลงอีก ท่านควรถามตัวเองว่ามีความจำเป็นอะไรในเมื่อท่านก็มีสุขภาพที่แข็งแรงดีอยู่แล้ว และหากน้ำหนักลดลงไปอีกท่านจะยังคงมีสุขภาพที่แข็งแรงอยู่อีกหรือไม่

จาก www.everydayhealth.com

ภาพ- google

* ข้อมูลที่แปลนี้คำนึงถึงฝรั่งซึ่งมักมีร่างกายสูงใหญ่กว่าเราจึงใช้พลังงานมากกว่าเรา สำหรับคนไทยปกติไม่เกิน 1500 แคลอรี่

หมายเลขบันทึก: 567494เขียนเมื่อ 6 พฤษภาคม 2014 13:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 พฤษภาคม 2014 13:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

-สวัสดีครับ

-มีหลายข้อที่เป็นปัญหาเลยล่ะครับ

-ต้องพยายาม..

-ขอบคุณครับ..

หากจะพิจารณาให้ดีแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดในการลดน้ำหนัก(และการกระทำต่างๆทุกการกระทำ) คือ ความรู้สึกนึกคิดและจิตใจ...ดังนั้น ..กระบวนวิธีที่จะสร้างความเข้มแข็งของ จิตใจ จึงเป็น สิ่งที่ควรทำก่อน จะเริ่มทำสิ่งใดๆ เพราะเป็นฐานของ กิจกรรมทุกอย่าง..แต่ มักไม่ค่อยมีวิธีในการฝึกมากนักในโลกของวิทยาศาสตร์..และที่น่าสนใจ คือ ในทุกศาสนา มีสิ่งเหล่านี้อยู่มากมาย ครับ..

จริงครับ คุณลุงรักชาติราชบุรี สิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้สำเร็จได้ต้องเริ่มอยู่ที่ใจก่อนเสมอครับ

ขอบคุณค่ะสำหรับคำแนะนำที่เป็นรูปธรรมมาก ภาพเตือนสติได้ดีจริง ๆ นะคะ

ขอบคุณมากๆครับ

มีประโยชน์มากเลยครับ

เรื่องการเผาผลาญอาหารคล้ายกับว่า เราต้อง จูน ให้สมดุลกันระหว่างการกินกับการออกกำลังกายใช่มั้ยคะ

เรื่องการเผาผลาญที่ดีมักต้องมีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วย

ส่วนเรื่องการควบคุมน้ำหนักตัวหรือไขมันส่วนเกินต้องปรับสมดุลระหว่างการกินกับการออกกำลังกายครับ

สรุปว่าถึงอย่างไร ปัจจัยสำคัญคือการออกกำลังกาย จึงจะดีที่สุด จะพยายามค่ะ ขอบคุณค่ะ

เรามักเข้าใจดีเรื่องการออกกำลังกาย..แต่ไม่เข้าใจ เรื่องการออกกำลังใจ(บางคนอาจเรียกว่าการบริหารจิต)..ทั้งที่เราเป็นชาวพุทธ ซึ่งล้วนเคยได้ยินกันเสมอๆ ว่า..ทุกสิ่ง สำเร็จด้วยใจ..ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว..การฝึกกีฬา การเล่นฟิตเนส การบริหารกาย จึงมักทำไปโดยได้ผลไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย และบางครั้งก็เป็นการทำร้ายร่างกายซะอีก..ครับ..

ขอบคุณสำหรับดอกไม้และทุกความเห็นครับ
คุณลุงรักชาติราชบุรี เห็นด้วยครับกับการบริหารจิตซึ่งสำคัญที่สุด หากทำได้ดังนี้จึงจะได้ผลเต็มเม็ดเต็มหน่วยและลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกีฬาการต่อสู้ครับ

การออกกำลังใจ หรือ การบริหารจิต..สำหรับชาวพุทธ คือ การฝึกสมาธิ ซึ่งมี2ลักษณะ คือ สมถกรรมฐาน และ วิปัสสนากรรมฐาน ทั้ง2ลักษณะนี้ ต้องใช้ การภาวนา ที่สอดคล้อง กับ โพชฌงค์7 อาณาปาณสติ4 และอาศัย พละ5..ครับ..

ขอบคุณครับ คุณลุงรักชาติราชบุรีที่ได้เมตตาแนะนำในเรื่องการฝึกสมาธิด้วยซึ่งสำคัญกว่าสิ่งอื่นใดครับ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท