จากบันทึก "เด็กไทยเรียนหนักที่สุดในโลก" ของท่าน Wasawat Deemarn ซึ่งครูวุฒิติดตามและพอจะเข้าใจในความเป็นเด็กไทยในเรื่องนี้อยู่แล้ว ดังจะเห็นได้จาการที่ครูวุฒิจะเขียนบันทึกเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่เนืองๆในบล้อกของครูวุฒิเอง
และนอกจากการเขียนบันทึกเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ครูวุฒิยังได้เขียนบทเพลงสะท้อนความจริงในเรื่องนี้ด้วย ชื่อเพลงว่า "เพลงนี้ไม่มีชื่อ" หรือ "อนิจจา(วง)การศึกษาไทย" เนื้อเพลงมีว่า...
"การศึกษาไทยยุคผู้ใหญ่เขาบ้าตัวเลข ผลกรรมเลยทำให้เด็กเบื่อการเรียนเอียนการศึกษา เบื่อหน้าคุณครู เบื่อโรงเรียน ตำรับตำรา หนังสิกหนังสือนานา เขาเลยไม่อ่านหันไปเล่นไลน์
มองไปที่ครูดูซิดูทำแต่ผลงาน โดยเอาเด็กมาเป็นสะพานสร้างผลงานให้บานตะไท แต่สอบทุกทีโดนด่าป่นปี้ว่าไม่เอาไหน น่าสงสารครูไทย โอ้ใครหนอใครทำให้หลงทาง
เจ้านายเหนือหัวโรงเรียนก็ดีแต่อบ อบ อ่บ อ้บ อ๊บ อบกันจนแทบวายวาง เห็นครูเป็นเด็กอนุบาลอนุบาลไม่เคยจืดจาง โรงเรียนแทบร้างยิ่งตอนใกล้เดือนกันยา
เมษา-ตุลา ยิ่งน่าศรัทธาการศึกษาไทย ฯ ....."
นี่คือถวามจริงของการศึกษาไทยยุคงบประมาณเกิน ๔๐๐,๐๐๐ ล้านต่อปี
และในส่วนของการสอนให้เด็กสนุกและสนใจบทเรียน
ครูวุฒิชอบใช้เทคนิกการสอนแบบ "หนังขายยา" (ซึ่งคนรุ่นเราๆท่านๆคุ้นเคยดี แต่เด็กรุ่นใหม่ๆอาจจะไม่ใคร่ได้สัมผัส)
ซึ่งเด็กๆของโคกเพชรทุกระดับตั้งแต่อนุบาล - ม.๓ จะชอบมากๆ
หากท่านใดสนใจเทคนิคการสอนแบบ "หนังขายยา" แบบละเอียดๆพร้อมตัวอย่างที่ชัดเจน
กรุณาติดตามในบันทึกต่อไปครับ
...ตอนเด็กๆชอบดูค่ะหนังขายยา...น่าสนใจนะคะเทคนิคการสอนแบบหนังขายยา
มาติดตามเทคนิคการสอนแบบหนังขายยาค่ะครู