เรื่องเล่า มหัศจรรย์แห่งรัก


ผู้ป่วยยาเสพติดและครอบครัว ทุกคนเป็นพลังบริสุทธิ์ที่รอวันปลุกชีวิต ซึ่งทุกคนทุกครอบครัวถ้ามีโอกาสพบกับความสามารถของตนและได้รับการพัฒนา จะเป็นพลังที่มีศักยภาพไร้ขอบเขตเกิดประโยชน์ต่อตนเอง ครอบครัวและชุมชน ดังนั้นความผิดพลาด ความสูญเสียในอดีตสามารถปลุกชีวิต

                               

           หลายชีวิตที่ต้องวนเวียนอยู่ในวัฏจักรยาเสพติดบางคนอาจจะเริ่มจากปัญหาของตนเองหรือของครอบครัวจนสู่สังคมที่สภาวะบีบคั้นทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ หากไม่สามารถจัดการกับปัญหานั้นๆได้ บางคนก็เริ่มต้นจากการเป็นเหยื่อ หรือเป็นทาสของยาเสพติดที่ต้องวนเวียนไปในสถานที่ต่างๆไม่ว่าจะเป็น สถานบำบัด สถานกักกัน เรือนจำ โรงพยาบาลต่างๆด้วยสถานะที่แตกต่างกัน ดังเช่นชีวิตของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง

          นายกร เป็นเด็กหนุ่มที่เติบโตขึ้นมาในครอบครัวชนบทแห่งหนึ่ง และเป็นเป็นฝาแฝดคู่แรกของหมู่บ้านแห่งนั้น นายกรมีพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน 6 คน ซึ่งนายกรและพี่ชายเป็นน้องคนสุดท้อง ครอบครัวนายกรเป็นครอบครัวชาวนามีฐานะค่อนข้างลำบาก แต่เป็นครอบครัวที่อบอุ่นทั้งพ่อแม่พี่น้องรักนายกรมาก เอาใจทุกอย่างไม่ว่านายกรอยากได้อะไร นายกรเริ่มเข้าโรงเรียนชั้นประถมศึกษาพร้อมพี่ชายฝาแฝดแต่การเรียนของนายกรไม่ดีเท่าที่ควร อีกทั้งนายกรเป็นคนเกียจคร้านหนักไม่เอาเบาไม่สู้ ผิดกับพี่ชายฝาแฝดที่เป็นคนขยันคอยช่วยเหลือพ่อแม่ทำงาน นายกรเกิดความท้อแท้ไม่อยากไปโรงเรียนเนื่องจากไปโรงเรียนแล้วเรียนไม่รู้เรื่อง ความพลิกผันของชีวิตก็เกิดขึ้นเมื่อนายกรเริ่มอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 นายกรเริ่มมีนิสัยลักเล็กขโมยน้อย เริ่มคบเพื่อนรุ่นพี่กลุ่มติดยาเสพติด โดยช่วงแรกรุ่นพีให้ลองสูบบุหรี่ หลังจากนั้นก็ได้เริ่มใช้ยาเสพติดชนิดอื่นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากบุหรี่ กัญชา ยาบ้า ยาไอซ์ น้ำกระท่อม 4 คูณ 100

          นายกรเริ่มออกเที่ยวกลางคืนกับกลุ่มรุ่นพี่ ไม่ไปโรงเรียนจนพ่อแม่เริ่มสงสัยและจับตาดูพฤติกรรมของนายกร จนวันหนึ่งพ่อจับได้คาหนังคาเขาขณะที่นายกรกำลังเสพยาบ้ากับกลุ่มเพื่อนที่บ้านของนายกรเอง นายกรตกใจมากนึกว่าพ่อออกไปทำนากับแม่ ณ. วันนี้ที่ได้เห็นลูกชายสุดที่รักกำลังมั่วสุมกันเสพยา หัวใจของพ่อแทบแตกสลาย ทำให้พ่อเริ่มนึกย้อนไปถึงคำพูดของเพื่อนบ้านที่คอยเตือนให้ระวังลูกชายคนเล็กไว้บ้าง แต่พ่อไม่เชื่อคอยปฏิเสธเพื่อนๆและตนเองตลอดมา พ่อโมโหมากทุบตีนายกรและไล่เพื่อนร่วมแก็งค์ของนายกร ออกจากบ้าน

          นายกรเริ่มติดยาบ้าหนักขึ้น จนครอบครัวต้องนำไปรักษาที่สถานบำบัด เริ่มจากสถานบำบัดเกาะแต้ว วัดไม้เสียบ เข้าค่ายบำบัดตามโครงการต่างๆ นายกรก็ไม่สามารถเลิกเสพยาได้ จนได้สมญานามว่า “ไอ้หนุ่มร้อยค่าย” นายกรเข้ารับเลือกเกณฑ์ทหารและได้อยู่ค่ายทหารประมาณ 3 เดือนหลังจากนั้นได้หนีออกจากค่ายกลับมาอยู่บ้านและไม่กลับไปในค่ายอีกเลย ตรงกันข้ามกับแฝดพี่ที่รับราชการทหารจนครบกำหนดและสมัครเข้าเป็นทหารพรานที่จังหวัดยะลา ส่วนนายกรกลับมาอยู่บ้านเสพยาบ้าหนักขึ้นเรื่อยๆจนมีอาการคลุ้มคลั่งทุบตีแม่และไล่แทงพ่อเพื่อขอเงินไปซื้อยาบ้า  จนพี่สาวที่อยู่ต่างจังหวัดต้องรีบมารับพ่อแม่ไปอยู่ด้วย นายกรได้ถูกตำรวจจับเข้าห้องขัง แม่ได้ข่าวลูกชายโดนจับสงสารลูกรีบกลับมาจากต่างจังหวัดเพื่อมารับประกันตัวลูกชาย นายกรมีอาการหวาดระแวง สลับกับมีอาการเหม่อลอย พ่อแม่ได้นำนายกรไปรักษาที่โรงพยาบาลสงขลาราชนครินทร์ แพทย์วินิจฉัยว่านายกรเป็นโรคสมองติดยา และต้องรับการรักษาต่อเนื่อง นายกร หลังกลับมาจากรักษาและได้กลับมาอยู่บ้านโดยมีพ่อกับแม่เป็นผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด

         ดิฉันได้ไปเยี่ยมบ้านเพื่อติดตามกลุ่มบำบัดยาเสพติด ได้พบนายกร พ่อแม่ และสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มคนหนึ่ง นายกรเมื่อเห็นดิฉันรีบเดินเข้ามาต้อนรับทักทายด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ร่ายกายดูแข็งแรง ดูสะอาดสะอ้านผิดกับเมื่อก่อนที่ร่างกายผ่ายผอมเป็นหุ่นขี้ยา ผิวหนังแห้ง ตาลึกโหล ไม่พูดไม่จา ทำให้ดิฉันนึกแปลกใจเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย ดิฉันได้ทักทาย ซักถามสารทุกข์สุกดิบและถามถึงอาการต่างๆของนายกรในขณะที่คุยกันไปเรื่อยๆจนมาสะดุดหูคำหนึ่ง ผมเลิกยาได้เพราะได้ยาดี ดิฉันได้ถามซ้ำไปว่า ไปเอายาดีมาจากไหน  รักษาที่ไหนหรือ ทั้งนายกรและครอบครัวหัวเราะกันใหญ่ ดิฉันเหลือบไปเห็นสาวน้อยที่นั่งข้างๆหน้าแดงเหมือนลูกตำลึงเลย จากนั้นสาวน้อยลุกขึ้นไปเอาน้ำมาให้ดิฉันดื่ม

             หลังจากนั้นพ่อนายกรเล่าต่อว่า “ตั้งแต่ได้ลูกสาวมา ไอ้บ่าวมันเลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเลยหมอเหอ” หนิงสาวน้อยวัย 16 ปี ได้หนีตามนายกร และมาอยู่ที่บ้านนายกรได้ประมาณ 6 เดือนแล้วซึ่งหนิงไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันนั่นเอง หนิงเป็นเด็กหญิงที่เติบโตมาด้วยปราศจากคำว่าความอบอุ่น พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่หนิงอายุได้ 6 ขวบ หนิงใช้ชีวิตอยู่กับมารดาซึ่งออกไปแสวงบุญนอกบ้านตามลัทธิหนึ่ง ซึ่งบางครั้งก็พาหนิงไปด้วย บางครั้งก็ปล่อยให้หนิงอยู่กับตายาย หญิงโตขึ้นเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เริ่มคบหาเพื่อนต่างหมู่บ้าน เที่ยวกลางคืน ค้างบ้านเพื่อนไม่ยอมกลับบ้านอาศัยบ้านเพื่อนเป็นที่ซุกหัวนอน และไม่ไปโรงเรียนชีวิตของหนิงและแม่ต่างเดินคนละทาง 

              จนกระทั่งวันหนึ่งเป็นงานเทศกาลประจำอำเภอหนิงไปเที่ยวงานกับเพื่อนๆได้พบกับนายกรและ กลุ่มเพื่อนแก๊งซิ่งรถมอเตอร์ไซด์เมื่อหนุ่มสาวพบกันอะไรบางอย่างก็ก่อตัวขึ้นในใจของหนุ่มสาวคู่นี้ หนิงกับนายกรเริ่มคบหากันเข้าใจซึ่งกันและกัน ต่างคนต่างถอยห่างจากกลุ่มเพื่อนและมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่บ้านของกร จนถึงปัจจุบัน ทั้งสองยอม ละ เลิก และลืมทุกอย่างในอดีตที่เป็นบทเรียนแห่งความเจ็บปวดทั้งของตนเองและครอบครัว ทั้งสองคนได้มาเริ่มต้นชีวิตใหม่ ช่วยกันทำงานเก็บเงินเพื่อสร้างอนาคตของทั้งคู่ ยอมทำงานทุกอย่างที่ตนเองไม่เคยทำและไม่เคยคิดที่จะทำ เช่น การทำสวน ทำนา รับจ้างถางป่า รับจ้างฉีดยาฆ่าหญ้า รับจ้างตัดปาล์ม จากเมื่อก่อนทุกเช้านายกรต้องขอเงินแม่ทุกวันเพื่อนำไปซื้อยามาเสพ ปัจจุบันทุกเช้านายกร วางเงินไว้ให้แม่วันละ 100 – 200 บาทแล้วแต่รายได้ที่หามาได้ เพื่อให้แม่ไว้ซื้อกับข้าวบางครั้งที่แม่ไม่มีเงินซื้อปุ๋ยใส่ข้าว นายกรสามารถมีเงินก้อนที่เหลือจากการทำงานให้แม่ไว้ซื้อปุ๋ยได้ พ่อของนายกรพูดถึงลูกชายด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคำพูดทุกคำที่พ่อนายกรเอ่ยถึงลูกชายในวันนี้ดูท่านมีความสุขยิ่งนัก ดิฉันเห็นแล้วยังอดยิ้มและมีความสุขกับครอบครัวนี้ไปด้วย

                ผู้ป่วยยาเสพติดและครอบครัว ทุกคนเป็นพลังบริสุทธิ์ที่รอวันปลุกชีวิต ซึ่งทุกคนทุกครอบครัวถ้ามีโอกาสพบกับความสามารถของตนและได้รับการพัฒนา จะเป็นพลังที่มีศักยภาพไร้ขอบเขตเกิดประโยชน์ต่อตนเอง ครอบครัวและชุมชน ดังนั้นความผิดพลาด ความสูญเสียในอดีตสามารถปลุกชีวิต สร้างความมั่นใจเสริมสร้างภาพลักษณ์แห่งตนให้คืนมาเหมือนเดิมหรือดีกว่าเดิม ซึ่งทุกคนสามารถเลือกทางเดินใหม่ให้ตนเองและครอบครัวได้เสมอ ดังเช่นความรักเกิดขึ้นที่ไหนที่นั่นย่อมมีสุข ไม่ว่าจะเป็นความรักจากครอบครัว จากคนรัก จากชุมชนที่ให้โอกาส ซึ่งทำให้นายกรก้าวพ้นจากวังวนของยาเสพติดมาได้ ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์แห่งรักกับครอบครัวนี้จริงๆ

 

โดย

นางกาญจนา  ศักดิ์แสง

พยาบาลวิชาชีพชำนาญ รพ.สต.บ้านหัวควน อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง

หมายเลขบันทึก: 565812เขียนเมื่อ 9 เมษายน 2014 20:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 เมษายน 2014 20:48 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)

กำลังใจและความรักจากครอบครัวมีความหมายต่อการต่อสู้กับอุปสรรค..ทุกอย่าง

ครอบครัวคือสังคมที่เล็กที่สุดแต่สำคัญที่สุดนะคะ

.... พลังรัก ...พลังครอบครัว นะคะ

วิชาฮวงจุ้ยเป็นภูมิปัญญาจีนว่าด้วยการปรับแต่งให้เกิดความสมดุล ลดหรือเพิ่มปัจจัยในมิติต่างๆสู่สุขภาวะ โดยไม่จำต้องบังคับหรือกดดันใดๆ การมีกลไกให้ชีวิตสู่สุขภาวะคือคือเครื่องมือหลุดพ้นทาษสิ่งเสพติด

เรียนน้องเต่า เมื่อก่อนน้องเขาเป็นพยาบาลLR แล้วย้ายไป รพ สต.

จึงขอให้เขาเขียนเรื่องเล่ามาให้

อ่านแล้วได้ใจดีมากในมุมของครอบครัว

ขอบคุณอาจารย์ ภูฟ้า

เรื่องราวของคนเล็กๆในชุมชนที่เป็นพลังครอบครัว

ลุ้นระทึกว่าเรื่องจะจบลงแบบใด ดีใจที่ได้อ่าน และได้ยินเรื่องแบบนี้ ขอบคุณมากค่ะ

เรียนครูตุ๊ก ครอบครัว คือหน่วยความรักที่เยียวผู้ติดยา

ความรักเปลียนนิสัยได้

สวัสดีครับ คุณหมอเปิ้น น้องกาญ เล่าเรื่องประสบการณ์ ยาเสพติดในชุมชน ได้เห็นภาพ

เรียนท่านอาจารย์ จำรัส

ขอบคุณที่เติมเต็มในเรื่อง ฮวงจุ้ย ปรับแต่งสมดุล์ ทางสุขภาวะ เติมทักษะชีวิต แก้ปัญหายาเสพย์ติดด้วยความสมดุยแห่งความรัก

เรียนคุณ กุหลาบ มัทนา เรื่องราวของชุมชน สีสรรค์ชนบท มีเรื่องเล่าจากบริบทชุมชนทั้งสุข ทุกข์

ความน่าอยู่ของชุมชน มีหลายมิติที่พบเห็น

ยาเสพติด เราถือเป็นทุกข์ร่วมของคนในชุมชนที่ต้องร่วมมือกัน จัดการ ป้องกัน แก้ไข และเยียยวยาไปพร้อมๆกัน

สวัสดีปีใหม่ไทย...พี่ใหญ่นงนาท

แม้จะคลาดได้พบกันได้วันทา

ด้วยตั้งใจจะไปหาก็หลายคลา

แต่เพราะไร้วาสนาชักพาให้พบ........

พี่ใหญ่เป็นบล็อกเกอร์ ที่ผมวาดหวังตั้งใจจะไปวันทาสวัสดี

ในกาสปีใหม่ไทย ขอถือโอกาส สวัสดีปีใหม่ พี่ใหญ่ นงนาท

สวัสดีปีใหม่ไทย อาจารยฺ kanchana muangyai

สุขสันต์ วันครอบครัวครับ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท