"ชื่นใจ...ได้เรียนรู้ (ภาคครูเพลิน)" ครั้งที่ ๕ (๑) : การเรียนรู้ที่เข้มข้น


“สิ่งที่สำคัญของการเป็นครูไม่ใช่เพียงแค่การเป็นผู้จัดกระบวนการเรียนรู้ให้แก่นักเรียนเท่านั้น แต่ยังต้องเป็นผู้ที่จัดกระบวนการเรียนรู้ให้แก่ตัวครูเองด้วยเช่นกัน”

งาน “ชื่นใจ...ได้เรียนรู้ (ภาคครูเพลิน)” รอบครึ่งปีหลังครั้งนี้ทั้งเข้มข้นและสนุกกว่าที่เคยจัดมาทุกครั้ง นับตั้งแต่ชุดนิทรรศการบันทึก KM ที่ได้มาจากการทบทวนการทำงานที่กลุ่มครูแต่ละหน่วยวิชาคิดตั้งเป้าหมายไว้  http://www.gotoknow.org/posts/555220 ว่าแต่ละคนทำได้มากน้อยเพียงไร

 

เป้าหมายที่คมชัดนี้ได้นำไปสู่การไตร่ตรองตัวเองที่คมชัดด้วย  บันทึกของ คุณครูเอม – ภานุมาศ จีรภัทร์  เป็นบันทึกที่มีเพื่อนครูกล่าวถึงมากที่สุดบันทึกหนึ่งว่าก่อการเรียนรู้ให้กับผู้อ่านได้มากมาย

                                                     

                                                                  

 

(ครูเอมกำลังสนใจอ่านบันทึก KM ของเพื่อนๆ)

 

  สนามเด็กเล่น

  

“สิ่งที่สำคัญของการเป็นครูไม่ใช่เพียงแค่การเป็นผู้จัดกระบวนการเรียนรู้ให้แก่นักเรียนเท่านั้น

แต่ยังต้องเป็นผู้ที่จัดกระบวนการเรียนรู้ให้แก่ตัวครูเองด้วยเช่นกัน”

 

 

คำกล่าวข้างต้นเป็นสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้ผ่านการใช้ชีวิตในฐานะครูโรงเรียนเพลินพัฒนา เด็กๆ โรงเรียนเพลินพัฒนาคงจะคุ้นเคยกับการตั้งเป้าหมาย (Before Action Review-BAR) และการทบทวนผลจากเป้าหมาย (After Action Review-AAR) ที่ตั้งไว้ เรื่องที่จะเขียนต่อไปนี้ก็คือเรื่องราวของ BAR และ AAR นั่นเอง

 

 

ในช่วงต้นของปีการศึกษา จะมีการจัดประชุมให้คุณครูทบทวนตนเองในปีการศึกษาที่ผ่านมา เพื่อตั้งเป้าในการพัฒนาตนเองในปีการศึกษาถัดไป การที่ต้องทำอะไรซ้ำๆ ทุกๆ ปี ฟังดูก็อาจจะเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ แต่หากมองให้เห็นอย่างแท้จริงเราก็จะพบว่า เรื่องที่ว่าซ้ำเดิมนั้นจริงๆ แล้วก็ไม่ใช่การทำเรื่องเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า นั่นทำให้ช่วงเวลานี้เป็นสิ่งหนึ่งที่ฉันตั้งตารอทีเดียว ช่วงเวลาที่คุณครูจะจัดเวลาให้เด็กน้อยคนหนึ่งในตัวของฉันได้ตั้งใจทบทวนประสบการณ์ในปีที่ผ่านมาแล้วกลั่นออกมาเป็นการเรียนรู้ของตนเอง ออกจะยากสักหน่อยแต่ก็ท้าทายให้ได้ขุดเอาศักยภาพที่มีออกมาใช้ และนี่จึงทำให้ฉันรู้สึกสนุกกับช่วงเวลานี้

 

 

ฉันนึกทบทวนตนเองว่าในช่วงเวลา ๑ ปีที่ผ่านมาเรื่องอะไรกันนะที่ฉันรู้สึกว่ายาก และอยากจะก้าวผ่านไปให้ได้ ผ่าน ๓ ปีของการเป็นครูชั้น ป.๑ ฉันรู้สึกว่าได้เรียนรู้มากมายจากเด็กๆ ที่แท้จริงแล้วก็คือคุณครูตัวเล็กๆ ของฉัน พวกเขาช่วยสอนให้ฉันวางใจและเปิดใจที่จะเข้าหาผู้คน วางใจและเปิดใจยอมรับในความไม่สมบูรณ์พร้อมของตนเอง เหนือสิ่งอื่นใดพวกเขาเป็นพลังให้กับฉันในการพัฒนาตนเอง ในฐานะที่ฉันจะต้องรับผิดชอบต่อชีวิตของผู้อื่น นับเป็น ๓ ปีที่สนุกมากทีเดียว แม้โจทย์เดิมจะยังไม่จางหาย แต่ฉันก็ได้กลับมาพบกับโจทย์ใหม่ที่วนเวียนมาเนิ่นนาน นั่นก็คือ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ฉันจะต้องเติบโตและรับผิดชอบกับชีวิตของตัวเองเสียที นั่นเป็นสิ่งที่ฉันฉุกคิดขึ้นมา ไม่รู้ทำไมแต่ก็ทำเอาตกใจไม่น้อยเพราะมันทำให้ฉันนึกถึงโจทย์ยากๆ อีกโจทย์หนึ่งในชีวิตนั่นก็คือ การมีวินัยในตนเอง

 

 

เกือบทุกครั้งที่เมื่องานต่างๆ มันถาโถมประดังประเดกันเข้ามา สิ่งที่ฉันมักจะเป็นก็คือรู้สึกขัดใจและหงุดหงิดว่า ก็พยายามแล้วนะจะอะไรกันนักกันหนาเนี่ยกับงานที่ทำแล้วก็ดูจะไม่มีวันจบสิ้นเสียที ทำเท่าไหร่ก็ดูจะไม่ทันอยู่ตลอดเวลา แล้วสิ่งที่ฉันทำก็คือการพร่ำบ่น กล่าวโทษสิ่งอื่นๆ ทำงานไป หงุดหงิดไป แต่ก็ยังโชคดีหน่อยที่เวลาเป็นแบบนี้คำสอนของอาจารย์และแม่ของฉันได้เข้ามาช่วยชีวิตฉันเอาไว้อยู่เสมอๆ พวกท่านเคยสอนฉันไว้ว่า ชีวิตของคนเรา เราเลือกได้เสมอนะ เราอาจจะเลือกไม่ได้ว่าจะทำ/เจอกับสิ่งนี้หรือเปล่า แต่เราเลือกได้ว่าจะทำ/เจอกับสิ่งนี้ด้วยใจแบบไหน และเลือกได้ว่าจะอยู่กับมันอย่างไร เพราะทุกสิ่งทุกอย่างหากเรามองเป็น มันก็เป็นโอกาสให้เราได้ฝึกฝนตนเองได้ทั้งนั้น

 

 

ฉันจึงตัดสินใจตั้งเป้าหมายของตนเองในปีการศึกษาที่ผ่านมานี้ว่า ฉันจะพยายามส่งงานให้ครบและทำให้เสร็จในเวลาที่กำหนด มันอาจจะเป็นเป้าหมายที่เล็กๆ สำหรับคนอื่นๆ นะ แต่อยากบอกว่าสำหรับฉันตอนที่คิดว่าจะเอาเป้าหมายนี้ก็นึกในใจว่า เอาจริงเหรอเนี่ย นี่มันฆ่าตัวตายชัดๆ เลย แค่คิดก็สยองแล้ว สำหรับคนที่เรื่อยเปื่อยทำอะไรตามใจตัวเองอย่างฉันเนี่ย แต่ก็ แล้วไงละจะไม่ลองหน่อยเลยหรอ ถึงจะน่ากลัวสักหน่อย แต่ถ้าทำได้ก็ดีนะ ลองดูสักตั้งไหมละน่าสนุกดีออก แล้วแรงอะไรสักอย่างก็ดลใจให้พูดเป้าหมายนี้ออกไป ๕๕๕

 

 

ผ่านมา ๑ ปีการศึกษา ฉันก็ยังทำได้ไม่ค่อยจะสำเร็จอย่างที่ตั้งใจเอาไว้หรอกนะ แต่ก็สนุกดี ฉันได้ฝึกที่จะวางแผน ฝึกที่จะขัดใจตัวเองบ้างแล้วก็พยายามที่จะทำตามแผนที่วางไว้ ก็ทำได้ไม่ทุกครั้งหรอกนะ แต่ก็รู้สึกว่าเห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นของตัวเอง ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันก็คงจะสนใจแค่ว่าจำนวนงานที่ส่งครบถ้วน สมบูรณ์มากขึ้นไหม เวลาที่ฉันใช้ลดลงจากเมื่อก่อนหรือเปล่า นั่นมันก็เป็นตัวชี้วัดที่ชัดเจนดี แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ฉันมองว่าสำคัญมากยิ่งกว่าก็คือ ฉันมองเห็นว่าสิ่งที่เคยคิดว่าฉันไม่น่าจะทำได้ หรือถ้าจะทำคงจะยากน่าดู พอเอาเข้าจริงก็ทำได้อยู่เหมือนกันนี่นา และมันก็ยังทำได้มากกว่านี้อีกถ้าฉันมีใจที่เด็ดเดี่ยวและมั่นคงเพียงพอ อีกสิ่งหนึ่งก็คือฉันสังเกตว่าช่วงเวลาที่ฉันจมจ่อมอยู่กับความคับข้องใจในเวลาที่มีงานถาโถมเข้ามาใส่ หรือต้องเจอกับสถานการณ์ที่ไม่ได้ดั่งใจก็ลดลงไปมาก เดี๋ยวนี้เก่งขึ้นเยอะ ไม่จมอยู่กับมันนานๆ หรือแค่พอเริ่มเห็นเงาอยู่ไกลๆ ว่ากำลังจะเข้ามาก็เอาออกไปได้ก่อน ไม่เอาละแค่ใช้พลังงานในการทำงานก็พอแล้ว ให้มาใช้พลังงานในการหงุดหงิด รำคาญใจด้วยไม่เอาหรอก เหนื่อยแย่เลย แถมยังทำให้เสียบรรยากาศอีก งานสนุกๆ ก็หมดสนุกหมดนะสิ

 

แต่มันยังไม่จบหรอกนะ ยังต้องฝึกกันอีกเยอะเลย ^_^

 

 

หมายเลขบันทึก: 565680เขียนเมื่อ 8 เมษายน 2014 17:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 เมษายน 2014 17:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

เป็นบันทึกที่มีพลังมากครับ อยากให้ครูเอมสะท้อนว่า ในช่วงเวลาของการเรียนรู้ที่นี่ ครูเอมมีความสำเร็จที่ภูมิใจคืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร

วิจารณ์

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท