กิจกรรมรวมพลคนอาสา ปี 2557 (4) "Sightseeing"


พระนครศรีอยุธยา 

 

 อันดับแรกผมต้องร่ายที่มาของการไปก่อนนะครับ "เมื่อเพื่อนเดินทางมาถึงเมืองไทยและได้พุดคุยกันที่สนามบิน Koshi Aratani ก็ได้เปิดหนังสือท่องเที่ยวให้ผมดู บอกว่าที่นี่ที่ไหน? สวยเช่นนี้ไหม?" 

  เพื่อนๆ ถามขนาดนี้ ก็จัดกันไปครับ เช้าวันที่ 23 ออกเดินทางจากที่พักด้วยรถตู้ที่ให้เช่าในราคามิตรภาพมากๆ โดยผ่านลุงหยวก ผู้เป็นเจ้าบ้านติดต่อให้ครับ เป้าหมายของเราคือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมืองหลวงเก่าในอดีตที่มีวัดวาอารามอยู่มากมายหลายสถานครับ

 

วัดมงคลบพิตร

 

   ระหว่างการเดินทางได้รับการติดต่อจากคุณลุงไพศาล รัตนะวงศ์กุล ที่เคยมาช่วยเรื่องเครื่องเสียงเมื่อคืนจัดงาน Welcome Party ตามมาเป็นผู้นำทางในการท่องเที่ยวครั้งนี้ครับ 

  ผมได้สอนขั้นตอนการไหว้แก่เพื่อนญี่ปุ่นบางคน ตอนแรกก่อนที่จะสอนนั้นผมมองไปเห็นชาวต่างชาติบางคนทำท่าทางเหมือนพระพุทธรูปปางมารวิชัย (เชิงล้อเลียน) แบบขำๆ แต่บ้านเราคงไม่ขำแน่ครับ อิ อิ

  เลยได้ทีบอกขั้นตอนการแสดงความเคารพที่เป็นวัฒนธรรมประเพณีไทยแก่เพื่อนชาวจิตอาสากันเลยครับ

 

ท่าทางจะดูแข็งๆ บ้างนะครับ 555

 

  จากนั้นก็พาเดินลัดไปนิดเดียวเพื่อไปกิจกรรมต่อไป คือ ขี่ช้าง เพื่อนๆ ดูตื่นเต้นและชอบมากๆ กับการได้ขี่ช้าง เพราะเป็นกิจกรรมที่รอคอย ชาวต่างชาติส่วนมากมาเมืองไทยต้องการนั่งบนหลังช้างกันส่วนมากเลยครับ

  อัตราสำหรับชาวต่างชาติอยู่ที่ คนละ 400 บาท นั่งวนชมโบราณสถานประมาณ 30-40 นาที ประมาณนี้ครับ ผมก็นั่งไปด้วยได้เที่ยวร่วมกันครับ

 

Wakana & Saki

 

Wataru & Tatsuki

 

Kazuki & Koshi

 

  เวลาเดินผ่านร้านค้าของฝากตามริมทางเพื่อนๆ ญี่ปุ่นก็ต้องเป็นแวะซื้อทุกร้านครับ 555 โดยเฉพาะอะไรที่เกี่ยวกับช้าง เช่น พวงกุญแจ, กระเป๋าลายช้างไทย เป็นต้น

 

 

  จากนั้นลุงไพศาลพาไปวัดมหาธาตุ เพื่อพาไปชมโบราณสถานที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศเราที่มีอายุมากหลายร้อยปีครับ 

แก๊งสาวๆ 

แก๊งหนุ่มๆ 

 

   ระหว่างเดินฝนก็เริ่มโปรยลงมาเบาๆ เราจึงต้องรีบเดินและชมความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรในอดีตกาล ผมเสียดายที่ไม่สามารถเล่าเรื่องราวความเป็นมาได้โดยเฉพาะเจาะจงในแต่ละสถานที่ได้ จึงสามาถพูดเล่าเรื่องราวสถานที่ต่างๆ ได้เพียงเล็กน้อย(น้อยมากๆ เลยครับ) ครั้งต่อไปคงต้องทำการบ้าน เตรียมต้อนรับเพื่อนชาวต่างชาติให้พร้อมและดีกว่านี้อีกครับ เพราะนอกจากเขาจะได้รับความสนุกและเพลิดเพลินแล้ว ยังได้รับสาระความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติของเราอีกด้วย ดีไม่ดีจะได้เชื่อมโยงถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของเขาและเราได้ในระดับหนึ่งเมื่อย้อนไปในอดีตครับ

.......................................................................................................................................

กรุงเทพมหานคร

 

 

   วันที่ 24 เพื่อนๆ เตรียมจัดเสื้อผ้าเก็บของเดินทางสู่เมืองหลวงเพื่อไปสนามบิน แต่ก่อนกลับมีทริปท่องเที่ยวสถานที่ต่างๆ ในกรุงเทพฯ ครับ

 

  เริ่มด้วยไปวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) แต่เพียงถ่ายรูปด้านหน้า ไม่ได้เข้าไปครับเพราะค่าตั๋วสำหรับพวกเราถือว่าสูงครับ ชาวต่างชาติ คนละ 500 บาท ผมเข้าใจครับว่าคือการท่องเที่ยว! แต่เพื่อนๆ เขานำ 500 บาทค่าตั๋วเข้าชมมาเปรียบเทียบกับเงินที่ลงขันทำกิจกรรมกันตลอดค่ายเพียงคนละ 500 บาท เขาจึงตัดสินใจเองครับ...แต่ทุกคนก็ได้ชมความงามจากภายนอกไปบ้างบางส่วนแล้ว 

  

ล่องเรือหารัก

 

  จากนั้นพานั่งรถตุ๊กๆ ไปขึ้นเรือทัวร์แม่น้ำเจ้าพระยาโดยเลี้ยวเข้าคลองบางกอกใหญ่ เพื่อพาชมความเป็นอยู่สองฝั่งคลองและแม่น้ำสายหลักของคนเมืองกรุงครับ มีกิจกรรมแวะให้อาหารปลา, แวะทักทายแม่ค้าริมน้ำ เป็นต้น

 

พระปรางค์วัดอรุณราชวราราม

 

   เมื่อหลุดจากคลองมาก็เลี้ยวขวาแวะท่าน้ำวัดอรุณฯ เพื่อเก็บภาพที่พระปรางค์โดยใช้เวลาเพียง 20 นาที จากนั้นก็นั่งเรือลำเดิมข้ามฝั่งมายังท่าน้ำวัดโพธิ์ เพื่อพามานมัสการพระพุทธรูปปางไสยาสน์ที่อลังการองค์หนึ่ง ผมได้แนะนำให้ไปถ่ายภาพในมุมจากด้านท้ายองค์พระไสยาสน์ ผมคิดว่าน่าจะเป็นมุมที่สามารถถ่ายรูปได้ครบองค์พระพอดีครับ (แต่ผมไม่ได้เก็บมาฝากเลย ฮือๆ...กล้องผมถ่านหมดครับ 555)

 

วัดเลียบ (วัดราชบุรณราชวรวิหาร)

 

  จากนั้นก็ขึ้นรถตู้พามาเดินเล่นแถวพาหุรัดสักพักครับ ส่วนตัวผมก็ถือโอกาสเข้าไปกราบพระเทพโสภณ (ปรีชา อภิณวณฺโณ, ปธ.๙) ซึ่งท่านเป็นพระอุปัชฌาย์เมื่อตอนผมอุปสมบท ท่านเจ้าคุณได้แนะนำให้ผมพาเพื่อนๆ ไปสนทนากับพระญี่ปุ่นรูปหนึ่งที่มาจำพรรษาอยู่ที่เก๋งญี่ปุ่นในวัดเลียบนี้เป็นเวลา 3 ปี มาแล้ว และมีกำหนดกลับประเทศญี่ปุ่นในเดือนมิถุนายน 2557 นี้ครับ

  หลวงพี่ท่านได้เทศนาธรรมะแก่เพื่อนๆ เป็นภาษาญี่ปุ่นอยู่พักใหญ่ เป็นที่ดีใจของนักศึกษาจิตอาสาและหลวงพี่ชาวญี่ปุ่นที่ได้พบคนบ้านเดียวกัน (ของ ไผ่ พงศธร 555) มีเพื่อนคนหนึ่งถามหลวงพี่ในภาษาของเขาว่า "เตรียมอย่างไรสำหรับการเป็นผู้ใหญ่?" คำถามนี้หลวงพี่บอกผมช่วงท้ายเป็นภาษาไทยครับ 

 

นักข่าวญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย

 

  นอกจากนั้นยังได้พบกับนักข่าวลูกครึ่งญี่ปุ่น-ไทย "Mr. Masao SETO" ที่ทำงานด้านนี้มากว่า 47 ปี ซึ่งอายุของเขา 83 ปี แล้วครับ ยังดูแข็งแรงอยู่เลย ก่อนกลับคุณตา Masao ได้ถ่ายรูปร่วมกัน และเขียนที่อยู่, การติดต่อแก่กัน คุณตาบอกว่าจะส่งรูปภาพไปให้ที่บ้านด้วย และอาจจะไปเยี่ยมเยือนกันเมื่อกลับไปญีปุ่นครับ มิตรภาพสร้างได้เสมอ!

 

ลงหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่นด้วย...ดังจริงๆ ครับ!

 

 

ขอบพระคุณที่เข้ามาอ่านครับ

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 564820เขียนเมื่อ 27 มีนาคม 2014 22:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 มีนาคม 2014 22:55 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ไปหลายวัดเลยครับ

ดูเหมือนเพื่อนๆชอบวัดมาก

ทึ่งที่ได้พบชาวญี่ปุ่นนักข่าวด้วย

ติดตามมาชม กิจกรรมดีๆครับ

-สวัสดีครับ

-ได้บุญ...อิ่มบุญ...อิ่มอก..อิ่มใจ..ไปด้วย..

-ขอบคุณครับ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท