เจตนาที่ผมเข้ามาในวงการพระเครื่อง (น่าจะ)ทำได้สำเร็จ ไปอีก 1 คน


เมื่อคืนมีคนโทรเข้ามาถามวิธีการดูพระ "บางขุนพรหมกรุใหม่"

ผมอธิบายหลักการ วิธีการ แบบทั้งขู่ทั้งปลอบ ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง 
จนทำให้เขาตัดใจไม่มาสนใจกับพระเครื่อง แต่ให้ความสำคัญกับหลัก ธรรมะ มากกว่า

ที่นับได้ว่าผมสามารถเจรจาชักจูงให้คนเดินผ่านพระเครื่องเก๊ๆ พระแท้ๆ ผ่านเข้าไปหาหลัก ธรรมะ ได้อีกหนึ่งคน

ถือเป็นอีกผลงานหนึ่งที่ผมเคยอธิบายให้ "นักปฏิบัติ" ที่เข้ามาโจมตีผมเป็นประจำ ได้เข้าใจ

ว่าผมกำลังทำอะไรกันแน่

กำลังทำร้าย หรือจรรโลงพระพุทธศาสนา กันแน่

โดยเขาจะกล่าวหาว่า.......

"ผมกำลังพาคนหลงทางไปเล่นพระเครื่อง"

ที่เขาจะไม่ฟังเลยว่า......

ผมมีเจตนาเข้ามาศึกษาเรื่องพระเครื่องทำไม เพื่ออะไร

ทั้งที่ผมมีเจตนา แยกได้หลายสิบข้อ แต่หลักๆ ก็มีไม่ต่ำกว่า 7 ข้อดังนี้

ข้อที่ 1 ก็เพื่อสร้างองค์ความรู้ที่ถูกต้องให้กับวงการพระเครื่อง
ข้อที่ 2 เพื่อทำให้คนรู้เท่าๆกัน อยู่กันอย่างเข้าใจกัน ไม่มีใครหลอกใครได้
ข้อที่ 3 เพื่อทำให้คนไม่หลงไปเล่นพระเก๊ เสียเวลา เสียเงิน เสียศักดิ์ศรี
ข้อที่ 4 เพื่อให้คนมีพระแท้ๆ ตามที่ตนต้องการ
ข้อที่ 5 เพื่อการเรียนและการศึกษาทางด้านพุทธศิลป์ ศิลปะ และวัฒนธรรมของศาสนาพุทธ
ข้อที่ 6 เพื่อสร้างกลุ่มที่มีพลังศรัทธาอย่างถูกต้อง อย่างน้อยกับพระเครื่องแท้ๆ และต่อไปก็ ธรรมะ แท้ๆ ที่ดีกว่าๆๆๆๆๆ และยิ่งๆๆๆๆๆๆๆ ขึ้นไป
ข้อที่ 7 เพื่อการจรรโลงพระพุทธศาสนา (อีกทางหนึ่ง) ที่เริ่มจากกลุ่มผู้นิยมพระเครื่อง (ที่น่าจะดีกว่าไปนิยมอย่างอื่นเช่นภูต ผี ปีศาจ ฯลฯ ที่น่าจะแย่กว่านี้)

ที่มีอีกหลายสิบวัตถุประสงค์ย่อยๆๆๆๆๆๆๆ ในการเข้ามาในวงการพระเครื่อง

รู้สึกดีใจและมีความหวังนิดๆ เลยถือโอกาสมาชี้แจง เพื่อความเข้าใจกันครับ
อิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิ

หมายเลขบันทึก: 564031เขียนเมื่อ 17 มีนาคม 2014 09:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มีนาคม 2014 09:54 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

การชักจูงคนให้สนใจธรรมะไม่ได้มีการกำหนดวิธีการหรือมาตราฐานใดๆทั้งสิ้น การปฏิบัติก็ใช้จริตของผู้ฝึกเป็นตัวกำหนด ไม่ใช่ใช้จริตของผู้สอน การยึดมั่นถือมั่นก็ผิดวิถีทางพุทธอยู่แล้ว คนที่ปฏิบัตมาระยะหนึ่งก็มักถือว่าตัวแน่กว่าผู้อื่น อยู่สูงกว่าผู้อื่นเสมอ หากได้ใช้หลัก "ถอดและถอย" ก็คงทำความเข้าใจกับสภาพแวดล้อมต่างๆได้อีกมากมาย ธรรมะไม่มีถูกผิด ไม่มีสูงต่ำ ไม่มีใช่ ไม่ใช่ มีแต่สุญญตาเท่านั้น หากพิจารณาดีๆและทำความเข้าใจ อารมณ์ที่มากระทบให้จิตขุ่นมัว ก็จะเห็นสิ่งที่เรียกว่าความว่าง ไม่มีธรรมให้บรรลุ ไม่มีอะไรให้ยึดติด ไม่มีอะไรให้สำเร็จ มีแต่นิพพานที่เป็นจริงอย่างเดียวเท่านั้น คงต้องบอกว่าอุบายหรือวิธีการใดๆก็ใช้ได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับเจตนาของผู้สอนว่าต้องการสอนอะไร การให้ทานที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งคือ ทานปัญญาบารมี ซึ่งเป็นหนทางการสร้างบารมีธรรมเพื่อบรรลุถึงนิพพาน แตกต่างที่ความคิดแต่มิตรภาพยังอยู่ ใครใคร่สอนๆ ใครใคร่เรียนๆ ใครใคร่เชื่อๆ ขึ้นอยู่กับภูมิปัญญาและวาสนาของแต่ละคนครับ ไม่ยึดติดใดๆก็ไม่ต้องกังวลครับ......โชคดีมีปัญญาทุกท่าน....สวัสดีไม่มีธรรมใดเหนือนิพพาน.....

ขอบคุณครับสำหรับความหวังดีที่มีให้ กระผมยังมีห่วงที่ยังปลดไม่ออก คือต้องหาเงินให้ลูกเรียน งานก็เงินน้อย ก็คงต้องหวังฟลุ๊คจากวงการพระเป็นตัวเสริมรายใด้ไม่รู้คิดถูกหรือผิด ขอบคุณครับ

น่าจะผิดครับ

เพราะ ถ้าไม่มีความรู้ก็ฟลุคยาก

และสิ่งที่คุณคิดนั้น เซียนและแผงพระเขาคิด และทำมานานแล้ว

คนไม่มีความรู้เท่าเขา (หรือมากกว่า) ย่อมไม่มีที่อยู่ หรือแทรกไม่ได้อยู่แล้วครับ

อิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท