หลังจากละลายพฤติกรรมแล้ว ผมชวนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อนำเข้าสู่ "วิสัยทัศน์ร่วม" หรือ "เป้าหมายร่วม" ของครูทุกคน เพื่อให้รู้ว่า เรากำลังมุ่งสู่การเป็น "ครูเพื่อศิษย์" และกำลังสร้าง "ชุมชนเรียนรู้ครูเพื่อศิษย์" ผมสรุปว่า ครูเพื่อศิษย์นั้นมุ่ง "สอนชีวิต" สอนลูกศิษย์แบบ "สอนคน" ไม่ใช่ "สอนวิชา" เป้าหมายสำคัญในการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ ต้องเน้นมากกว่าสาระ "ความรู้" แต่ครูต้องเป็น "ครูฝึกกก" ให้เด็กได้ "ทักษะ" ที่เพียงพอต่อการอยู่ในสังคมใหม่ได้อย่างดีและมีความสุข
วิธีการทำให้นักเรียนมี "ทักษะในศตวรรษที่ ๒๑" ตามเป้าหมายข้างต้น บุคลากรทุกคน ต้องช่วยกันให้นักเรียนได้ "ฝึกคิด" "ฝึกทำ" และ "ฝึกเรียนรู้ด้วยตนเอง" ... เราเรียกหลักสูตรการจัดการเรียนรู้แบบนี้ว่า "หลักสูตร ๓PBL"
หลักสูตร ๓PBL
หลักสูตรพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ ๒๑ แบบ ๓PBL ดังรูปที่ ๑ แบ่งขั้นของการพัฒนานักเรียนด้วยการออกแบบการเรียนรู้เป็น ๓ แบบ เพื่อเน้นจุดมุ่งหมาย ๓ ประการตั้งแต่ "คิดเป็น" "ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น" จนผู้เรียนสามารถ "เรียนรู้เองเป็น" โดยต้องพิจารณาให้ถึงระดับ "นักเรียนรายบุคคล" โดยที่ครูจะต้องปรับเปลี่ยนบทบาทของตนเอง
หลักสูตร ๓PBL เป็นเครื่องมือช่วยครูในการพัฒนาการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ โดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ๓PBL นำเสนอรูปแบบในการเรียนรู้ ๓ วิธี ได้แก่
๑st PBL คือ Pattern- based Learning ได้แก่ การเรียนรู้ในรูปแบบ โดยอาจใช้แบบฟอร์ม ใบงาน หรือคำถามจากครู มีเป้าประสงค์เพื่อทำให้นักเรียนได้ฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารญาณ การประเมินค่า และเสริมสร้างความมั่นใจในตนเองของผู้เรียนให้กล้าคิดกล้าพูด
๒nd PBL คือ Project- based Learning ได้แก่ การเรียนรู้จากการทำโครงการ หรือกิจกรรมต่างๆ มีเป้าประสงค์เพื่อให้นักเรียนได้ฝึกทักษะการทำงานตามวงจรคุณภาพ (PDCA) การแก้ปัญหา และทักษะการใช้สื่อเทคโนโลยีสารสนเทศ
๓rd PBL คือ Problem- based Learning ได้แก่ การเรียนรู้บนฐานปัญหาหรือโครงงาน มีวัตถุประสงค์ให้นักเรียนเกิดทักษะในศตวรรษที่ ๒๑ โดยมุ่งเน้นการสร้างแรงบันดาลในการเรียนรู้ การเรียนรู้จากการปฏิบัติ และการเรียนรู้เป็นทีม ที่ผู้เรียนได้ คิดเอง ทำเอง แก้ปัญหาเอง และนำเสนอผลงานด้วยตนเอง
รูปที่ ๑ แสดงกระบวนทัศน์ของหลักสูตรพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ ๒๑ แบบ ๓PBL
สามารถอธิบายพอสังเขป ดังนี้
ขั้นที่ ๑ ฝึกคิด
พัฒนาการคิดเบื้องต้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กล้าคิดกล้าพูด ขั้นนี้เน้นที่สุดคือ เจตคติและแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ วิธีการคือ ยกตัวอย่าง หรือสื่อที่น่าจะทำให้เกิดข้อถกเถียงหรือแสดงความคิดเห็นได้ง่าย หลากหลาย ไม่มีคำตอบที่ตายตัว ไม่มีผิดไม่มีถูก นำเสนอต่อนักเรียน แล้วครูใช้คำถามกระตุ้นเพื่อให้เกิดการโต้เถียงอย่างเป็นเหตุเป็นผลกัน กรณีนี้ครูอาจใช้แบบฟอร์มหรือใบงานช่วย
รูปที่ ๒ แสดงตัวอย่างวิธีการหรือขั้นตอนในการฝึกคิด
- หลักการสำคัญคือหลักของ "เหตุและผล" เมื่อเราอยากให้นักเรียนเก่งเรื่องคิด “คิดเป็น” เราต้องทำให้นักเรียนได้ "ฝึกคิด" วิธีการทำให้นักเรียนได้ฝึกคิด ครูต้องเปลี่ยนมา "ตั้งคำถาม"
แทนวิธีการ "บอก ป้อน สั่ง"
- เครื่องมือสำคัญที่ต้องทำให้มาก คือ การอภิปราย โต้เถียงด้วยเหตุและผล หรือที่นิยมเรียกว่า "ถอดบทเรียน" หรือ "ถอดประสบการณ์"
- บทบาทที่สำคัญของครู ไม่เพียงแต่ "ตั้งคำถาม" แต่ต้อง "สะท้อน" (Reflect) ผลลัพธ์ กลับไปยังผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง
- ครูเป็นผู้คิดสร้างใบงาน หรือ ใบคำถาม หรือแบบฟอร์ม หรือ รูปแบบ (Pattern) ต่างๆ ให้นักเรียนได้ฝึกคิด เช่น กิจกรรม "กระดาษ ๔ พับ" ใช้สื่อที่นักเรียนสนใจ แล้วค่อยให้ถอดบทเรียน
- ผลที่เกิดกับนักเรียนเมื่อเขาคิดเป็น ครูจะเห็นความกล้าคิด กล้าพูด เพราะว่าเขามั่นใจในตนเอง ที่เขามั่นใจในตนเองเพราะพวกเขาภูมิใจในตนเอง ที่ภูมิใจในตนเองเพราะพวกเขารู้ว่าตนเองรู้และถนัดเก่งเรื่องอะไร และที่เป็นเช่นนั้นได้ ก็เพราะว่าพวกคิดได้คิดเป็นนั่นเอง
- บทบาทที่สำคัญของครูในขั้นตอนนี้ คือเป็น ผู้กระตุ้นพาให้คิด "ครูฝึกคิด" คือทำหน้าที่เป็นครูฝึกหรือโค้ช (Coach) เป็นคนออกแบบ และตั้งคำถามเพื่อกระตุ้นการคิดของนักเรียน
- นักเรียนจะได้ฝึกคิดตาม "หลักคิด ปศพพ." สามารถตีความสื่อต่างๆ ตามหลัก ๓ ห่วง ๒ เงื่อนไข ๔ มิติได้
ตัวอย่างวิธีการและขั้นตอนให้นักเรียนได้ “ฝึกคิด”
o คิดวิเคราะห์ก่อนให้รู้ชัดว่า สิ่งนั้นคืออะไร ประกอบด้วยอะไรบ้าง กำลังจะทำอะไร
o เปรียบเทียบ เทียบเคียง ให้เข้าใจบทบาทและความสำเคัญ ตลอดทั้งความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบของสิ่งนั้นๆ
o จัดหมวดหมู่ สังเคราะห์หลักการ ใช้หลักวิชาการที่สอดคล้อง เพื่อพิจารณาอย่างเป็นเหตุเป็นผล
o ยึดเหตุผลบนพื้นฐานของความเป็นจริง และความเป็นธรรม
o พิจารณาว่าสิ่งที่จะทำนั้นถูกหรือไม่ถูก ดีหรือไม่ดี ควรหรือไม่ควร เหมาะสมหรือไม่
o ก่อนจะตัดสินใจให้ พอประมาณกับตนเอง
ขั้นที่ ๒ ฝึกทำ
พัฒนาทักษะการเรียนรู้และการทำงานจากการปฏิบัติจริง ขั้นนี้เน้นที่สุดคือ กระบวนการเรียนรู้จากการลงมือทำกิจกรรมต่างๆ ที่ครูหรือโรงเรียนกำหนด วิธีการคือ ครูทำหน้าที่เป็นครูฝึก โดยออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ ใช้กระบวนการจัดการความรู้ เช่น BAR, AAR ฯลฯ และฝึกทักษะการทำงานตามวงจรคุณภาพ PDCA และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อการศึกษา จัดให้มีการถอดบทเรียน หรือถอดประสบการณ์ จากการทำกิจกรรมทุกกิจกรรมในโรงเรียน เช่น กิจกรรมชุมนุม กิจกรรมลูกเสือ- เนตรนารี ฯลฯ กรณีนี้ครูสามารถใช้แบบฟอร์มหรือชุมคำถามช่วยในการถอดบทเรียนได้เช่นกัน สิ่งสำคัญคือ ครูจะต้องมีการสรุปและให้ feedback กับนักเรียนในทุกกิจกรรม
รูปที่ ๓ แสดงตัวอย่างวิธีการหรือขั้นตอนในการฝึกทำ
-
หลักสำคัญคือ การเรียนรู้จากการปฏิบัติ นักเรียนได้ลงมือทำจริง โดยเน้นให้นักเรียนได้ "ฝึกคิดแก้ปัญหา" ที่ครูเป็นคนกำหนด หรือร่วมกันกำหนดขึ้นมา
-
ครูจะเป็นผู้ออกแบบโครงการ (Project) หรือเปิดโอกาสให้เด็กได้มีส่วนร่วมในการออกแบบโครงการหรือกิจกรรมต่างๆ ในโรงเรียน เช่น กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี กิจกรรมวันสำคัญทางศาสนา กิจกรรมส่งเสริมการเรียนต่างๆ คำถามสำคัญสำหรับครูผู้ออกแบบคือ
o ต้องการให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะใด จากโครงการ/กิจกรรม/ฐานการเรียนรู้ นั้น
o นักเรียนจะได้เรียนรู้อย่างไรในโครงการ/กิจกรรม/ฐานการเรียนรู้นั้น นักเรียนจะเกิดทักษะนั้นในขั้นตอนใด
o จะรู้ได้อย่างไรว่า ทักษะที่ต้องการนั้นเกิดหรือไม่ ทำอย่างไร นักเรียนจะได้สะท้อนตรวจสอบประเมินตนเองเกี่ยวกับทักษะนั้นๆ
o นักเรียนจะได้ฝึกบูรณาการความรู้และทักษะกับชีวิตและการเรียนการสอนในห้องเรียนอย่างไร
วิธีการสำคัญคือ การฝึกการทำงานแบบ PDCA (Plan Do Check Act) ตามวงจรคุณภาพของ Deming
-
ผลที่จะเกิดกับนักเรียนเมื่อได้ "ฝึกทำ ฝึกแก้ปัญหา" คือทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ทักษะการลงมือทำและการแก้ปัญหา ทักษะชีวิตด้านการทำงานอย่างมีระบบแบบแผน (PDCA) ทักษะความร่วมมือหรือทำงานเป็นทีม ทักษะการสื่อสารและไอซีที
-
เครื่องมือสำคัญในขั้นนี้คือ การ "ถอดบทเรียน"หรือ (AAR : After Action Review) การทำ BAR (Before Action Review) การจัดการความรู้ KM การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยการเล่าเรื่องประสบการณ์ของความสำเร็จ (Success Story Telling) หรือ SST ฯลฯ
-
บทบาทสำคัญของครูจะต้องเน้นทั้งเป็น ครูฝึก (Coach) เป็นทั้งพี่เลี้ยง (Mentor) และเป็นทั้งหมอใจให้คำปรึกษา (Counseling) แตกต่างกันไปตามแต่เหตุปัจจัย สถานการณ์ และประสบการของผู้เรียนแต่ละคน อ่านหลักการ CMC ได้ที่นี่
- นักเรียนจะได้ฝึกนำ ปศพพ. ไปใช้ในชีวิตในกิจกรรม คือ สามารถถอดบทเรียนผลการปฏิบัติ ตามหลักปฎิบัติแบบ ๓ ห่วง ๒ เงื่อนไข ๔ มิติได้
o ก่อนจะทำคิดพิจารณาว่า ความรู้ที่ต้องใช้มีอะไรบ้าง
o เรามีความรู้ประสบการณ์เพียงพอ มั่นใจหรือไม่
o หากไม่ จะสืบค้นหาความรู้หลักวิชานั้นมาอย่างไร คือ Review ทบทวนอย่างไร
o มีใครทำสำเร็จ เป็นแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) เรื่องนั้นหรือไม่ เขาทำอย่างไร ปัจจัยของความสำเร็จของเราคืออะไร
o เหตุผลที่เรามี ดีและถูกต้องหรือไม่
o วิธีการที่เราจะทำถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ คิดก่อน วางแผนก่อน
o พอประมาณกับศักยภาพของเรา กับเวลาที่เรามี กับความดีหรือกำลังทรัพย์ของเราหรือไม่
o ตรงไหนที่น่าจะเป็นปัญหา จัดการความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น
o จะวัดผล ประเมินผลอย่างไร ถึงจะรู้ว่าบรรลุได้ตามที่คาดหวัง
o ผลที่เกิดขึ้นจะดีต่อเราอย่างไร จะดีต่อผู้อื่นหรือไม่ จะดีต่อใคร จะมีผลอย่างไรใน ๔ มิติ
ขั้นที่ ๓ ฝึกเรียนรู้ด้วยตนเอง
พัฒนาทักษะในศตวรรษที่ ๒๑ โดยการเรียนรู้ด้วยตนเองของผู้เรียน โดยครูทำหน้าที่เป็นเพียงผู้อำนวย ช่วยเหลือแนะนำเท่าที่จำเป็น คอยตั้งคำถามเพื่อกระตุ้นให้นักเรียนได้เรียนรู้อย่างรอบด้าน รู้ลึกขึ้น ละเอียดขึ้น ขั้นตอนนี้เน้นการจัดการเรียนรู้บนฐานปัญหาจริง เพื่อฝึกทักษะชีวิต ทักษะการแก้ปัญหา สามารถเชื่อมโยงสิ่งที่ได้เรียนรู้กับการดำเนินชีวิตได้ สิ่งสำคัญคือ ผู้เรียนจะต้องคิดเอง ทำเอง แก้ปัญหาเอง และนำเสนอผลงานด้วยตนเอง
รูปที่ ๔ แสดงหลักคิด ๓ ห่วง ๒ เงื่อนไข ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
-
หลักสำคัญคือ นักเรียนเป็นผู้คิดทำทั้งหมดทุกขั้นตอน ตั้งแต่ ตั้งปัญหาเอง ศึกษาค้นคว้าหาความรู้ ตั้งสมมติฐาน ออกแบบการตรวจสอบสมมติฐานนั้น ทำการทดลองพิสูจน์เรียนรู้ และเป็นผู้นำเสนอหรือเผยแพร่
-
ครูมีบทบาทเน้นเป็น "ผู้อำนวย" (Facilitator) อำนวยให้เกิดการเรียนรู้ เป็นพี่เลี้ยง (Mentor) ดูอยู่ห่างๆ เพื่อกำกับทิศทาง และให้คำปรึกษาเมื่อจำเป็น
-
กระบวนการเรียนรู้ที่ดี และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในขั้นนี้ คือ การเรียนรู้บนฐานปัญหา (Problem- based Learning) หรือ PBL อ่านแนวทางการเรียนการสอนแบบ PBL ที่ดีได้ที่นี่
-
การเรียนรู้ด้วยตนเอง จะช่วยเสริม "แรงบันดาลใจ" ในการเรียนรู้ให้กับตนได้เอง
-
นักเรียนจะได้ฝึกฝนตนเอง โดยการคิดและทำ บนหลัก ปศพพ. สู่การเป็น "คนพอเพียง" ที่ ดี เก่ง และมีความสุขในการดำเนินชีวิต
-
การฝึกให้นักเรียน "พึ่งตนเอง" ด้วยการฝึกให้ "เรียนรู้ด้วยตนเอง" ถือเป็น ภูมิคุ้มกันที่ดี ในศตวรรษใหม่นี้นั่นเอง