ดีใจที่มีคนเห็นประโยชน์ของกระบวนการ KM ไม่ว่าจะมาจาก ก.พ.ร. หรือ สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ หรือ สคส. ก็ตาม
เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2549 ได้มีโอกาสเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ณ ศูนย์การประชุมและนิทรรศการอิมแพค เมืองทองธานี
ช่วงเช้าเป็นปาฐกถาพิเศษเกี่ยวกับความสุขมวลรวมประชาชาติ (Gross National Happiness: GNH) และนโยบายสุขภาพของประเทศภูฏาน โดย ฯพณฯ นพ. จิ๊กมี ซิงเย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรภูฏาน มีประเด็นที่เป็นเรื่องดีๆ ดังนึ้
ประเทศภูฏานพัฒนาไปบนหลักคิดที่ว่า ความสุขเป็นเป้าประสงค์สูงสุดของการพัฒนา ไม่ใช่เป็นเพียงผลพลอยได้จากการพัฒนา โดยปฏิบัติตามแนวคิดเชิงพุทธคือ การเริ่มต้นที่สาเหตุรากเหง้าเป็นจุดที่ได้ผลที่สุดในการขจัดปัญหา การมองล่วงหน้าว่าจะเกิดปัญหาอะไร และหาทางป้องกันที่สาเหตุ ย่อมจะดีกว่ารอให้เกิดปัญหาแล้วค่อยมาจัดการกับปัญหานั้นๆ ที่ปลายเหตุ ภูฎานดำเนินการพัฒนาบนพื้นฐานของหลักการสำคัญห้าประการ ได้แก่ 1) ความเติบโตทางเศรษฐกิจ 2) การพิทักษ์สิ่งแวดล้อม 3) การพัฒนาอย่างสมดุลในระดับพื้นที่ 4) การกระจายอำนาจและการเสริมพลังชุมชน 5) การอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรม
(ติดตามอ่านคำกล่าวปาฐกถาทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษได้จาก www.hsro.or.th)
ช่วงต่อมาได้เข้าร่วมในห้องประชุมย่อย “ถอดรหัสสมัชชาสุขภาพสู่การพัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพอย่างมีส่วนร่วม” ดำเนินการโดย นพ.วิพุธ พูลเจริญ และอาจารย์สมพันธ์ เตชะอธิก
ในห้องนี้ ก็มีเรื่องดีๆ อีกเช่นกัน คือ อ.สมพันธ์ให้ความเห็นว่า "AAR (After Action Review) สอดคล้องกับแนวคิดเรื่อง อริยสัจ 4 หรืออาจถือได้ว่าเป็นเรื่องเดียวกัน"
พระนิวัฒน์ อนุจารี วัดพระศรีอารย์ จ.ราชบุรี ให้ความเห็นว่า “ควรให้ภาคีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสมัชชาสุขภาพมาพูดคุยกันโดยใช้กระบวนการ KM เพราะขณะนี้พูดกันคนละแม่น้ำ (ธารปัญญา)”
ภาคีจากจังหวัดภูเก็ต ให้ความเห็นว่า “KM เป็นเรื่องสำคัญ”
ภาคีจากจังหวัดเลย ให้ความเห็นว่า “ขณะนี้มีหน่วยงานที่ทำเรื่องความรู้ ชื่อ สคส. เอาความรู้นำ เอาปัญญานำ ทำให้ความรู้ปฏิบัติเป็นเรื่องสำคัญ เราจึงน่าจะเอาความรู้ในพื้นที่มาสอนในสถานศึกษา”