ความรู้นอกตำรา : สำรวจค่ายอาสาพัฒนา


ช่วงเวลาการเดินทางครั้งนี้เป็นประสบการณ์อีกครั้งหนึ่งในชีวิตของผม มันทำให้ผมต้องรู้ว่าการที่เราจะไปที่ใดสักแห่ง เราจะต้องรู้เส้นทางที่เราจะไปต้องศึกษารายละเอียดต่างๆ และที่สำคัญของการโบกรถคือ ต้องมีแผนที่ เพื่อที่จะให้เรารู้ว่าเราจะต้องไปเส้นทางใด และอีกอย่างที่ทำให้ฉันมองเห็นคือ น้ำใจของคนไทย ซึ่งน้อยคนนักที่จะมาจอดรถให้เราขึ้นไปโดยที่เขาเหล่านั้นไม่รู้จักเราเลยว่าเราเป็นใคร จะมาดีหรือร้าย แต่ที่ฉันดีใจมากคือเขายังมีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์และยังส่งเสริมการทำกิจกรรมที่ดีงามของพวกเรา

       ครั้งหนึ่งผมมีโอกาสเป็นสมาชิกชมรมอาสาพัฒนาสู่ชนบท มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กิจกรรมแรกที่ผมได้ร่วมนั่นคือการออกสำรวจค่ายเพื่อดูบริบทของพื้นที่ที่พวกเราจะออกไปพัฒนาและไปบริการวิชาการสู่สังคม ครั้งนี้เราแยกออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มจังหวัดยโสธร และกลุ่มจังหวัดมุกดาหาร สายที่ผมได้เดินทางไปสำรวจค่ายคือ โรงเรียนบ้านโสกสาน อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร เอ่อคือเป็นน้องใหม่ของชมรมก็ได้รับมอบหมายให้เป็นประธานประจำวันซึ่งทำหน้าที่เป็นหัวหน้าคณะในการเดินทางสำรวจค่ายในวันนั้นซึ่งผมเองก็ไม่รู้หรอกว่ามันต้องทำอะไรบ้าง มีรุ่นพี่คนหนึ่งคือ พี่เบียร์ แกพยายามสอนทุกอย่างให้ผม ไม่ว่าจะเป็นการเรียกประชุม การแจงงาน การเข้าหาชุมชน การเอาข้อมูลบริบทต่างๆของค่าย และที่สำคัญแกเขียนสคริปให้ผมพูดเวลาประชุมด้วย ผมได้แต่คิดว่าขนาดแค่นี้ยังมีอะไรให้ผมได้ค้นหาและเรียนรู้มากมาย

        หลังจากสอนงานกันไปเรื่อยๆได้เวลาออกเดินทางไปสำรวจค่าย เราเดินทางมุ่งหน้าไปยังจังหวัดยโสธรด้วยการโบกรถไปเรื่อยๆ แหมเป็นครั้งแรกที่ต้องโบกรถไปเดินทางไปยังที่หมายสำหรับผมและเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับผมมาก จากมหาสารคาม ไปอำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร พวกเราโบกรถได้ประมาณ 10-11 คัน แต่ละคันก็มีน้ำใจซะเหลือเกินไม่คาดคิดว่าจะมีวิธีการเดินทางแบบนี้ด้วย ผมถามพี่นหนึ่งว่าทำไมเราต้องโบกรถไปด้วยทำไมเราไม่นั่งรถไปและให้ถึงที่หมายเร็วๆ พี่คนหนึ่งแกก็ตอบมาว่า เพื่อจะได้เรียนรู้ความลำบาก เพราะเรามาแสวงหาความลำบากความยากความลำเค็ญของผู้อื่น ฉะนั้นเราต้องรู้ว่า ความลำบากเป็นเช่นไร  

 

          การโบกรถครั้งนี้มันทำให้ผมได้เรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตแบบลุยๆ ซึ่งต้องเจอกันคนมากมาย คนที่เราไม่รู้จักซึ่งเขาจะเป็นคนดีหรือไม่ดีเราเองก็ไม่รู้เลย เมื่อทุกคนเดินทางโบกรถตามท้องถนนที่กว้างใหญ่ มีรถสัญจรไปมามากมาย ทุกคนก็เริ่มใช้วิทยายุทธที่มี ออกมาวาดลวดลายการโบกรถกันอย่างเต็มที่ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีรถคันไหนจอดให้พวกเราขึ้นเลย แต่ก็ไม่นานเกินรอก็มีท่านผู้ใจดีจอดรถให้เราอาศัยไปด้วย แต่ก่อนที่จะได้ขึ้นรถเขานั้นก็ต้องมีการแนะนำตัวว่าเราเป็นใคร มาจากที่ไหน จากนั้นก็ได้นั่งรถกันไปอย่างสบายใจแต่ก็ยังไม่ถึงจุดหมายหรอก เพราะรถที่เราขึ้นมานั้นเขาไม่ได้ไปส่งเราถึงที่หมายแต่เพียงว่าเขาผ่านทางเดียวกันกับที่เราจะไปจึงอาสามาส่งเราเท่าที่เขาจะเดินทางไป แค่นี้ก็เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆ ของคนไทยด้วยกันเเล้ว ก่อนลงจากรถก็ไม่ได้มีอะไรให้เขาหรอก ก็จะมีเพียงแต่รอยยิ้มและคำพูดว่า "ขอบคุณค่ะ/คับ เดินทางปลอดภัยนะคะ/คับ" การเดินทางยังไม่สิ้นสุดแค่รถคันนี้ พวกเราก็โบกรถคันอื่นๆต่อไปเรื่อยๆ ที่จำได้คิดว่าน่าจะโบกรถได้ประมาณ 10-11 คัน (จำได้คร่าวๆ) 

          เมื่อไปถึงอำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร  ก็ได้เข้าไปหาตำรวจเพื่อจะไปถามข้อมูลต่างๆ ซึ่งก็ให้ความช่วยเหลืออย่างดี(ไหม) และพี่ตำรวจก็ใจดีตังด่านโบกรถให้พวกเราด้วยบังเอิญโบกได้สารวัตรของ สภ.เลิงนกทา ท่านก็เลยอาสาพาพวกเราเข้าไปในหมูบ้านซึ่งห่างจากตัวเมืองเยอะมากๆทางเข้าหมู่บ้านค่อนข้างจะเปลี่ยวหน่อยเพราะมีแต่ป่าไม้เต็มไปหมดไม่มีแม้แต่ไฟฟ้าเข้าไปในเส้นทางนั้น ผมก็นั่งคิดอยู่นะว่า เอ่อเป็นอะไรที่สุดมากเลยชีวิตนี้ที่ได้ทำอะไรโดยที่ไม่เคยทำมาก่อน พอเข้าไปถึงหมู่บ้านที่แรกที่เราจะไปคือบ้านผู้ใหญ่บ้าน เพราะว่าเราไปไหนมาไหนเราก็จะต้องเข้าทางผู้นำชุมชนอันตรายต่างๆก็จะไม่เกิด ท่านสารวัตรท่านนั้นแกเป็นคนใจบุญมากเลยครับแกซื้อของและมอบเงินเพื่อสมทบทุนในการออกค่ายให้กับพวกเราด้วย และเมื่อท่านส่งเราถึงบ้านผู้ใหญ่บ้านแล้วท่านก็จะเดินทางกลับ พวกเราต่างขอบคุณในน้ำใจของท่านน้ำใจของคนไทยด้วยกัน และขอให้ท่านเดินทางด้วยความปลอดภัย

    ครับพอพักผ่อนให้หายเหนื่อยนิดหน่อยแล้วพวกเราต่างก็เริ่มภารกิจนั่นการการสำรวจข้อมูลต่างๆของชุมชน แต่ผมก็ยังสงสัยอยู่เหมือนเคยว่าทำไมต้องนับตู้โทรศัพท์ หลอดไฟส่องสว่าง เครื่องไม้เครื่องมือช่าง แหล่งน้ำ จำนวนช่าง ท้ายสุดผมก็ก็ได้รู้ว่างบประมาณของเราค่อนข้างจำกัดก็เลยอยากให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมในการดำเนินงาน ผมก็ทำหน้าที่สัมภาษณ์เพื่อที่จะให้ได้ข้อมูลบริบทต่างๆของชุมชน หลังจากที่ทุกคนทำภารกิจเสร็จจุดที่เรานัดรวมกันนั่นคือ โรงเรียนบ้านโสกสาน มีชาวบ้านเล่ากันว่าห้องที่พวกเราจะไปพักเป็นห้องของคุณครูที่ท่านพึ่งจะเสียชีวิตถ้ายังไงได้หวยตัวไหนอย่าลืมบอกกันนะ พวกเราก็ไม่ได้คิดอะไรมาก และเร่งเดินทางไปที่โรงเรียนเพื่อทำการสรุปข้อมูลและนำเสนอข้อมูลให้ทุกฝ่ายได้รับทราบและข้อมูลอันไหนตกหล่นพรุ่งนี้เช้าก่อนเดินทางให้ไปสำรวจมาให้ครบ หลังจากนั้นพวกเราก็เข้านอน ตื่นเช้ามา พวกเรายังไม่รู้เลยว่าจะทานข้าวกันที่ไหนเลยพากันเดินแยกย้ายไปช่วยงานคนในชุมชนเพื่อให้ได้ข้าวมาร่วมกันรับประทาน ในช่วงชีวิตที่ไม่เคยทำมาก่อน เคยเห็นแต่คนอื่นมาขอข้าว คราวนี้เป็นเราที่ต้องไปขอข้าวเขาทาน เหอะๆมันแปลกดีนะและมันเป็นสิ่งที่สุดยอดในชีวิตผมบอกได้เลยว่าไม่เสียดายที่ได้เกิดมาเลย พอทุกคนทานข้าวเสร็จต่างก็มารวมกันที่บ้านผู้ใหญ่บ้านเพื่อลาคุณพ่อผู้ใหญ่และคุณแม่ที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลพวกเราทั้งๆที่ไม่ใช่ลูกหลานท่านเลย   

       เมื่อถึงเวลาที่ต้องเดินทางกลับจากการสำรวจค่าย ทุกคนดูแล้วต่างอ่อนล้าเต้มที แต่ทุกคนยังสู้ และไหวอยู่เสมอ การเดินทางกลับก็เช่นเดิม คือต้องโบกรถกลับเองตาที่เราเคยโบกรถมา และเดินทางกลับมาถึงมหาวิทยาลัยมหาสารคามอย่างปลอดภัย

          ช่วงเวลาการเดินทางครั้งนี้เป็นประสบการณ์อีกครั้งหนึ่งในชีวิตของผม มันทำให้ผมต้องรู้ว่าการที่เราจะไปที่ใดสักแห่ง เราจะต้องรู้เส้นทางที่เราจะไปต้องศึกษารายละเอียดต่างๆ และที่สำคัญของการโบกรถคือ ต้องมีแผนที่ เพื่อที่จะให้เรารู้ว่าเราจะต้องไปเส้นทางใด และอีกอย่างที่ทำให้ฉันมองเห็นคือ น้ำใจของคนไทย ซึ่งน้อยคนนักที่จะมาจอดรถให้เราขึ้นไปโดยที่เขาเหล่านั้นไม่รู้จักเราเลยว่าเราเป็นใคร จะมาดีหรือร้าย แต่ที่ฉันดีใจมากคือเขายังมีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์และยังส่งเสริมการทำกิจกรรมที่ดีงามของพวกเรา และที่สำคัญมากที่สุดคือ มิตรภาพความเป็นพี่เป็นน้อง ซึ่งมันทำให้ผมได้สนิทสนมกับพี่มากขึ้นและสนิทกับเพื่อนมากขึ้น การเดินทางครั้งนี้คุ้มจริงๆ แต่มันยังไม่สิ้นสุดอยู่แค่นี้ ตราบใดที่ผมยังรักในการทำกิจกรรมอยู่ ผมก็จะอยู่กับมันไปตลอด...ตราบนานเท่านาน

หมายเลขบันทึก: 563274เขียนเมื่อ 5 มีนาคม 2014 12:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 มีนาคม 2014 12:37 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)


...ความรู้นอกตำรา .... คือความรู้แจ้งนะคะ .... ขอบคุณค่ะ


ขอบคุณครับผม บางทีสิ่งเหล่านี้ อาจจะเป็นกิจกรรมหนุนเสริมในการเรียนรู้ในห้องเรียนก็ได้ครับ

-สวัสดีครับ

-ถือเป็นกิจกรรมนอกห้องเรียนที่คุ้มค่าและน่าสนุกมาก ๆนะครับ

-ดูทุกท่านมีความสุขกับกิจกรรม..

ยินดีด้วย..เป็นภาพเก่า ๆ ของครูหยิน..เคยทำงานชมรมอาสาพัฒนา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หาดใหญ่ จ.สงขลา

เป็นชีวิตหนึ่งที่มีคุณค่า...ผลที่ได้จากงานคือการสร้างคน และเราได้นำประสบการณ์ดังกล่าวมาใช้

ในวันที่ทำงาน....ความเป็นคนของครูหยินได้มาจากค่าย...ของให้น้อง ๆ โชคดี มีความสุขในการทำงาน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท