ดร.ป๊อป ได้ออกแบบโปรแกรมการจัดการตนเอง (Self-Management) ผสมผสานกับโปรแกรมการจัดการฟื้นพลังชีวิต (Recovery Management) และความต้องการของกรณีศึกษานี้และผู้ปกครองที่ต้องการลดตราบาปของสังคม (Stigmatization) คือ "การเปลี่ยนคลินิกกิจกรรมบำบัดเป็นโรงเรียนการจัดการความสุข" เพื่อเพิ่มทักษะทางจิตสังคม (Psychosocial Skills) ในวัยรุ่นที่กำลังศึกษาในปีสุดท้ายของม.เอกชนแห่งหนึ่ง (คุณ ซ.) กับวัยรุ่นที่เพิ่งจบการศึกษาจากม.เอกชนอีกแห่งหนึ่ง (คุณ ป.) ภายหลังมีประสบการณ์จากโรคซึมเศร้า (คุณ ซ.) และภาวะซึมเศร้าในโรคจิตเภท (คุณ ป.) ซึ่งได้รับการวินิจฉัยจากจิตแพทย์และทานยามานานกว่า 12 เดือน และได้รับกิจกรรมบำบัดกับดร.ป๊อปด้วยกระบวนการฟื้นพลังชีวิตเมื่อ 12 เดือนที่แล้ว เนื่องจากดร.ป๊อป ติดงานประจำของอาจารย์ที่ต้องสอน วิจัย และบริหาร ทำให้ลำบากมากที่จะให้กิจกรรมบำบัดอย่างต่อเนื่อง แต่คลินิกกิจกรรมบำบัด ศูนย์กายภาพบำบัด คณะกายภาพบำบัด ม.มหิดล ก็พยายามให้อาจารย์ต้องมีภาระงานทางคลินิกอย่างน้อย 30 ชม. ต่อ 6 เดือน อย่างไรก็ตาม ถือเป็นเรื่องท้าทายในการฝึกกรณีศึกษาทั้งสอง ผมจึงยังไม่คิดค่าบำบัดฟื้นฟู แต่อยากศึกษาด้วยโจทย์ "ถ้าใช้โปรแกรมการจัดการตนเองใน 6 อาทิตย์ตามหลักการสากลจะช่วยพัฒนาทักษะทางจิตสังคมได้จริงหรือไม่" ถ้าทำได้จริงจะได้ส่งต่อระบบคลินิกกิจกรรมบำบัดฯ เพื่อคิดค่าบำบัดฟื้นฟูต่อไป
ครั้งที่ 1
น้อง ซ. ประเมินทางจิตวิทยาด้วยการวาดภาพ บ้าน-คน-ต้นไม้ พบว่า ยังมีความคิดกังวลต่อคนรอบข้างอยู่บ้าง ชอบอิสระและอยากประสบความสำเร็จในชีวิต แม้ว่าบ้านจะดูอบอุ่นแต่คิดว่าอิทธิผลทางครอบครัวยังบังคับมากเกินไป และประเมินทางกิจกรรมบำบัดด้านทักษะทางจิตสังคม พบว่า ระดับความคิดความเข้าใจอยู่ที่ระดับ 4 จึงต้องกระตุ้นให้มีกระบวนการคิดสำรวจและมั่นใจในศักยภาพของตนเอง (Self-efficacy) มากขึ้น ซึ่งเป็นระดับความคิดความเข้าใจที่ 5 รวมทั้งเมื่อสังเกตการวางแผนให้เล่าเรื่อง "ตนเอง ครอบครัว และความสำเร็จ" ก็ยังทำได้ไม่ดีนักในแง่การลำดับความคิด การคิดเรื่องราว และการนำเสนออย่างมั่นใจ แต่ก็มีความตั้งใจมากขึ้นเมื่อกระตุ้น 1-2 ครั้ง
จากนั้นใช้สื่อกิจกรรมบำบัดด้าน "ใช้ตัวเรา ตัวผู้รับบริการ (น้อง ซ. และคุณแม่) เป็นต้นแบบ หรือ Therapeutic Use of Self" ในกิจกรรมฝึกทักษะการนำเสนอเรื่องราว "ความสำเร็จในการเรียนจาก F สู่ A ของตนเอง" มีการซ้อมเขียนภาพประกอบเรื่องราวเขียนบทพูด และการซ้อมนำเสนอถึง 5 รอบ และประเมินซ้ำ พบว่า น้อง ซ. ได้เรียนรู้ทักษะการนำเสนองานและมีความมั่นใจในศักยภาพของตนเอง จาก 5 เป็น 6 (เต็ม 10 คะแนน)
การบ้าน ให้น้อง ซ. และคุณแม่ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ว่า "น้อง ซ. อยากทำงานอะไรจริงๆ หลังจากจบการศึกษาแล้ว"
น้อง ป. ประเมินทางกิจกรรมบำบัดด้านทักษะทางจิตสังคม พบว่า ระดับความคิดความเข้าใจอยู่ที่ระดับ 3-4 ขึ้นอยู่กับความท้าทายและความยากของกิจกรรมการพับกระดาษตามแบบ ซึ่งตอนแรกพูดก่อนเลยว่า ทำไม่ได้ ไม่เคยทำ แต่เมื่อปล่อยให้อยู่กับตัวเอง (กิจกรรมที่มีรูปแบบ หรือ Structured Activity) ก็สามารถเปิดแบบเพียงเล็กน้อยและทำเสร็จได้ดีมากทุกขั้นตอน ทั้งๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน และยังต้องกระตุ้นมากกว่า 1 ครั้ง ถ้าจะให้ต่อยอดการนำกิจกรรมที่มีรูปแบบไปสู่กิจกรรมการดำเนินชีวิต
จากนั้นใช้สื่อกิจกรรมบำบัดด้าน "การวิเคราะห์สังเคราะห์กิจกรรม หรือ Activity Analysis & Synthesis" พบว่า ต้องกระตุ้น 3-5 ครั้ง ในการนำกระดาษที่พับไว้มาทำเป็นโมบาย (ซึ่งเกิดจากความต้องการและความคิดของน้อง ป. เอง - กิจกรรมกึ่งมีรูปแบบหรือ Semi-structured Activity) และประเมินซ้ำ พบว่า น้อง ป. มีความรู้สึกมีความสุขและสนุกในกิจกรรมพับกระดาษ จะนำผลงานไปไว้ที่โต๊ะทำงานและมีความมั่นใจในศักยภาพของตนเองจาก 4 เป็น 5 (เต็ม 10 คะแนน)
การบ้าน ให้น้อง ป. และคุณแม่ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ว่า "น้อง ป. เบื่องานที่ครอบครัวให้หรือไม่ และอยากมีความสุขกับอะไร"
นัดหมายครั้งที่ 2 ในอีก 1 อาทิตย์
แอบไปใช้ลูกชายวัยรุ่นค่ะ
ขอบคุณมากๆ สำหรับกำลังใจและยินดีอย่างยิ่งที่จะติดตามและนำไปใช้ต่อ...จากคุณเพชรน้ำหนึ่ง คุณ Oraphan พี่ดร.เปิ้น และอ.นุ
ได้ความรู้ทางเชิงแนวคิด และการขับเคลื่อนสู่ผู้ปฏิบัติอย่างมีความสุข เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ขอบคุณมากครับพี่ใหญ่นงนาท
ขอบคุณมากครับคุณศิรินันท์ และคุณศจย.