ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาผมเฝ้าติดตามรายการของ สทท ที่เปิดเวทีให้นักวิชาการมาพูดเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์วิกฤตของประเทศ ผมฟังดูแล้วรู้สึกว่าการนำเสนอของ สทท ไม่น่าเชื่อถือ ไม่ยุติธรรม นักวิชาการและผู้ดำเนินรายการออกมาพูดในด้านเดียว และพูดแบบไม่ได้สร้างสรรค์ เป็นการทำให้เกิดการแตกแยกมากขี้น สทท เป็นสถานีโทรทัศน์ที่เป็นสถานีของภาครัฐ รายได้มาจากเงินภาษีของประชาชน ควรจะจัดรายการที่เปิดเวทีให้กับทั้งสองขั้วมาแสดงเหตุผล ไม่ใช่เลือกเฉพาะนักวิชาการที่พูดแบบเข้าข้างรัฐบาล และพยายามยกประเด็นมากล่าวหาชี้ชวนและชักนำให้มองฝ่ายตรงข้ามว่าเป็นผู้ผิด กล่าวหาทุกองค์กรที่ไม่ได้เข้าข้างรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นศาล หรือ กกต นักวิชาการในรายการแสดงความคิดเห็นไม่เห็นด้วยกับการตัดสินของศาล และ กกต เพียงความเห็นของท่านนักวิชาการเหล่านั้น ท่านมีคุณสมบัติอะไรที่ไปกล่าวหาองค์กรที่ทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลางและพยายามแก้ปัญหาให้กับประเทศชาติ แถมไปชี้นำชักชวนให้ประชาชนไม่ให้ความไว้วางใจกับองค์กรอิสระ และแนะนำให้ไปดึงต่างประเทศมาแทรกแซง รัฐบาลรักษาการเป็นผู้ที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติอย่างมากมาย ถ้าเป็นประเทศอื่น เขาลาออกไปนานแล้ว แต่ประเทศไทยยังไม่เคยพบ ต้องเข้าใจว่า รัฐบาลรักษาการเป็นผู้ที่ทำให้ประเทศชาติเสียหายจากการบริหารงานของคณะรัฐบาลเอง ซึ่งก็มีเรื่องให้เห็นกันหลายเรื่องจึงขอวิงวอนให้รัฐบาลรักษาการลาออก ส่วนด้านของคุณสุเทพ ก็ไม่ควรใช้วิธีการบังคับคนที่ไม่เห็นด้วย ไม่ควรปฎิบัติการใดๆที่เป็นการผิดกฎหมาย เนื่องจากเราต้องการปฎิรูปสิ่งที่ผิดให้เป็นสิ่งที่ถูก ดังนั้นถ้าใช้กลยุทธ์การดำเนินการที่ไม่ถูกต้องมาใช้ในการปฎิรูปมันก็ไม่ถูกต้องตั้งแต่แลก อย่าใช้วิธีการปราบโจรด้วยการทำตัวเป็นโจรเสียเอง มันจะเข้าทางที่รัฐบาลรักษาการพยายามนำเรื่องเหล่านี้มาใช้ในการยึดครองอำนาจของฝ่ายรัฐบาลรักษาการให้ได้ชัยชนะ ถ้าคุณสุเทพยังใช้วิธีการเดิม ก็จะทำให้สูญเสียประชาชนที่ให้การสนับสนุนมากขึ้น จนในที่สุดประชาชนจะเป็นผู้แพ้และสูญเสียทุกสิ่งที่เริ่มต้นมาดีแล้ว
ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท
27 มกราคม 2557
ป.ล.ประชาชนทุกท่านโปรดเฝ้าติดตามรับชมรายการต่างๆจากสถานี สทท ด้วยครับ ว่าเป็นตามที่ผมกล่าวมาหรือไม่
ผมเป็นกลาง ... และก็เห็นด้วยกับท่านเจ้าของบันทึกนี้ครับว่า
นักวิชาการ คือ ผู้ชี้นำสังคม ดังนั้น ควรให้ข้อเท็จจริงมากกว่าความรู้สึกส่วนตัีว
ขอบคุณครับ ;)...
ขอบคุณที่ร่วมแสดงความเห็นครับคุณ Wasawat
ฟังคุณสมเกียรติ อ่อนวิมล
เมื่อมีการประกาศสถานะการณ์ฉุกเฉิน ต่างฝ่ายต่างกุมอำนาจการรักษามวลชนที่ยินดี ที่พึงใจกับฝ่ายตนไว้ให้มากที่สุด มีการชี้นิ้วไปที่ฝ่ายตรงข้ามด้วยวิธีการ ด้วยวลีที่แยบยลในการสอดแทรก การเป็นจำเลย การเป็นโจทย์ต่อกัน รีบเร่งชิงอำนาจควบคุมสื่อ ด้วยการข่มขู่ คุกคาม คาดโทษ ไปถึงการปิดสื่อที่ชี้แจงจุดอ่อนตน
เรามามองถึงบอร์ด โกทูโนว์ ว่า วันนี้มีสถานะการฉุกเฉินเกิดขึ้นหรือไม่ เพราะจากการที่เรา และ พี่น้องไทยทั้งหลาย อนุญาติให้มีการสื่อสาร ด้านการพยากรณ์ คาดเดา งมงาย ปิดกั้น จนถึงมีการฝึกให้จิตใจก่อเนรคุณขึ้น จากภายในสู่สาธารณะกันอย่างเปิดเผย กันอย่างยาวนาน วันนี้ มีผู้เพียงมาประกาศถึงหลักฐานแห่งความจริงที่เป็นสากล เป็นทางการ เป็นแนวทางขับไล่พยากรณ์ ขับไล่การฝึกจิตที่เนรคุณ ตามมายาคติ ตามวรรณกรรมที่มีการสื่อสารมานาน จนเกิดผลลบต่อแผ่นดินไทยได้เช่นปัจจุบัน
ผู้ที่ได้รับเพียงข่าวสารนั้นไม่กี่วัน ไม่กี่กลุ่มข่าว ไม่กี่คน แทบจะดิ้นตาย แทบจะดิ้นทุรนทุรายกับข่าวสารที่ก่อกตัญญูกตเวทิตาธรรมต่อพี่น้องลูกหลาน จนต้องเรียกร้องให้มีการปิดสื่อ มีการทำลายล้าง มีการใช้วลีแยบยลที่จะชี้นิ้วไปหาผู้นั้น กล่าวหาว่าคลั่งไคล้ศาสนาบ้าง งมงายไร้สาระบ้าง จาบจ้วง ลบหลู่ ระราน คุกคาม ฯลฯ สารพัดจะหามาเพื่อการชี้นิ้ว
ลองตรองเถิดว่า มันเข้าข่ายภาวะฉุกเฉินที่จะปิดกั้นสื่อ ที่มีอธิฐานจิต ที่จะทำให้พยากรณ์ลดลง และ ความจริงเพิ่มขึ้น บนพื้นฐานกตัญญู สามารถก่อร่างสร้างตัวในหัวใจพี่น้องชาวไทย ที่ใช้ภาษาไทย ใช้สื่อ เดียวกันนี้ได้
การที่ผู้ดูแลระบบ รับอาสาที่จะไม่ใช้ภูมิปัญญา ไม่มุ่งในศีล ขาดสมาธิ ที่รับปากด้วยเอกสารว่า จะปิดสื่อ ที่สามารถปรับปรุงให้ความดี ความจริงฟื้นฟูขึ้น บั่นทอนชั่ว พยากรณ์ ให้ห่างจากชาวไทยนั้น ขอให้พิจารณาทบทวน การออกปากรับคำ รับการบัญชาจากผู้ที่ยังเข้าไปไม่ถึง กตัญญูขั้นสูงสุด ที่ง่ายและตรงนี้ได้ ลองตรองอีกสักรอบสองรอบก็รอได้