จริงๆ จะให้ชื่อว่า"หนองผือโภชนา" แต่คณะครูบอกว่า มันดูยิ่งใหญ่ไป ครัวเล็กๆ เรียกว่า "ครัวหนองผือ"ก็พอกระมัง ก็เห็นจะจริงและฟังดูดีมีฐานะตามอัตภาพ ไม่หรูหรา แต่สะอาดตา พออยู่พอกิน
นานมาแล้วสินะ..ที่นักเรียนรุ่นแล้วรุ่นเล่า สัมผัสแต่กับข้าวถุงพลาสติก ที่แม่ค้ามาส่งตอนสายๆ ผมเฝ้าดูมา ๗ ปีเศษ ก่อนหน้านั้นล่ะ ก็คงตั้งแต่ก่อตั้งโรงเรียนหรือเปล่า เพราะไม่เคยเห็นว่ามีครัวทำกับข้าว ย้อนไป..เกือบ ๒๐ ปี มีผู้บริหาร ๕ คน เขาก็ทำกันมาและไม่เห็นว่ามีปัญหาอะไร....
อิ่มอร่อยกันทุกมื้อ..เรียนจบกันไปได้หลายร้อยคนแล้ว กับมื้อกลางวันที่ใส่ถุงมาวันละ ๒ อย่าง แจกจ่ายกันไปครบทุกโต๊ะ อุ่นบ้างไม่อุ่นบ้าง แต่ที่แน่ๆ นักเรียนจะต้องนำข้าวใส่กล่องใส่ปิ่นโตมาด้วยนะ และตอนหลังก็สังเกตพบว่านักเรียนเป็นจำนวนมาก มีกับข้าวมากินด้วย...ดูจะดีกว่ากับข้าวโรงเรียนเสียอีก..ถามว่าทำไมล่ะ...ผมเบื่อครับ..หนูเบื่อค่ะ
นักเรียนไม่รู้หรอกว่า ครูสะอึกอย่างรุนแรง..เก็บอาการไว้ก่อน..แล้วทบทวนภารกิจ เราใช้บริการกับข้าวถุงพลาสติกทำไม เหตุผลหลักๆ ก็คือ นักเรียนกับครู(ที่มีน้อย)ไม่ต้องมาเสียเวลามาช่วยกันทำอาหาร ตั้งหน้าตั้งตาเรียนไป ถึงเวลาก็ออกมาโรงอาหาร
และไม่มีห้องครัว ไม่มีอุปกรณ์ใดๆจะให้ทำครัวได้เลย เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ป่วยการที่จะคิดไปให้ยุ่งยาก ก็ทำไปอย่างที่เคย ละเลยในรายละเอียดที่สำคัญไปบ้าง..จะเป็นไร
นานวันเข้า..ก็อดสูใจล่ะสิคราวนี้ เมื่อนึกถึง เด็กเป็นสำคัญ กับคำว่า ประกันคุณภาพ มันจึงเป็นบทสรุป ที่จะออกแบบสำรวจความต้องการของครูและนักเรียนว่าจะทำอย่างไรกับงานโครงการอาหารกลางวัน..ที่งบประมาณที่ได้รับอุดหนุน ไม่ใช่ตัวปัญหาเลยแม้แต่น้อย
ผลออกมา ร้อยทั้งร้อย อยากให้ทำกับข้าวเอง จะได้หลากหลาย ถูกสุขอนามัยและได้บูรณาการสู่กระบวนการเรียนรู้ เรื่องโภชนาการและขั้นตอนการประกอบอาหาร โดยมีแม่ครัวเป็นครูพี่เลี้ยง
แต่ผมคิดไกลไปกว่านั้น คิดว่า..จะทำครัวแบบไหน ใครทำ ทำอย่างไร แล้ววัสดุอุปกรณ์ที่แม่ครัวมีความต้องการจำเป็นล่ะมีอะไรบ้าง..ใช้เงินลงทุน ๕ หมื่นพอไหม
ระดมความคิดและเตรียมการออกแบบกันเป็นเดือน ลงมือทำอยู่หลายอาทิตย์ คิดกันไม่ได้หยุดหย่อน เพื่อให้ทุกอย่างลงตัว เหนื่อยใจบ้างแต่ก็มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก นี่ล่ะ..อานิสงส์ของการสร้างงานเพื่อเด็ก มันจะมีแรงบันดาลใจให้อยากก้าวต่อเพื่อสู่ความสำเร็จได้เสมอ
อย่างน้อยก็ตอบโจทย์ได้หลายข้อล่ะ และ ทำให้มองเห็นผลผลิตเป็นแถวๆบนถนนทุกสายมุ่งสู่ครัวหนองผือ นับตั้งแต่ เครื่องสีข้าวโบราณของคุณยายธีและคุณป้าวิ สีข้าวไปลงหม้อให้เด็กกิน..ผักปลอดสารพิษ ที่ได้แนวคิดจาก ผอ.อัญชัญ ณ ชุมชนบ้านป่ามะม่วง จะได้ไปเริงร่าอยู่ในครัวก็คราวนี้ รวมทั้งเห็ดนางฟ้าจากสวรรค์ชั้นไหนไม่รู้ ที่จะต้องหันมาดูแลเราบ้าง เหมือนที่ ดร.ปริมจิรา ที่ดูแลตั้งหลักไก่ไข่ให้อย่างยั่งยืน วันนี้ไข่ไก่..กลับกลายเป็นอาหารกลางวันอย่างน่าภาคภูมิใจ ได้ช่วยราชการเป็นที่เรียบร้อย
เวลามีใครต่อใครมาเลี้ยงอาหารกลางวัน จะด้วยเป็นคนแปลกหน้าที่หน้าตาดี หรือเป็นที่นักเรียนตื่นเต้นก็แล้วแต่ นักเรียนจะกินข้าวกลางวันได้เยอะและมีความสุข จากนั้นต่อมา ผมก็ไม่เคยเห็นอีกเลย เห็นและได้ยินแต่ "ข้าวทุกจานอาหารทุกอย่างอย่ากินทิ้งขว้างเป็นของมีค่า..."แต่หน้าตาเจ้าบอกบุญไม่รับแท้ๆ
วันนี้..วันแรกที่มีครัว มีแม่ครัวมืออาชีพ มีกับข้าวขาหมูต้มยำใส่เห็ด และไข่เจียวร้อนๆ ..เห็นแล้วคุ้มค่ากับการรอคอยของผมและคณะครู..แล้วนักเรียนล่ะ สีหน้าและแววตาเปี่ยมสุขของพวกเขา ที่ผมอยากเห็นทุกวัน ได้ยินคำว่า อร่อยครับ อร่อยค่ะ สุดแสนจะชื่นใจจริงๆครับ
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๖ มกราคม ๒๕๕๗
สวยงาม เป็นระเบียบ ชอบสีผนังด้วยค่ะ
ชื่นใจแทนนักเรียนกับผู้ปกครองด้วยใจ ที่มี ผอ.ทำงานหนักเพื่อเด็กอย่างแท้จริง อยากให้ที่โรงเรียนมี ผอ.อย่างท่านบ้าง ..พวกเราทุ่มเทแต่ไม่ถึงครึ่งท่านครับหลายอย่างที่อยากจะทำ..แต่ก็ใจไม่ถึง
ครัว หนองผือ...สีข้าว..กินเองรึยัง...จ๊ะะะะะะะ....ยายธี
ชื่นชมในความขยัน มุ่งมั่นในการทำงานของ ผอ.คนเก่ง ค่ะ
สุดยอดมากครับท่าน
ปากท้องเด็กเป็นเรื่องสำคัญมาก ความสะอาดและปลอดภัยต้องมาก่อน
ผักก็ปลูกเอง สด สะอาด และปลอดภัยแน่ๆ แจ๋วจริงๆ ขอปรบมือให้ดังๆครับ