คุณภาพการศึกษา..เสียเวลาเพราะหลงทาง (๑)


ภาระงานที่เป็นปัญหาอยู่ตรงไหน..ก็จะต้องมีการปิดเรียนในการแข่งขันทุกระดับ ปิดมากปิดน้อยก็แตกต่างไปตามสถานการณ์..เด็กเรียนอ่อนก็จะถูกทอดทิ้งไม่มีเวทีให้เล่น เพราะงานนี้เน้นคนเก่ง..นี่ล่ะการศึกษาไทย เสมอภาคจริงๆ ครูล่ะ..เก่งนักหรือ ไปประชุมแล้วประชุมเล่า..และเป็นกรรมการ..คณะทำงานให้เขตและภาค..ถามว่าแล้วอย่างนี้ครูจะได้สอนลูกท่าน..ตรงไหนเมื่อไหร่...

บันทึกเพื่อการศึกษา..เริ่มต้นอีกครั้ง..งานนี้ขอเขียนยาวๆเป็นซีรี่ส์ ที่ไม่ใช่เรื่องเยี่ยม แต่เป็นเรื่องจริงเชิงประจักษ์ ท่านที่เป็นผู้ปกครองอาจกระอักกระอ่วนใจ สำหรับครูไทย..ทราบเรื่องนี้ อยู่ที่จะยอมรับมันหรือไม่..ท่านที่เป็นครูมัธยม สอนเด็กโต..ก็อาจจะรับไม่ได้ เพราะท่านทำงานเป็นระบบและประสบความสำเร็จ..เอาเป็นว่าผมขอโทษ อย่าได้ก่นด่าผม..ให้ผมได้เปิดใจคลายความอึดอัดบ้าง มาช่วยชี้ช่องทางให้ผมสว่างไหว ส่วนครูประถม..ถ้าเชื่อว่าผมพูดจริง..เรามาช่วยกันคิดดังๆให้สพฐ.ได้ยิน..จะได้เปลี่ยนพฤติกรรมในการบริหารคุณภาพกันบ้าง

 

ในพื้นที่โกทูโนว์..มีนักเขียนหลายสาขาอาชีพ ทั้งแพทย์ พยาบาล ครูอาจารย์ นักธุรกิจ เจ้าของกิจการ นักบริหาร และเกษตรกร ตลอดจนคุณพ่อคุณแม่ ล้วนเป็น"ผู้ปกครอง"ที่มีบุตรหลานอยู่ในวัยเรียน

 

เคยแปลกใจไหม..หรือเฉยๆ หรือว่า..ชาชินแล้ว กับข้อมูลในทศวรรษนี้ ที่ทราบว่าการศึกษาไทยตกต่ำ คุณภาพ..ไม่ได้ดีตามนโยบายที่สวยหรูและการลงทุนที่มหาศาล

 

หลายท่านมีลูกเรียนโรงเรียนชั้นนำที่มีคุณภาพสม่ำเสมอ..ก็คงไม่รู้สึกห่วง แต่ท่านที่ส่งลูกเรียนตามหัวเมือง ในอำเภอ โรงเรียนบ้าน...โรงเรียนวัด..สังกัดเขตพื้นที่ฯน่าจะเริ่มคิดบ้างแล้ว..ว่าเหตุใดผลการจัดการศึกษาจึงถอยหลังมากมายเช่นนี้ อยากส่งลูกเรียนพิเศษเสียเหลือเกิน

 

บางท่านไม่ทราบข้อมูลเชิงลึก ก็คิดนอกกรอบไปไกล ส่วนอาจารย์มหาวิทยาลัยก็คิดดีคิดสร้างสรรค์ตามภาษาฝรั่ง..แล้วแปลเป็นไทยให้มันสวยเลิศ ดูยังไงก็เข้าใจยาก แต่ที่พอเข้าใจได้ก็คือ ถ้าครูอยู่ในห้องเรียน ไม่ไปไหน สอนและสอน จะสไตล์ไหน..ครูเพื่อศิษย์  หรือศิษย์เพื่อครู ครูสอนดี หรือไม่ดี จะห้องเรียนกลับหัวกลับหางไปทางไหน..รับรองคุณภาพมันต้องเกิดมีขึ้นบ้าง..ไม่มากก็น้อย

 

แต่วันนี้..ครูในแต่ละโรงเรียนได้สอนหนังสือกันหรือยัง ได้จัดกิจกรรมการเรียนการสอนครบตามกระบวนการ ที่ครูเองอยากให้เป็น อย่างอิสระเสรีและมีความสุข มีกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และบริหารจัดการห้องเรียนเต็มที่ มีการวัดและประเมินผลตามบริบทที่ควรจะเป็น ภายใต้สภาพจริงๆของเด็กและธรรมชาติวิชา

 

ถึงเวลาหรือยัง..ที่เราควรจะเลิกกิจกรรมประกวดแข่งขัน มหกรรมที่เป็นเวรเป็นกรรมมานับสิบปีที่ไม่มีอะไรดีขึ้น..เสียเวลาและหมดเงินหลายร้อยล้านในแต่ละปี โดยเฉพาะการประกวดและแข่งขันงานศิลปหัตกรรมนักเรียนของสพฐ. ที่แข่งขันเอาเป็นเอาตาย..ทั้งในระดับเขต..ระดับภาค จนถึงระดับประเทศที่เมืองทองธานี กรุงเทพฯ.

เพื่อเฟ้นหาสุดยอดนักเรียนและกิจกรรม..นำไปให้สพฐ.โฆษณาประชาสัมพันธ์ แต่ในระหว่างทาง นักเรียนกี่แสนคนครับ..ที่ถูกทิ้งขว้าง ห้องเรียนไม่มีครูสอน นักเรียนถูกแพ้คัดออก ไปไม่ถึงดวงดาว ..ถามว่า..ประเทศยุโรปชั้นนำเขาทำอย่างเราไหม..ตอบทำครับ..แต่เขาเล่นในบางตัว ไม่ใช่เป็นร้อยกิจกรรมจับฉ่ายแบบเรา..และถามว่าในอาเซียน ประเทศที่คุณภาพเหนือเรา เสียเวลากับเรื่องแบบนี้ไหม....

 

กรอบเวลาและเงื่อนไขคุณภาพของเรา ไม่ได้สัมพันธ์กันในทางบวกเลย มีไม่กี่เขตพื้นที่รีบจัดแข่งขันศิลปหัตถกรรมนักเรียนตั้งแต่ภาคเรียนที่ ๑ เพราะห่วงจะกระทบการสอนและการสอบ แต่เขตส่วนใหญ่ติดขัดงบประมาณ ดังนั้นจึงจัดในภาคเรียนที่ ๒ ตุลาคม - พฤศจิกายน

 

ท่านผู้อ่านที่เคารพ..ท่านผู้ปกครองที่รัก..ท่านรองไตร่ตรองดูนะครับ เอาง่ายๆ ตุลาคม แข่งขันในอำเภอ(ระดับกลุ่มโรงเรียน)เปิดเทอมพฤศจิกายน แข่งขันระดับเขต..ธันวาคม แข่งขันระดับภาค และมกราคม..ระดับประเทศ (มหกรรมเวร จริงๆ)

 

เดือนกุมภาพันธ์..เด็กสอบโอเน็ต สอบเอ็นทีของสทศ.และสพฐ.รวมทั้งสอบของเขตด้วยแล้วนำคะแนนไปประมวลผล หาค่าเฉลี่ย..แล้วประกาศผลคุณภาพ ผลเป็นอย่างไรครับ...ก็เป็นวัฎจักรเน่าๆ อยู่อย่างนี้..แล้วก็ไม่มีใครคิดที่จะออกมาแก้

 

ภาระงานที่เป็นปัญหาอยู่ตรงไหน..ก็จะต้องมีการปิดเรียนในการแข่งขันทุกระดับ ปิดมากปิดน้อยก็แตกต่างไปตามสถานการณ์..เด็กเรียนอ่อนก็จะถูกทอดทิ้งไม่มีเวทีให้เล่น เพราะงานนี้เน้นคนเก่ง..นี่ล่ะการศึกษาไทย เสมอภาคจริงๆ ครูล่ะ..เก่งนักหรือ ไปประชุมแล้วประชุมเล่า..และเป็นกรรมการ..คณะทำงานให้เขตและภาค..ถามว่าแล้วอย่างนี้ครูจะได้สอนลูกท่าน..ตรงไหนเมื่อไหร่...

 

จะมีอย่างครูมะเดื่อสักกี่คน..ที่ฝึกทักษะและสอนพิเศษตอนเย็นและวันเสาร์..จะมีอย่าง ผอ.อัญชัญ(อุ้ย) บล็อคเก้อของเรา ไม่ยอมปิดโรงเรียน แต่ต้องเฉือนเงินส่วนตัวเพื่อบริหารจัดการในระดับเขตและภาค มากกว่าสามหมื่นบาท

 

ผมพยายามเตือนเพื่อนพี่น้อง..เราพอเถอะ อย่าหลงทางต่อไปเลย เมื่อวานภาคเหนือ..แข่งขันระดับภาคเสร็จกลับบ้าน อุบัติเหตุ นักเรียนตาย ๒ คน ครูบาดเจ็บ..มันไม่เกิดกับคนใกล้ชิดเรา..เราจะยังไม่รู้สึกหรอก

 

ผมได้รับรางวัลระดับภาคและระดับชาติแล้ว...แต่ผมทำไปเพื่อศึกษาเรียนรู้..มามากกว่า ๓ ปี ..บันทึกต่อไป..ผมจะอธิบายในเชิงลึก..แล้วผู้ปกครองจะร้องไม่ออก ผมไม่เก่งพอ..ที่จะนำมวลหมู่มหาประชาครู กลับเข้าห้องเรียนได้..ตราบใดที่ครูยังสนุกและไขว่คว้าหารางวัลจากงานประกวดแข่งขันแบบนี้...ครับ

 

                                                                ชยันต์ เพชรศรีจันทร์

                                                                   ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๖

 

 

 

 

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 556947เขียนเมื่อ 20 ธันวาคม 2013 20:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 ธันวาคม 2013 22:05 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (23)

ครูมีแต่ทำอาชีพครับอาจารย์...แต่วิญญาณครู เพื่อหนูตัวน้อย ขาดหายไป โรงเรียนเล็ก โรงเรียนใหญ่อยากดังอย่างเดียว แต่ไม่มีจิตวิทยาการสอน..สอนแบบขอไปที แถมเป็นหนี้อีกต่างหาก..หนี้อะไรหรือครับ..เป็นหนี้ เพื่อหนีความอาย..

อาชีพครู มีเป้าหมายคือ สร้างวิญญาณเด็ก ให้เป็นปัญญาชนของชาติ..แต่ครูไร้เป้าหมาย เด็กทั้งหลายก็กลายเป็นเหยื่อพ่อค้าสื่อ...

สู้ต่อไปนะครับอ.

โอ๊ะๆๆๆๆๆๆๆ สุดยอดดดดดดดดดดดดด คมมาก หนับหนุนอะ กดไล้ให้ 9999 เลยเอ๊า ..

ถ้าครูอยู่ในห้องเรียน ไม่ไปไหน สอนและสอน จะสไตล์ไหน..ครูเพื่อศิษย์ หรือศิษย์เพื่อครู ครูสอนดี หรือไม่ดี จะห้องเรียนกลับหัวกลับหางไปทางไหน..รับรองคุณภาพมันต้องเกิดมีขึ้นบ้าง..ไม่มากก็น้อย

แน่นอนค่ะ ผอ.

"จะมีอย่างครูมะเดื่อสักกี่คน..ที่ฝึกทักษะและสอนพิเศษตอนเย็นและวันเสาร์"

เฮัอ....! ขออนุญาตร้องไหน...กับประโยคนี้สัก 1 นาทีนะ...เปล่านะ..ไม่ได้ตื่นตัน

กับคำชื่นชมของท่านผอ.คนเก่งหรอกจ้ะ...แต่มันสะท้อนใจกับคำพูดของผู้ที่

ได้ชื่อว่าเป็น....ผู้นำ...ว่า " การกระทำเช่นนี้เป็นการกระทำเพื่อ...ตัวเอง..!!...

ทำิัิอะไรไม่มีหัวคิด สู้เด็กจ้างสอนคราวลูกคราวหลานก็ไม่ได้" ... อย่าเอา

คุณมะเดื่อไปยกตัวอย่างเลยจ้ะ เพราะในสายตาของผู้บริหาร...คุณมะเดื่อเป็น

แค่ครูสวะ ขยะเน่า ๆ คนหนึ่งที่อยู่รกโรงเรียน รกหูรกตา หาความเจริญให้กับ

โรงเรียนไม่ได้คนหนึ่งเท่านั้น...!!


เป็นกำลังใจให้ครัลทุกๆคุณครู

ขยันใหญ่เลย ท่านผอ.ชยันต์ ค่ะ ใกล้ปีใหม่แล้ว พักบ้างนะคะ ที่นี้คงหนาวมากๆๆนะคะ

เห็นด้วยกับท่านผอ.ค่ะ ว่า...

1) ครูมีเวลาสอนนักเรียนน้อย เป็นสาเหตุสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐาน อดีตผอ.สถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ก็ยกสาเหตุนี้มากล่าวถึงเช่นกัน โดยกล่าวถึงปัญหาระบบงานประกันคุณภาพการศึกษา ทำให้ครูต้องนำเอาเวลาที่ควรจะสอนไปทำงานประกันคุณภาพ น้องชายของไอดินฯ ที่ทำงานด้านวิชาการในโรงเรียนมัธยมก็กล่าวถึงปัญหานี้เช่นกันว่า นอกจากไม่ได้สอนแล้วยังต้องให้นักเรียนไปช่วยทำงานประกันอีกฯ ไอดินฯ เองพูดในที่ประชุมมหาวิทยาลัยมาแล้ว ตั้งแต่เริ่มมีระบบงานประกันคุณภาพใหม่ๆ ว่า ทุกสาขาวิชา คณะวิชาต้องทำงานเอกสารมากมายตามระบบการประกันคุณภาพ แต่เมื่ออาจารย์เอาเวลาไปสร้างหลักฐานเพื่อรับการประเมินแล้วทิ้งห้องเรียนบ่อยๆ โดยไม่ได้จัดให้นักศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างมีระบบ แค่บอกว่า อาจารย์ติดงาน งดสอนให้เข้าห้องสมุด แล้วจะเอาคุณภาพการศึกษามาจากไหน สร้างความไม่พอใจให้ผู้บริหารมาแล้ว

2) ระบบการสนับสนุนและเชิดชูแต่เด็กเก่ง พอเด็กชนะเลิศด้านไหนก็นำภาพและข้อมูลไปติดโชว์ป่าวประกาศหน้าโรงเรียน เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียนของตน แต่เด็กอื่นๆ ไม่ได้รับการเหลียวแล มีอยู่มากมาย พี่สาวของไอดินฯ ซึ่งเคยเป็นครูในโรงเรียนสังกัดสพฐ.ที่มีชื่อเสียงในจังหวัดอุบลฯ ก็เล่าให้ฟังว่า ที่โรงเรียนของเธอ ครูชั้นต้นๆ ปล่อยให้เด็กอ่านหนังสือไม่ออกมาตามลำดับ จนมาถึงชั้นป.6 ที่เธอสอน เธอต้องหาทางแก้ปัญหาโดยสละเวลาสอนพิเศษ หาวิธีแก้มาจากเหตุจนทุกคนอ่านได้ ด้วยทำงานหนักเพราะเป็นตระกูลครู (พ่อแม่เป็นครู ลูกสี่คนเป็นครู อีกคนเป็นพระครู) ที่เป็นครูด้วยจิตวิญญาณ เพราะมุ่งคุณภาพการศึกษา แต่เป็นคนเครียดจึงแบกรับสภาพไม่ได้ ทำให้เสียสุขภาพจนต้องตัดสินใจ Early Retired ตั้งแต่ปี 2547 ทั้งที่ปีเกษียณจริงคือ ปี 2553

ลูกชายคนโต เล่าให้ฟังบ่อยว่า พอขึ้นประถม 6 ไม่ค่อยได้เรียน ครูไปประชุมและอบรมบ่อยมาก มิหนำซ้ำยังถูกครูดึงไปช่วยงานอื่นๆ ที่ฟังดูแล้วไม่ค่อยเข้าท่าเท่าที่ควร กระนั้นแกก็ยังมีความสุขกับการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมสำคัญๆ ของโรงเรียน

บางครั้ง ผมก็อดตั้งคำถามกับระบบการเรียนการสอนของครูบางท่านไม่น้อย หากแต่พยายามฟังเรื่องราวจากลูกและพยายามตีความ พร้อมๆ กับการอธิบายให้แกเห็นอย่างค่อยเป็นค่อยไป...

เช่นเดียวกับบางครั้ง ครูสั่งให้การบ้านมาทำที่บ้านโดยให้ค้นข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต โดยใช้เวลาวันสองวัน ผมถามลูกว่าแล้วเพื่อนที่บ้านไม่มีเน็ตใช้ล่ะ จะต้องทำยังไง...

ผมเองก็ไม่เข้าใจครูเหมือนกัน...
หรือหมายถึงเด็กต้องเข้าห้องสมุดในโรงเรียน อันหมายถึงการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ในทำนองนั้นเสมอไปใช่ไหม...เด็กจะมีเวลาลงจากตึกมาเตะบอลกับเพื่อนบ้างไหม...

ขอบพระคุณครับ

I support you and your "coming out".

We are teaching and alienating children from their community (with local knowledge, culture, tradition and networks). We are saying "go West young people and find your fortune the capitalists ways".

Yes! We are lost in our land!

มาจากเหตุที่ไม่กตัญญูต่ออาชีพ ต่อความเป็นเลิศ ทำไปวันๆไม่แสวงความเป็นเลิศในอาชีพตน แต่ลึกๆแล้วยังมีสาเหตุที่ท่านๆอาจจะไม่กล้ารับมันแบบทันทีทันใด คือ คำสอนทางศาสนาที่ผิดๆ ลองตรองดูเถิดว่า หากพระพุทธเจ้ามีการห้ามกตัญญูสูงสุดเทียบเท่าสากล แล้วมีหมู่ชนใด เกิดเชื่อขึ้นมา มันจะเกิดหลายสิ่งตามมาอย่างที่เห็น เรามิได้ตำหนิว่าพระพุทธเจ้าสอนผิด แต่ปรัชญาจากพระพุทธเจ้า ถูกดัดแปลงแก้ไข เพื่อให้เกิดผลประโยชน์

สิ่งผิดพลาด มาจากปรัชญาที่นักบวชสอนให้มีการห้ามกตัญญูสูงสุดกัน เป็นการผิดพลาดที่สั่งสมต่อๆกันมารุ่นต่อรุ่น มีการปลูกฝังมายาคติ หลยเรื่องที่ มิใช่เหตุ ใช้ผล ที่สามารถนำมาบั่นทอนความเท็จ พยากรณ์ ความชั่ว. แต่กลับกัน มันสามารถสร้างหมู่ชนที่ไม่ยี่หระต่อการเนรคุณต่ออะไรสัก1สิ่งได้อย่าชำนิชำนาญ

ลองตรองดู ลองรับมือกับแถลงการณ์ ของผู้สังเกตุการณ์ดูบ้างเถิด ลองถอยออกห่าง แล้วมองย้อนกลับไปที่ภาพรวมของสังคมเถิด ว่ามันเกิดอะไรกับสังคมไทย พระพุทธเจ้าหายไป มีแต่นักบวช ผู้แสวงหา และ พยายามคงสภาพ "ผลประโยชน์แห่งตนไว้"

จงล้างมายาคติหลายๆเรื่องทิ้งไปก่อน ทำความดี ให้มีมาตรฐานที่ตรงกันเสียก่อนจะ ทำความดี

สวัสดีค่ะ..ผอ..ชยันต์..เพชรศรีจันทร์....(ที่ไป..ที่มา...ก็กลับ..มานอน..นึก..อยู่ว่า..เด็กๆ..ครูๆ..จะสีข้าว..ด้วยมือ..แถม..ใช้เป็นอาหาร..กลางวัน..น่ะ.."จะเอาเวลา..ที่ไหน"...เพราะเคยหัดทำเอง..กว่าจะได้..ข้าว..สักหนึ่งกิโล น่ะ..หนึ่งแรง..(กิจกรรมที่เขียนๆมาก็ไม่รู้ว่า..จะไปทางไหนกันอยู่แล้ว..อ้ะะ..เห็นใจจริงๆ)...จะหัน..กลับมา..กิน..ข้าว..พอดีคำ...ทำทีละอย่าง...(จะเป็นฝันที่ห่างไกล..แม้แค่เอื้อม..ในสังคม..ปั้นเทค..อิอิ)...

ขอแสดงข้อคิดด้วยเสียงหนึ่งนะคะ

http://www.gotoknow.org/dashboard/home#/posts/556971

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ ท่านอาจารย์ ชยันต์ ..... ยินดีมีได้มีโอกาสติดตาม ศิลปินใหญ่ "ยายธี" ไปพบ และ รู้จักกับ ตัวเป็นๆของท่านอาจารย์
สำหรับ ซีรีย์ข้างบน ด้วยกับทุกอย่างที่ ท่านเขียนทุกประการค่ะค่ะ ....


๐ จากประสบการณ์ และลักษณะนิสัยส่วนตัวของป้าวิ
ที่มักดำรงตน เป็นผู้โดดเดี่ยว(ไม่ชอบยุ่งกับผู้คน)
และ มองโลกทางบวกเสมอมา...... มองว่า .....
ปัญหา หรือ ความขัดข้องคับแค้น ในเรื่องใด ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่ขนาดไหนก็ตาม
สามารถแก้ไข หรืออย่างน้อย ก็ผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ง่ายๆ ....
แค่ มองหาต้นเหตุ และ วิธีแก้ไข .... ในส่วนที่เรากำกับควบคุมได้
และลงมือทำไปตามนั้น แล .....

๐ หากคิดได้เช่นนี้แล้ว ... จะไม่มีคำว่า ... "ทำไม่ได้" หรือ "เป็นไปไม่ได้" ....
เพราะเราได้ คัดกรอง ส่วนของ "ปัญหา และ วิธีแก้ไข"
และนำมาปฏิบัติ เฉพาะ ในส่วนที่เราเองกำกับควบคุมได้ ......
ดังนั้น ทุกอย่างย่อมเป็นไปได้ อย่างแน่นอน

(ยายธีชวนไปขี่จักรยาน เดี๋ยวกลับมาต่อค่ะ)

เป็นกำลังใจให้นะครับ ผอ.

พอดี..ผมเองมีประสบการณ์ ด้านการประถมศึกษา มาหลายตำแหน่ง..จึงไม่อยากใช้ความรู้สึกในการคิดและเขียน..แต่จะชี้ให้เห็นภาพจริง ที่ยังเป็นอยู่ ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต..ยังเหลืออีก ๒ บันทึก ที่เป็นประเด็นว่า..ระบบเน่าๆ ยังไม่เปลี่ยน..แล้วเราจะไปแข่งขันกันหาอะไร..ท่านผู้อ่าน ท่านผู้ปกครอง ลองตรองข้อมูลนี้. โรงเรียน.ครูไม่ครบชั้น..ครูไม่ตรงวิชาเอก..ครูสอนหลายชั้น ภาระงานมาก...แล้วโรงเรียนก็ตามกระแสของเขตและสพฐ. ประกวดแข่งขัน ปีแล้วปีเล่า..ทิ้งเด็กทิ้งห้องเรียน รวมทั้งคณะครูต้องถูกแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการ ประชุมและตัดสินกิจกรรม ในทุกระดับ ....ท้ายที่สุด ถามว่าแล้วทำไมเหตุใด..จัดกันทุกปี ปีละนานๆ...แต่การประถม..จึงมีเด็กอ่านหนังสือไม่ออกหลายแสนคน และถามว่าแบบทดสอบโอเน็ต ป.๖ กับการประกวดแข่งขัน มันใช่เรื่องเดียวกันไหม...ทำอย่าง..ประเมินอย่าง...นี่ล่ะคือสิ่งที่ สพฐ.ไม่เคยรู้สึกรู้สา..กับการบอบช้ำของการศึกษาไทย...ผมไม่ได้ต่อว่าครู แต่ระบบบริหารมันเป็นเช่นนี้..ศธ.ไม่เคยคิดผลกระทบ อ้างแต่ผลงาน..จอมปลอม ไม่เคยวิจัย..แต่ใช้รางวัลเป็นเครื่องล่อหลอกการศึกษา..และถลุงงบประมาณมากมาย...ผมพูดจบเมื่อไหร่..ผมก็จะสอนหนังสือของผมเงียบๆ รอเออรี่..ใครไม่ฟังก็ตามใจ

(กลับจากขี่จักรยานแล้ว ...)

๐ ปรัชญาชีวิต ง่ายๆ สั้นๆ ของคนแก่บ้านนอก .... คือ
ทำ วันนี้ ให้ดีที่สุด ....
ไม่ต้องอาวรณ์กับอดีต ... ไม่ต้องละเมอเพ้อถึงอนาคต

๐ วิเคราะห์........ให้รู้ว่า ต้นเหตุแห่งปัญหา ณ วันนี้ อยู่ที่ไหน
คิด .......... หาวิธี แก้ไข ปัญหา ในส่วนที่เราจะ ทำได้ด้วยตัวเอง
วางแผน และตั้งเป้าหมาย............เพื่อปฏิบัติการ แก้ไข หรือบรรเทา ปัญหา
ลงมือปฏิบัติการ....... ให้บรรลุตามเป้าหมาย

๐ อาจารย์ ทราบดี ถึงปัญหา และวิธีแก้ไข
และ ดำเนินการ ไปตามวิถีที่ ถูกต้อง ดีงาม
คือ การปลูกฝังให้นักเรียน รู้จักคุณค่าของ ความพอเพียง

๐ อาจารย์ รู้จักหนทางเป็นอย่างดี....ไม่ได้ หลง .....
แต่บางครั้งบางคราว อาจจำเป็นต้องไหลไปตามกระแส
ซึ่ง หาก อาจารย์ ยึดมั่นใน วิถี ที่เรารู้ว่าถูกต้องดีงาม
ก็ไม่น่าเป็นห่วง..... ถ้า จะเลี้ยวไหลตามกระแสไปบ้าง....
ถ้าไม่สุดโต่ง จนมีผลทางลบ กับเป้าหมายเดิมของเรา

๐ ทำ....ในสิ่งที่เราเห็นว่า ถูกต้องดีงาม....
ตราบใด...ที่ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน....
ตราบใด...ที่เป็นประโยชน์ต่อเด็กๆ และชุมชน
ทำ......แต่ละวัน ในปัจจุบัน ให้ดีที่สุด ค่ะ

ฝากดอกไม้บ้านๆ มาให้กำลังใจค่ะ



ที่จริง ผมมีเรื่องพูดคุยประเด็นคุณภาพการศึกษาอยู่มาก แต่ครั้งนี้ขอนำประเด็น "การแข่งขันกัน" มาพิจารณา

ผมคิดว่าเราไม่ควรนำการได้ "ที่หนึ่ง" มาใช้เป็นหลักในการเรียนการสอน

ควรนำวิธี "แข่งขันกับตนเอง" มาใช้

อย่างเช่น ผมต้องการให้เด็กฝึกฝนการวาดรูป ทำชิ้นงานวิทย์ ก็จัดประกวด แล้วให้เด็ก ๆ ช่วยกันมาให้คะแนน

(มีผู้รู้ ครู ร่วมให้คะแนนด้วย โดยจัดเป็นคะแนนอีกน้ำหนักหนึ่ง)

งานชิ้นหนึ่ง ๆ ถ้าได้คะแนนถึงขั้นหนึ่ง ๆ ก็มีรางวัลระดับนั้นให้ (ทำแบบดั้งยูโดมี สายขาว สายเขียว สายฟ้า)

ทุกคนจะได้ระดับหนึ่ง ๆ ตามผลงานที่เพื่อน ๆ ช่วยกันประเมิน ระดับนี้ขึ้น ๆ ลง ๆ ได้

นักเรียนอยากได้ระดับสูง ๆ ก็ต้องทำผลงาน และคงฝีมือตนเองไว้ให้ได้

วิธีนี้ผมลองแล้วได้ผลดี เด็ก ๆ จะยอมรับเกรดที่ให้ไปครับ (แต่ แฮะ ๆ ไม่ได้การยอมรับอย่างเป็นทางการครับ)

ผมนำไปใช้ในองค์กรธุรกิจด้วยครับ เพื่อนร่วมงานก็ว่า "ดี" ครับ

ยอดเยี่ยมครับ ผอ. ... ผมรอคนแบบนี้นานแล้ว ;)...

ขอขอบพระคุณทุกท่าน...ผมไม่มีเจตนาร้ายๆต่อผู้นำและกิจกรรมการศึกษาไทย..แค่แสดงความรับผิดชอบในฐานะคนในวงการศึกษาตนหนึ่ง ที่เฝ้าดูกิจกรรมหนึ่ง..ที่นับวันจะใหญ่โต..และห่างไกลคุณภาพแห่งความเป็นจริงขึ้นทุกวัน ท้ายที่สุด..ผมก็คงทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ในส่วนของผม..แต่อย่างน้อย..ก็ได้บอกชาวบ้านแล้วว่า มันมีมุมที่ลูกหลานเราที่ด้อยโอกาสอยู่แล้ว กลับเรียนรู้ได้ไม่เต็มที่ ไม่ เต็มศักยภาพ ไม่เต็มเวลา

ขอบคุณอาจารย์วัส นะครับ ที่ให้กำลังใจ..ชีวิตผม ประสบความสำเร็จในด้านการสอน..และบริหารมานับครั้งไม่ถ้วน และรางวัลระดับชาติหลายครั้ง(ถ้าใช้เกียรติบัตรเป็นหลักฐานนะ) ก็คงพอจะมีน้ำหนักในการนำเสนออยู่บ้าง และก็ยังเชื่อว่า ทุกกิจกรรมมีส่วนดี แต่เราต้องปรับวิธีทำ/วิธีคิดบ้างเท่านั้น..ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป...การศึกษาจะไม่เหลืออะไรไว้เชยชมเลย(www.bannongphue.com)

บอคัดค้าน ในข้อควรมที่ยุยงให้ทำวันนี้ ไม่ตีองสนอดีต และ อนาคต

เราจะไม่นำคุณค่าที่ผ่านมาบอกกล่าวต่อกัน ปล่อยให้ลูกหลานไทย ลองผืดลองถูกไป กระนั้นหรือ

แล้วถ้าหากชาวไทยยังหลงเชื่อว่า อนาคต ไม่จำเป็นต้องวิเคราะห์ และเตรียมตัวรับมือ หรือ ดัดแปลงแก้ กัน เอาไว้ก่อน ความดจริญก็คงมีอยู่เพียงเท่านี้ อัตตราเร่งนั้น ยังพอจะขยับได้อีก ปม้นไม่ต้องปั้นกิเลสอยากๆๆๆเจริญมากๆ แต่ก็สมควรจะกระเตื่องขึ้นกว่าเดิมได้นะ ลองอย่าเชื่อ

ตอนนี้สอน สอน สอน แล้วก็สอนครับผอ.

วันนี้ ได้ชมรายการที่น่าสนใจ ทางช่อง Thai PBS
รายการ ทางออกประเทศไทย มีกิจกรรม มวลมหาประชาคุย

คิดถึงท่าน ผอ ชยันต์ มากค่ะ
เพราะ เป็นกิจกรรม จัดวงสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ด้านต่างๆ
วันนี้ เป็น นัดแรก ที่จัด และจะมีจัดต่อไปอีกเรื่อยๆ
เป็นการเปิดวงสนทนา สำหรับผู้มีความสนใจ หรือเชี่ยวชาญในเรื่องต่างๆกัน
รวมกันเป็นกลุ่มๆ เพื่อสนทนา ปรึกษาหารือ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางสร้างสรรค์

เพื่อนำไปสู่ การปฏิรูปประเทศไทย อย่างเป็นรูปธรรม
(ไม่ใช่แค่ การตะโกนใส่ไมค์ ท่ามกลางมวลมหาประชาชน)

นัดแรกนี้ มีกลุ่มหนึ่ง ที่ ตกผลึกทางความคิด ถึงขั้นจะนำไปเรียบเรียง
เป็นร่าง พรบ. ล่ารายชื่อ เพื่อนำเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณานำไปใช้ต่อไป

แต่ละกลุ่มย่อย สมาชิกกลุ่มมีอิสระเสรีที่จะแยกออกไปตั้งกลุ่มใหม่ได้
มี วงสนทนา ประเด็นการศึกษาอยู่ด้วย และมีการแยกออกไปตั้งกลุ่มใหม่ เป็นสองกลุ่ม

คัดหัวข้อสนทนามาเป็นตัวอย่างค่ะ....

วงสนทนาประเด็นการศึกษา

"เป้าหมายของการศึกษาคืออะไร"
"ครูขาดความสนใจในชีวิตเด็ก"
"การศึกษาสอนให้คนเอาแต่ได้"
"เรียนในโรงเรียนแล้วทำไมต้องเรียนพิเศษ"

ฯลฯ.....ฯลฯ....

ติดตามข่าวกิจกรรมนี้ได้ จาก FB Page ค่ะ
https://www.facebook.com/massdeliberation

ขออนุญาตชี้แจงค่ะ .....

"บอคัดค้าน ในข้อควรมที่ยุยงให้ทำวันนี้ ไม่ตีองสนอดีต และ อนาคต

เราจะไม่นำคุณค่าที่ผ่านมาบอกกล่าวต่อกัน ปล่อยให้ลูกหลานไทย ลองผืดลองถูกไป กระนั้นหรือ

แล้วถ้าหากชาวไทยยังหลงเชื่อว่า อนาคต ไม่จำเป็นต้องวิเคราะห์ และเตรียมตัวรับมือ หรือ ดัดแปลงแก้ กัน เอาไว้ก่อน ความดจริญก็คงมีอยู่เพียงเท่านี้ อัตตราเร่งนั้น ยังพอจะขยับได้อีก ปม้นไม่ต้องปั้นกิเลสอยากๆๆๆเจริญมากๆ แต่ก็สมควรจะกระเตื่องขึ้นกว่าเดิมได้นะ ลองอย่าเชื่อ"

เข้าใจว่า ท่านที่พิมพ์ข้อความข้างบนนี้ จะหมายถึงข้อความที่ เราพิมพ์ไว้ว่า...

"ปรัชญาชีวิต ง่ายๆ สั้นๆ ของคนแก่บ้านนอก .... คือ

ทำ วันนี้ ให้ดีที่สุด ....
ไม่ต้องอาวรณ์กับอดีต ... ไม่ต้องละเมอเพ้อถึงอนาคต"


ขออภัย หากท่านตีความ ไปตามฐานความคิดของท่าน
ข้อความดังกล่าว มิได้เจตนายุยง ให้ลืมอดีต และไม่คิดถึงอนาคต

แต่เป็นเพียง บอกเล่า ถึงปรัชญาชีวิตของตัวเราเอง ที่ยึดถือมาโดยตลอด
และ ก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ อย่างพอมีพอกิน มีความสุข ตามสมควรแก่อัตภาพ
ไม่เฉพาะแต่ตนเอง ยังสามารถ แบ่งปัน ช่วยเหลือ ให้คนอื่นมีความสุขได้อีกด้วย

หากอ่านภาษาไทยแตกฉาน ท่านก็น่าจะเข้าใจ ถึงความหมายของคำว่า "อาวรณ์ กับอดีต"
และ "ละเมอเพ้อ ถึงอนาคต" ....ได้ชัดเจน ว่า ความหมายที่แท้จริง คืออย่างไร ค่ะ

ต่างจาก "การศึกษาข้อมูลประวัติศาสตร์" และ
"การประเมินสถานะการณ์และวางแผนการสำหรับอนาคต" อยู่มากมายค่ะ

ด้วยความเคารพ...
มองโลกในแง่ดี และหาเวลาชื่นชม สิ่งดีดีในชีวิตบ้างค่ะ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท