นี่คือทักษะของนักแสดงอาชีพ และนักการเมือง ผมนึกถึงนักการเมืองที่มีพรสวรรค์ด้านนี้ในระดับหาตัวจับยาก ได้แก่ประธานาธิบดี เรแกน และประธานาธิบดี บุช ผู้ลูก พรสวรรค์นี้เองที่ช่วยให้ท่านทั้งสองได้เป็นประธานาธิบดี ทั้งๆ ที่คนรู้กันโดยทั่วไปว่าปัญญาด้านอื่นของท่านไม่ค่อยสูงนัก
เป็นทักษะที่สร้างความประทับใจให้แก่ผู้ได้สัมผัส ได้ฟังการปราศรัย และสามารถสร้างจิตวิทยามวลชนขึ้นได้อย่างทันทีทันใด
นั่นเป็นมุมมองแบบอเมริกัน จากหนังสือ Social Intelligence ที่ใช้คำเสนอองค์ประกอบนี้ว่า Self - Presentation
ซึ่งทำให้ผมนึกถึงสมัยเรียนแพทย์ มีเพื่อนผู้ชายบางคนนินทาเพื่อนผู้หญิงบางคนว่า ทำตัว "เอาหน้า" กับอาจารย์ หวังได้คะแนนภาคปฏิบัติ เราพูดกันในภาษาอังกฤษแบบไทยๆ ว่า present face แต่ผมว่านี่ไม่ใช่ปัญญาเชิงสังคมข้อที่ ๖ นี้ อย่าเข้าใจผิด
ผมมองว่า ทักษะในการจูงใจฝูงชนอย่างที่นักการเมืองมีนั้น ยังเป็นทักษะในการนำเสนอตนเองในระดับต่ำ ยังมีระดับสูงกว่านั้น คือทักษะในระดับที่ทำให้คนอื่นรู้จักและเข้าใจตัวเราในระดับที่ลึก เข้าไปใจนระดับจิตวิญญาณ คุณค่า และความเชื่อ ซึ่งจะทำให้เกิดความเข้าใจ หรือรู้จักกันในระดับที่ลึก ผมมองว่า นอกจากทักษะในการนำเสนอตนเองให้ผู้อื่นรู้จัก เราต้องมีทักษะในการทำความรู้จักผู้อื่นในระดับที่ลึกด้วย นั่นคือทักษะในการทำความรู้จักซึ่งกันและกันในระดับที่ลึก
การนำเสนอตนเองนั้น ถ้าดำเนินการในระดับ สมองส่วนอัตโนมัติ อาจดูแปร่ง ไม่สอดคล้องกับสภาพสังคม หรือไม่สอดคล้องกับกาลเทศะ จึงต้องการสมองส่วนความคิด หรือ cerebral cortex ทำให้เป็นกิจกรรมที่ผ่านการใคร่ครวญไตร่ตรอง ยับยั้งชั่งใจ และทำให้ความสัมพันธ์ไม่เป็นเพียงการสร้างความประทับใจแบบฉาบฉวยระยะสั้น แต่เป็นความสัมพันธ์ที่ยิ่งยาวนานก็ยิ่งเห็นคุณค่า คุณธรรม ความน่านับถือมากขึ้นเรื่อยๆ
ผมเชื่อใน "ของจริง" ไม่ใช่ "ผักชีโรยหน้า"
วิจารณ์ พานิช
๑๔ ตค. ๔๙
อาจารย์ครับ
ตอนนี้ผมกำลังจะร่วมกับทีมงานเปิดสถาบันพัฒนากระบวนการเรียนรู้ครับ...มีหลักสูตรที่ผมดัดแปลงมาจากกระบวนการปรัชญาพิจารณ์....ผมให้ชื่อว่าหลักสูตร Wit:Dialog
ตอนนี้ร่างหลักสูตรแล้ว...เชื่อว่าน่าจะเทียบเคียงบางส่วนใน KM ของอาจารย์ได้นะครับ...