ชีวิตที่พอเพียง : 141. แพ้รัก


         เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของผม    แต่เป็นเรื่องของน้องชายคนที่ ๔ (ผมมีน้องชาย ๕ คน)   ในจำนวนลูกของพ่อแม่ ๗ คน เข้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาได้ ๕ คน รวมทั้งน้องคนนี้ด้วย     แต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยกว่าจะจบปริญญาตรีก็ใช้เวลาถึง ๗ ปี     คือเข้าไปเรียนเกษตรที่ มก. บางเขนได้ปีเดียวก็รีไทร์      น้องหัวเราะชอบใจว่า "โชคดีจริง ที่รีไทร์ ปี ๑  ถ้ารีไทร์ ปี ๓ ละก็เสียเวลาแย่"

        เอ็นฯ ใหม่     ไปติดคณะเกษตรศาสตร์ มข.    ใช้เวลาเรียนอีกถึง ๖ ปี จึงจบ    น้องคนนี้มีเพื่อนฝูงมาก  เป็นคนใจคอกว้างขวาง ขี้เกรงใจคน และชอบช่วยเหลือคน     เป็นคนที่คอยมาดูแลพ่อแม่  ซื้ออาหารมาให้  คอยมาคุย ฯลฯ   คือเป็นคนมีอัธยาศัยมากที่สุดในหมู่พี่น้อง ๗ คน (ผมคงจะด้อยที่สุด)

        เนื่องจากบ้านเราทำงานด้านเกษตร  แต่มีที่ดินไม่มากพอที่จะแบ่งให้ลูกชาย ๓ คนที่เรียนจบเกษตร     พ่อจึงคิดขยายที่ทำกิน หาที่ที่เหมาะสมได้บริเวณทางระหว่าง อ. เมืองชุมพร กับ อ. กระบุรี จ. ระนอง      และให้น้องคนนี้ไปดูแล เพราะเป็นคนที่โอภาปราศรัย เข้าคนง่าย     และจิตใจดี     น่าจะไปสร้างสัมพันธ์กับคนต่างถิ่นได้ดี     ในที่สุดเขาก็ไปตั้งบ้านอยู่ที่สวนนั้น     เรียกชื่อสวนว่า สวนพงศ์พานิช    ปลูกทุเรียน  ลองกอง  และช่วงแรกๆ ปลูกกาแฟด้วย    เคยลองปลูกพริกขี้หนูในสวนทุเรียนครึ่งไร่     ได้ผลดีมาก     จึงขยายเป็น ๑๐ ไร่  ขาดทุนไปหลาย เพราะไวรัสลง      สมัยพ่อยังมีชีวิตอยู่และยังแข็งแรง เวลาผมไปเยี่ยมบ้าน พ่อจะชวนไปดูสวนนี้เสมอ     เป็นทำเลที่ดีมาก เพราะมีลำธารไหลผ่าน  คือน้ำบริบูรณ์         

         ช่วงนั้นผมทำงานอยู่ที่หาดใหญ่ ทำหน้าที่คณบดี     พ่อแม่และญาติพี่น้องไม่สบายก็ไปหาผมที่หาดใหญ่  น้องคนนี้ไปหา    บอกว่าเจ็บคอมาหลายเดือน เจ็บลึกๆ มาหลายเดือน    ให้หมอที่ชุมพรตรวจก็ไม่พบอะไรผิดปกติ     จึงมาหาผมให้ช่วยส่งหมอผู้เชี่ยวชาญด้านหูคอจมูกช่วยตรวจ     จำได้ว่าได้ขอให้อาจารย์หมอสุเมธ พีรวุฒิ ที่เวลานี้เป็นผู้อำนวยการ รพ. สงขลานครินทร์ตรวจ  ซักประวัติและตรวจอย่างละเอียด รวมทั้งส่องกล้องตรวจก็ไม่พบความผิดปกติ     น้องกลับไปชุมพรด้วยความกังวล กลัวเป็นมะเร็ง     เป็นห่วงครอบครัว เพราะลูกยังเล็ก

        อาการเป็นๆ หายๆ อยู่เป็นปี     ผมกลับไปบ้าน ถามข่าวก็ว่าไม่หายขาด     อยู่ๆ ก็เจ็บขึ้นมาอีก     จนคราวหนึ่งผมกลับไปบ้าน น้องมาบอกว่ารู้แล้วว่าเจ็บคอเพราะอะไร     เป็นเพราะไปซื้อกระดานเขียงใหม่มาใช้     หลังจากนั้นก็มีอาการเจ็บคอ เป็นๆหายๆ     กระดานเขียงนั้นเป็นไม้รัก    ซึ่งเป็นที่รู้กันว่ายางรักทำให้คนที่แพ้มีอาการแพ้อย่างรุนแรงได้    น้องจึงลองใช้กระดานเขียงแผ่นอื่น  ก็ไม่มีอาการเจ็บคออีกเลย     ลองใช้กระดานเขียงไม้รัก ก็เจ็บคออีก    จึงพิสูจน์ได้ว่าเจ็บคอเพราะ "แพ้รัก"    โปรดสังเกตว่าคนอื่นๆ ในครอบครัวหลายคนไม่มีอาการ เพราะคนอื่นไม่แพ้รัก   

        เรื่องแบบนี้หมอไม่มีความรู้     เอามาเล่าไว้เป็นอุทาหรณ์

วิจารณ์ พานิช
๑๐ กย. ๔๙   

หมายเลขบันทึก: 55679เขียนเมื่อ 25 ตุลาคม 2006 13:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 มิถุนายน 2012 13:49 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)
ชอบการเล่นคำของอาจารย์ในบันทึกนี้มากเลยค่ะ อ่านแล้วยิ้มได้นานจัง

ผมก็มีอาการแบบนี้เช่นกันครับอาจารย์ คือระคายเคืองที่คอ เหมือนกับมีเสลดติดคออยู่เรื่อยๆ หายใจลำบาก ต้องไอกระแอม จึงจะหายใจคล่อง เคยไปหาหมอ หู คอ จมูก ตรวจมาหลายคนแล้ว หมอก็ว่าเป็นภูมิแพ้ กินยาก็ไม่หายซักที เป็นมา 3 ปี แล้วครับ 

แต่ที่ผ่านก็คิดว่าไม่ได้ใช้เขียงไม้รักนะครับ จึงคิดว่าไม่น่าจะแพ้รัก แต่ก็กังวลเช่นกันครับว่ากลัวแพ้อย่างอื่นครับ

ขอบคุณครับ 

ขอบพระคุณครับ เริ่มอ่านก็เล็งว่าคงเป็น Love Story อีกแนวเป็นแน่ แต่แล้วท่านก็หักมุมไปจนเกิดกว่าที่จะคาดเดา .. ส่วนชื่อบันทึกนั้นเหมาะ ตรงอย่างที่สุด ใครโต้แย้งไม่ได้เลยครับ

     โหย ...  จดๆ จ้องๆ บันทึกนี้ (จากชื่อบันทึก) มาตั้งแต่เช้าต้องเพราะต้องวิ่งไปนู่นมานี่ (ปกติอ่านบันทึกของท่านอาจารย์จะต้องใช้เวลาในการอ่านมากกว่าปกติถ้ามีเวลาจำกัดจะอ่านบันทึกของคนอื่นที่สั้นๆ และที่ไม่ต้องคิดมากก่อนค่ะ)  กว่าจะมานั่งอ่านได้ก็ 21.07 น. อ่านแล้ว ... (บรรยายความรู้สึกตัวเองไม่ถูกค่ะ)

     ด้วยความเคารพค่ะ

     ปล. อาจารย์หมอคะขอแบบนี้อีกบ่อยๆ นะคะ  ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท