ขอบพระคุณกรณีศึกษาที่ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ผ่าน Go to Know แล้วทำให้เห็นการพัฒนาสายใยครอบครัวที่มุ่งเป้าเข้าใจกลยุทธ์ในการให้เยาวชนของครอบครัวนี้ได้แสดงความต้องการในการเล่นดนตรีเพื่ออนาคตและการเล่นกีฬาเพื่อสุขภาวะ...ดร.ป๊อปมองว่า "เป็นตัวอย่างของครอบครัวที่ดีมากในการไตร่ตรองและการทบทวนกิจกรรมยามว่างเพื่อการศึกษาที่แท้จริง"
> Date: Sat, 23 Nov 2013 00:10:25 +0000
> From: support (at) gotoknow.org
> To: ดร.ป๊อป
> Subject: [gotoknow.org] คุณได้รับเมลติดต่อจากผู้อ่าน (23 Nov 2013 07:10).
> จาก: XXX
> หัวข้อ: พี่อยากถาม Dr.Pop เกี่ยวกับการสร้างวินัยในตนเองของเด็ก
> ---------------------------------------
> พี่เลี้ยงหลานชาย 1 คน อายุ 8 ปี อยู่ป.3 การเรียนพอใช้ได้ ครูให้ทำงานทำได้หมด แต่ต้องเรียกบ่อยๆ เป็นเด็กไม่นิ่ง สมาธิไม่ดี เคยพาไปปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับสมาธิสั้น หมอให้ยามาทาน ทานได้ 2 เดือน เขาไม่อยากทานแล้วบอกว่าคุมตนเองได้แล้ว หมอยังขำเลย
> พี่ช่วยเขา โดยให้เรียนเปียโน มา 5 ปีแล้ว (ตั้งแต่อนุบาล1) สอบได้ดนตรีสากลจากแคนนาดา(หรืออังกฤษไม่แน่ใจ) แต่ตอนนี้ไม่เรียนแล้วเขาเรียนกีต้าร์ ได้ 2 เดือนแล้ว เขาได้เรียนเทควันโดตั้งแต่อนุบาลเช่นกัน ผ่านสายเขียวสาย 2 แล้ว เขาได้ฝึกการนั่งสมาธิเด็ก จาก ... 3 ครั้ง ปกติก่อนนอนจะนั่งสมาธิ 10 นาที เกือบทุกวัน ที่ดูจะเป็นปัญหาคือเขาไม่ฟังคำสั่ง ใช้ให้ทำอะไรก็จะไปเลย กลับมาได้ของผิดมา ไม่ค่อยรับผิดชอบงานแต่ถ้าสนใจจะทำได้ดี มีใจเอื้ออาธรที่ดี
> พี่จะสร้างให้เขาเป็นคนรับผิดชอบ ได้อย่างไรได้บ้าง ขอข้อเสนอแนะค่ะ
เมื่อ 23 พฤศจิกายน 2556, 10:17, ดร.ป๊อป เขียนว่า:
เรียน คุณ XXX
จากข้อมูลที่ให้มา หลานชายผ่านมีภาวะสมาธิสั้น ทานยาและรับรู้ว่าควบคุ่มตนเองได้แล้ว และผ่านประสบการณ์การเรียนรู้ด้านดนตรี กีฬา และฝึกสมาธิ
ข้อสังเกตคือ ถ้าหลานชายใช้เวลาเรียนอะไรนานๆแล้วไม่เรียนต่อ ในเด็กสมาธิสั้นถือว่า มีความรับผิดชอบจนหมดความสนใจ ซึ่งถือว่าเป็นกระบวนการสร้างวินัยแบบหนึ่งคือ ความรับผิดชอบในการเรียนจนสอบได้และมีใจเอื้ออาธร เว้นแต่การเรียนนานๆเช่นนี้ถูกบังคับ เมื่อใดก็ตามที่เด็กสมาธิสั้นถูกบังคับก็จะไม่เป็นการสร้างวินัย
การพัฒนาเด็กในเรื่องวินัย ตามหลักการคือ ส่งเสริมโดยธรรมชาติ (ไม่บังคับ ไม่สั่งการ และมีผู้ปกครองทำให้ดู/ทำพร้อมเด็ก) และจริงๆ แล้วผู้ปกครองสอนวินัย เช่น ทำแบบอย่างที่ดีให้เด็กเห็น เล่าเรื่องดีๆให้เด็กฟัง จับมือทำดีไปพร้อมๆกับเด็ก ฯลฯ ได้ตั้งแต่เด็กอายุ 10 เดือน - 6 ปี
หลานชายคนนี้น่าจะได้ฝึกจริงจังตอน 3 ปี (5 ปีที่แล้วจาก 8 ปี) แต่โดยกระบวนการเรียนดนตรีและกีฬา ดูจะเป็นการสอนจากคุณครู ถ้าพ่อ แม่ และผู้ปกครองร่วมเรียนหรือเล่นดนตรีและกีฬาข้างต้นเป็นต้นแบบด้วย หลานชายจะเกิดแรงจูงใจ มีต้นแบบ และสร้างวินัยมากกว่านี้ คือ เรียนด้วยความสนใจอย่างต่อเนื่องและไม่เปลี่ยนกิจกรรมเป็นกีตาร์ (ถ้าเปลี่ยนเอง)
โดยสรุปแล้ว หลานชายที่มีสมาธิสั้นแล้วรับผิดชอบได้ขนาดนี้ (เรียน 5 ปีจนสอบได้ นั่งสมาธิเกือบทุกวัน และมีใจดี) ถือว่า "มีการพัฒนาวินัยที่เหมาะสมแล้ว" ถ้าจะสร้างวินัยอีกในเด็กที่อายุเกิน 6 ปีคงเป็นไปได้ยาก ที่พอปรับปรุงได้ คือ อย่าใช้คำสั่ง และ การไม่ฟังคำสั่งไม่ใช่ปัญหาของเด็ก ถ้าเด็กไม่ฟังคำสั่งสะท้อนความเบื่อ ไม่ชอบ และไม่ยากทำ จึงหนีไปเลย และมองดูไม่รับผิดชอบ ในเด็กสมาธิสั้น ถ้ารู้ว่าเค้าสนใจอะไร ซึ่งเกิดจากการเรียนรู้ตั้งแต่ 10 เดือน - 6 ปี ที่ผู้ปกครองสร้างโอกาสให้สำรวจสิ่งต่างๆทั้งของเล่น ของใช้ และต้นแบบจากผู้ปกครองทำให้เห็น/ทำพร้อมเด็ก นั่นแหละเค้าจะรับผิดชอบเองโดยธรรมชาติ ดังนั้นผู้ปกครองคอยสอบถามว่า สนใจไหม/ชอบไหม ถ้าสังเกตเห็นหลานชายมองหรือหยุดและอยากทำกิจกรรมอะไรบ้าง และสื่อสารกับครูว่า อย่าใช้คำสั่ง แต่สอนแบบสาธิตและกระตุ้นแรงจูงใจของเด็ก ก็จะช่วยได้ในระดับหนึ่ง
ขอบคุณมากครับ
ดร.ป๊อป
Date: Fri, 6 Dec 2013 16:24:46 +0700
Subject: Re: [gotoknow.org] คุณได้รับเมลติดต่อจากผู้อ่าน (23 Nov 2013 07:10).
From: XXX
To: ดร.ป๊อป
ขอบคุณ ดร.ป๊อบ มากค่ะ ที่อธิบายรายละเอียดให้เห็นกระบานการพัฒนาเด็กที่ดีและต่อเนื่อง
ที่จริงเขายังอยากเรียนเปียโนอยู่ แต่ย่าเห็นว่า เปียโนมีราคาแพงมาก แล้วเวลาจะใช้แต่ละที่ก็จะต้องเคลื่อนย้ายไปยังไง (เริ่มนึกถึงปัญหา) ก็เลยบอกว่า หนูเรียนจนสอบได้แล้ว (ซึ่งเป็นเด็กคนเดียวที่อายุน้อยสุดของกลุ่มที่สอบผ่าน 8 ปี - 17 ปี) ให้เลือกดนตรีสากลอะไรก็ได้ที่หนูชอบ เช่น อาคูเลเร่ กีต้าร์ ไวโอลีน กลอง เขาใช้เวลาเลือก 2 สัปดาห์ เขาให้เหตุผลว่า อาคูเลเร่ มีสี่สาย ไม่ใช่ 6 สายเหมือนกีต้าร์ ไวโอลีนน่าจะเป็นของผู้หญิงมากกว่า กลองก็ไม่ชอบ สรุปชอบกีต้าร์ ก็พยายามถามครูที่สอนก็บอกว่า ok นะสนใจ ดีทำได้ดี ถามเขาเขาก็บอกว่าชอบ เขารู้ว่าเส้นแรกเสียงอะไร เส้น 2 เสียงอะไร ก่อนเรียนอีก (น่าจะสนใจอยู่) อีกอย่างพ่อเขาก็เล่นกีต้าร์เป็น เขาซื้อมาให้ลูก แล้วพาเล่น/สอนบ้าง แต่สำหรับย่าแล้วไม่มีพื้นฐานทั้งด้านดนตรีและกิฬาเลย เป็นตัวอย่างที่ดี/ต้นแบบไม่ได้เลย เป็นได้แค่เป็นคนขยันทำงาน และเป็นคนดีได้เท่านั้น เป็นคนเอื้ออาธรเพื่อนบ้าน วันหยุดเขาจะเอาอาหารไปให้คนแก่ใกล้บ้านอายุ 95 ปี เกือบทุกอาทิตย์ คนเจ็บป่วยในบ้านก็ดูแลทั้งทวดและย่า แต่ที่เป็นปัญหาคือ เวลาให้ทำอะไร จะไปก่อนแล้วกลับมาถามว่า ให้หยิบอะไรนะ หรือหยิบผิดมา ตอนนี้แปดปีกว่าแล้ว ดูจะรับผิดชอบดีขึ้น ครูสั่งอะไร ก้พอได้ เมื่อป.1 - 2 ไม่ได้เลย คงไม่สายเกินไปนะคะ ที่จะพัฒนาต่อไป ขอบคุณค่ะ
เรียน คุณ XXX
เห็นด้วยว่า หลานชายพัฒนาได้ดีแน่นอนตามธรรมชาติที่ได้สะสมการเรียนรู้ผ่านดนตรีและคุณธรรม คิดว่าหลานชายมีพรสวรรค์ด้านดนตรี ซึ่งมีพื้นฐานทางเปียโน น่าจะปรึกษาทางโรงเรียนดนตรีว่า ควรต่อยอดไปอย่างไรถ้าไม่จำเป็นต้องซื้อเปียโนเข้าบ้าน หรือถ้าเรียนกีตาร์แล้ว ความสามารถทางเปียโนที่ไม่ได้ใช้จะยังคงมีโอกาสซ้อมที่โรงเรียนได้ไหม เพราะการมุ่งเป้าด้านที่มีพรสวรรค์นี้น่าจะต่อยอดเข้าเรียนในระบบโรงเรียนที่เด่นการสอนดนตรีได้ด้วย เช่น ที่ม.มหิดล มีโรงเรียนเตรียมนักเรียนก่อนเข้าว.ดุริยางคศิลป์ คงต้องลองค้นหารายละเอียดเหล่านี้ ดีใจที่มีคุณพ่อช่วยสอนและเล่นกีตาร์กับหลานชาย และคุณย่าก็เป็นต้นแบบของคนขยันและคนดีให้หลานชาย
ขอชื่นชมและอวยพรให้มีความสุขมากๆครับผม ขอบคุณมากครับ
ดร.ป๊อป
ปล. ขออนุญาตนำเรื่องราวลงบันทึก G2K ได้ไหมครับ โดยจะไม่ปรากฎนามใดๆ ครับ
> Date: Sat, 14 Dec 2013 03:27:44 +0000
> From: support (at)gotoknow.org
> To: ดร.ป๊อป
> Subject: [gotoknow.org] คุณได้รับเมลติดต่อจากผู้อ่าน (14 Dec 2013 10:27).
> จาก: XXX
> หัวข้อ: อนุญาตค่ะ
> ถ้าการทำกิจกรรมของหลานจะเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นๆ ก็ด้วยความยินดีค่ะ
> พี่เอาข้อความที่ ดร.ป๊อบเขียนให้เขาดู ว่าควรส่งเสริมด้านดนตรีเปียโนอย่างต่อเนื่อง และถามว่า เขายังสนใจที่จะเรียนเปียโน ต่อไปไม๊ เขาก็ยังสนใจอยู่ และบอกว่ากีต้าร์เริ่มยากแล้ว แล้วเทควันโดล่ะ ก็ยังสนใจอยู่ คือเขาชอบทั้ง ๒ อย่าง ย่าบอกเขาว่า สนใจอะไรก็เรียนรู้ให้จริงสามารถเป็นอาชีพได้ พอดีได้โอกาส ตอนเย็นวันอาทิตย์ที่มีรายการดนตรี มีผู้ชายคนชื่อ ... เขาเจอป้ายติดตามตลาด ให้ช่วยโหวดให้หน่อย เขาถามว่าทำไมคนนี้ถึงมีป้ายที่...ย่าก็เล่าให้ฟังว่า เขาสนใจร้องเพลง เรียนดนตรีที่... สอบเรียนต่อที่ ...จบมาสอนร้องเพลงที่ มหาวิทยาลัย (อะไรจำไม่ได้) ที่เล่าให้ฟังก็เพือให้เห็นว่า ร้องเพลงก็เป็นอาชีพที่ดีได้ ถ้าสนใจก็เริ่มทำแบบจริงได้ ขอบคุณในคำแนะนำที่ดีค่ะ ห่วงสุขภาพด้วยนะ
ขอบพระคุณมากครับพี่ XXX
ชื่นใจและเห็นด้วยอย่างยิ่งกับคุณย่า เพราะที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ม.มหิดล ก็รับนักเรียนดนตรีเฉพาะด้าน เช่น เปียโน ตั้งแต่ม.4 และฝึกฝนต่อในระดับป.ตรี จนมีชื่อเสียงหลายท่าน ส่วนเทควันโดก็ทำให้ร่างกายจิตใจแข็งแรงควบคู่กับการเรียนเปียโน
ดีใจด้วยครับพี่ที่มีความตั้งใจดีกับหลาน ขอให้ประสบผลสำเร็จและมีความสุขเช่นกันนะครับ
ขอบคุณมากครับ
ดร.ป๊อป
ขอบคุณมากครับสำหรับความรู้และแง่คิด...
ขอบคุณมากครับคุณจัตุเศรษฐธรรม
ขอบคุณกำลังใจจากคุณมะเดื่อ คุณบุษยมาศ และพี่ดร.เปิ้น
ขอบคุณทั้งเจ้าของต้นเรื่องและคุณหมอที่นำมาแบ่งปันค่ะ
ขอบคุณมากครับคุณ tuknarak
ขอบคุณกำลังใจจากคุณชยพรและอ.แอน
ขอบคุณกำลังใจจากคุณชยันต์และคุณ ส.รตนภักดิ์
เป็นการใช้กิจกรรมบำบัดในเชิงรุก...ให้มีความสอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนการสอนดุริยางค์ศิลป์ตามโรงเรียนต่างๆ...และสามารถนำไปสู่งานอาชีพได้อีกนะคะ
เป็นเรื่องที่ดีมากเลยครับ
รวบรวมคำถามแล้วจัดเป็นหัวข้อดีไหมครับ
ต่อไปเผื่อมีคนถามจะส่งให้ได้เลย
ขอบคุณครับ
เป็นไอเดียที่ดีครับพี่ชาย ขอบคุณมากครับพี่อ.ขจิต
ขอบคุณมากครับพี่ดร.พจนาและพี่ดร.เปิ้น
ขอบคุณกำลังใจจากคุณกฤษณา คุณหยั่งราก ฝากใบ คุณศุภลักษณ์ คุณพิทยา คุณ tuknarak และดร.ดิศกุล
เป็นบันทึกแห่งความสุขมากๆ...ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณมากครับพี่ใหญ่ ขอส่งความสุขให้พี่ด้วยนะครับผม
ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันเรื่องราวดีๆนะค่ะ @Dr. Pop หนูเห็นด้วยอย่างยิ่งกับว่าหากครอบครัวเข้าใจ ยอมรับ และสนับสนุนแล้ว จะสามารถทำให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีได้ ฉะนั้นครอบครัวจึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ค่ะ เป็นกำลังใจให้ครอบครัวด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ
Dr. Popอ่านแล้วรู้สึกว่าเด็กคนดีโชคดีจังค่ะ ที่มีครอบครัวที่น่ารักแบบนี้เพราะครอบครัวมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการช่วยพัฒนาความสามารถและค้นหาตัวตนที่แท้จริงของเด็ก
การที่ครอบครัวเห็นว่าการเป็นเด็กสมาธิสั้น เราไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะต้องเรียนให้ได้เหมือนเพื่อน ศักยภาพให้ดีเหมือนเพื่อน แต่มองไปที่ความสามารถด้านอื่นที่เขาสนใจและทำได้ดี จากกิจกรรมยามว่างนำไปสู่การศึกษาในชีวิตจริงที่ว่า"ร้องเพลงก็เป็นอาชีพที่ดีได้ ถ้าสนใจก็เริ่มทำแบบจริงได้" เป็นการค้นหาตัวตนที่แท้จริงในตัวของเด็ก และหาแนวทางที่จะทำให้เขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและปกติเหมือนคนทั่วไป โดยไม่ถูกเปรียบเทียบว่าเป็นโรคใดๆ
และดิฉันเชื่อว่าหากเราได้ทำในสิ่งที่เราถนัด ได้ทำในสิ่งที่มีความสุขและทำได้ดี สิ่งนั้นจะกลายเป็นข้อดีของเราที่ทุกคนยอมรับได้ค่ะ