สืบเนื่องจากการใช้ชีวิตที่ยาวนาน จึงสามารถเก็บประเด็นมาพูดมาเขียนได้หลากหลาย เขียนจากประสบการณ์อันเกิดจากการตกตะกอน ตกผลึกก็ว่าได้ จึงนำมาเขียนในวันนี้ ต่อจาก ความคงเส้นคงวาที่น่านับถือ
ชีวิตอันยาวนานอีกนั่นล่ะ เป็นขอบเขตของการเขียนในวันนี้ ว่า ชีวิต คือ การแข่งขัน
และ การแข่งขัน คือ กิเลสอย่างหนึ่ง
คำว่า กิเลส แปลว่า สิ่งที่เศร้าหมอง หรือ เครื่องทำให้เกิดความเศร้าหมอง มีความหมาย ๓ อย่าง คือ
ให้เกิดความสกปรก หรือ เศร้าหมองอย่างหนึ่ง
ให้เกิดความมืดมิดไม่สว่างไสวอย่างหนึ่ง
ให้เกิดความกระวนกระวายไม่มีความสงบอีกอย่างหนึ่งเพื่อให้เข้าใจง่าย ท่านแบ่งชั้นกิเลสเป็น ๓ ชั้น คือ ชั้นละเอียดหรือชั้นใน อย่างหนึ่ง, ชั้นกลางอย่างหนึ่ง, ชั้นหยาบหรือชั้นนอก อย่างหนึ่ง
๑. กิเลสชั้นละเอียด ทำให้สันดานเศร้าหมอง
๒. กิเลสชั้นกลาง ทำให้มโนทวารเศร้าหมอง
๓. กิเลสชั้นหยาบ ทำให้วจีทวารและกายทวารเศร้าหมอง
จะสังเกตได้ว่า หากใครมีกิเลสไม่ว่าจะเป็นขั้นใดก็ตาม ก็จะทำให้คนนั้นถึงภาวะเสื่อม
กล่าวถึงกิเลสมามากแล้ว คราวนี้มาที่นางร้าย คือ การแข่งขัน
มีคำกล่าวว่า " ชีวิต....คือ...การแข่งขัน " ซึ่งจะต้องมาเข้าใจนิยามศัพท์เฉพาะว่า การแข่งขันในเรื่องอะไร หรืออาจจะถึงขั้น นิยามศัพท์เชิงทฤษฎี และปฏิบัติการก็เป็นได้ เสียก่อน ก่อนที่จะลงความเห็นว่า " ชีวิต...คือ...การแข่งขัน "
การแข่งขัน อะไร กับใคร ที่ไหน ทำให้ทุกข์ใจหรือไม่ แข่งแล้วได้อะไร คุ้มกับการแข่งหรือ จำเป็นด้วยหรือที่ต้องแข่งขันกัน
ครูอ้อย ผ่านการแข่งขันมามากมาย จากประสบการณ์และรางวัล จนบางครั้งนั่งมอง รางวัลที่อยู่ตรงหน้าว่า ทำแล้วได้อะไร
ได้ความภาคภูมิใจ มันคือ ได้มาจากการแข่งขัน
ซึ่งการแข่งขัน คือ กิเลสอย่างหนึ่ง เศ้าหมองหากไม่ชนะ กระวลกระวายอยากจะชนะ หาความสงบไม่ได้เลย
ก็ถ้าไม่มีการแข่งขัน แล้วจะได้รางวัลแบบนี้มาไว้ชื่นชม ให้ลูกหลานได้เกิดความภาคภูมิใจในบรรพบุรุษ หรือ เป็นคำถามที่ผู้คนทั่วไปถาม
การแข่งขัน แข่งขันในขอบเขต แข่งกับตัวเอง รู้จุดยืนของตัวเอง แข่งเพื่อการพัฒนาสังคมแห่งการเรียนรู้ แต่ถ้าแข่งเพื่อ....ความชนะ ความสะใจ ...ความทุกข์ใจก็จะตามมา ว่าจะชนะหรือไม่ เกิดกิเลส ขึ้นมาในบัดดล
พอจะสรุปได้หรือยังว่า การแข่งขัน เป็นกิเลสอย่างหนึ่ง
ถ้าจะพูดกันในหลักการวิจัย กิเลส เป็นภาวะสันนิษฐาน.........
คราวนี้วกกลับมา ถึงการแข่งขัน จะสังเกตได้อย่างไรว่า เกิดการแข่งขันขึ้นที่ใด
ในที่ทำงานทุกที่ทุกแห่ง เกิดภาวะของการแข่งขันกันมากมาย โดยเฉพาะช่วง การพิจารณาความดีความชอบ ท่านสามารถเหยียบบ่าเพื่อนเพื่อจะผงาดก็มี ผู้บังคับบัญชาก็มีความพึงพอใจในการแข่งขันที่เกิดขึ้น เพื่อพัฒนาองค์กร แต่หารู้ไม่ว่า การแข่งขัน.....คือ กิเลสอย่างหนึ่ง ดังนั้น รางวัล..คือ ความดีความชอบนั้น เป็นบ่อเกิดของกิเลส หากเกิดการเหยียบกันขึ้น
การแข่งขันที่ไร้ขอบเขต พูดว่าให้กัน ทำให้เพื่อนเสื่อมเสีย เพียงเพื่อตัวเองจะได้โดดเด่น เป็นที่ต้องตาต้องใจกรรมการ
อยากจะเตือนเท่านั้น แข่งขันกับตัวเอง ก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้องไปเหยียบบ่าใครเขาล่ะ มันเป็นกิเลส.......
มันไม่ใช่ทุกอย่างที่พูด พวกเล่นกระทืบซ้ำ ครูอ้อยหรือจะนอนให้ใครกระทืบ (ขออภัยเครื่องดูดคำหยาบไม่ทำงาน)
ต้องแข่งขันกับตัวเองสิคะ แล้วจะได้ในสิ่งที่ควรได้ ทุกคนมีสิทธิเท่ากัน เมื่อ ปี 46 พวกเขาไม่ทำเอง ปล่อยโอกาสที่มาเขกหัวกันถึงบ้านไป