วันนี้การเล่าเรื่องหน้าชั้นเรียนเป็นความรับผิดชอบของสาวน้อยร่างเล็ก หน้าเข้มพูดจาชัดเจน เธอบอกเพื่อนๆว่า "ท่านมองตัวเองอย่างไร" โดยมีรายละเอียดดังนี้
สาวชาวไต้หวันผู้หนึ่ง เป็นโรคสมองพิการ ( cerebral palsy) แต่กำเนิดไม่สามารถเคลื่อนไหวตามปรกติ และพูดจาไม่ได้ แต่ด้วยความมุ่งมั่นและศรัทธาเธอสามารถเรียนจบปริญญาเอกจากสหรัฐฯ แล้วแสดงทัศนคติของเธอในที่ต่างๆ เพื่อให้กำลังใจและช่วยเหลือผู้อื่น
ครั้งหนึ่ง เธอรับเชิญไปบรรยายด้วยการเขียน (คนพูดไม่ได้ต้องใช้วิธีเขียน)หลังบรรยายเสร็จ มีนักเรียนคนหนึ่งตั้งคำถามว่า
"ท่านอยู่ในสภาพนี้โดยกำเนิด แล้วท่านไม่รู้สึกน้อยใจรึ? ท่านมองตัวเองอย่างไร?"
คำถามอันละเอียดอ่อนนี้ สร้างความตะลึงแก่ที่ประชุมไม่น้อย ต่างเกรงว่าคำถามนี้จะทิ่มแทงจิตใจของเธอ ปรากฏว่า เธอหันหน้าไปยังแผ่นกระดานเขียนตัวหนังสืออย่างไม่สะทกสะท้านว่า
"ฉันมองดูตัวเองอย่างไร?" เธอหันหน้ายิ้มให้ผู้ร่วมประชุม แล้วเขียนข้อความต่อ
๑. ฉันน่ารักมาก
๒. ขาฉันเรียวยาวสวยดี
๓. คุณพ่อคุณแม่รักฉันจัง
๔. พระเจ้าประทานรักแก่ฉัน
๕. ฉันวาดภาพได้ ฉันแต่งหนังสือได้
๖. ฉันมีแมวที่น่ารัก
และณ เวลานั้นที่ประชุมเงียบกริบ ไม่มีเสียงพูดจาใดๆ เธอหันกลับมามองดูทุกคน แล้วเขียนคำสรุปบนแผ่นกระดานว่า
"ฉันมองแต่สิ่งที่ฉันมี ไม่มองสิ่งที่ฉันขาด"
หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีเสียงปรบมือดังสนั่นในที่ประชุมพร้อมทั้งน้ำตาที่สะเทือนใจจากหลายๆคน
อ้างอิงจาก ท่านมองตนเองอย่างไร
สำหรับสาวน้อย...เธอบอกว่าเรื่องนี้ทำให้เธอมองข้ามปัญหาบางอย่าง สร้างกำลังใจได้
เรื่องนี้ครูนกชอบมากๆ เพราะเป็นประเด็นล่าสุดที่คุยกับรุ่นพี่ในการดูแลนักเรียนบางคนที่จะมีพฤติกรรมเสี่ยงโดยอ้างความขาดแคลนในบางประเด็น แต่ในขณะที่เด็กๆ อีกหลายคนไม่ได้อ้างประเด็นนี้แต่พร้อมจะพัฒนาตนเองไปตามบริบทและเต็มใจที่จะอดทน ครูนกขอเป็นกำลังใจให้เด็กที่มองแต่สิ่งที่ฉันมี ไม่มองสิ่งที่ฉันขาด ประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิต
เรียน ครูนก เรื่องเล่า เรื่องราวในลักษณะนี้ เป็นแรงบันดาลใจ ที่ยิ่งใหญ่
ในวงการสาธารณสุขที่ทำเรื่อง คุณภาพและมาตรฐาน โรงพยาบาล
เรื่องเล่าเปลี่ยนการกระทำได้
"มองในสิ่งที่มี แล้วเราไม่ขาด
ชื่นชมคนที่มา ดีกว่านินทาคนที่ไม่อยู่
...ทุกข์ หรือ สุข...คนเราคิดไปเองว่าทุกข์... คิดไปเองว่าสุข...คิดให้เป็นความสุข...ไม่ต้องมานั่งเป็นทุกข์นะคะ...
ขอบคุณค่ะท่านวอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei--
แนวคิดลักษณะนี้ชอบค่ะ โดนใจค่ะชื่นชมคนที่มา ดีกว่านินทาคนที่ไม่อยู่
ขอบคุณค่ะ อาจารย์ ดร. พจนา แย้มนัยนา สำหรับแนวคิดคิดสุขเพื่อเรา
คนเราส่วนใหญ่จะมองข้ามสิ่งที่ตนเองมี เลยไปมองในสิ่งที่ตนเองขาด...ชีวิตจึงทุกข์ตลอดกาล
ขอบคุณบันทึกดี ๆ จ้ะ
ว้าวเป็นเรื่องเดียวกันกับ "เรื่องเล่าแรงบันดาลใจ" ของนักศึกษาผมเลยครับ คุณครูนก ;)...
..ขอบคุณค่ะ ....อ่านแล้ว ดีจังเลย
สวัสดีค่ะ คุณครูมะเดื่อ
ขอบคุณค่ะ....ต้องยกความดีให้กับลูกศิษย์ค่ะ...ที่นำเรื่องดีๆมาเล่าสู่ครูและเพื่อน
สวัสดีค่ะ อาจารย์ Wasawat Deemarn
ต้องยกความดีให้ลูกศิษย์....ครูนกคงต้องทำกิจกรรมนี้ไปเรื่อยๆ ไปกระป๋องสะสมความรู้ให้ครูและเพื่อน
ขอบคุณค่ะ คุณหมอ Dr. Ple
ชอบค่ะครูนก