แรงใจ...ไฟฝัน ในวันที่....พี่เลิกเหล้า


พี่เป็นพี่ชายคนโตไปโดยปริยาย  หลังจากพี่เปื๊ยกเสียชีวิตลงด้วยโรคลิ้นหัวใจรั่ว ที่โรงพยาบาลศิริราชเมื่ออายุเพียงน้อยนิด

เพียงเพราะพ่อกับแม่ หวังไว้ว่า...อยากให้เกิดปาฎิหารย์ขึ้นกับพี่เปี๊ยกหลังเข้ารับการผ่าตัด รักษาโรคดังกล่าวที่โรงพยาบาลศิริราชเมื่อเกือบ 50 ปีที่แล้ว….

ข้าพเจ้าเห็นรูปของพี่เปี๊ยกแล้ว...ข้าพเจ้ารับรู้ได้ว่า...พี่ได้ผ่านช่วงเวลาแห่งความทุกข์ทรมานในชีวิตของพี่   ไปสู่....ภพภูมิแห่ความสุข   ณ สัมปรายภพของพี่แล้ว

..

..

 

น้องชายคนที่ยืนอยู่ข้างพี่เปี๊ยกนั้น...ช่างมองดูอ่อนโยน และดูมีความสุข....  อากัปกริยา.การแสดงออกจากภาพที่เห็นไม่ต่างกันเลยกับพี่สาวคนโตของข้าพเจ้า  มันคือภาพแห่งความฝัน และความจริงของชีวิต  และจาก.. ภาพถ่ายใบนี้  ส่วนที่อยู่เบื้องหลังนั้นคือ....องค์พระปฐมเจดีย์  สถานที่ที่แม่และพ่อพาพวกเราพี่น้อง มาเที่ยวพร้อมหน้ากันเสมอ ๆ เมื่อครั้งที่พวกเรายังเยาว์วัยอยู่......

ข้าพเจ้าจดจำสถานที่แห่งนี้ ได้ดี แทบจะทุกมุมขององค์พระฯ ต้นลั่นทมแทบจะทุกต้น ที่ข้าพเจ้าปีนป่าย และวิ่งเล่นซุกซนตามประสา...เมื่อครั้งเยาว์วัย......... ข้าพเจ้ายังจดจำภาพเหล่านั้น...ได้ดีเสมอ

..

เกือบ 50 ปีแล้วซินะ...มันนานทีเดียว...  นานจนพวกเรา 6 คนพี่น้องที่ลืมตามองโลกใบนี้  ได้ผ่านร้อนผ่านหนาวกันมา ร่วมครึ่งค่อนของชีวิต

..

..

 

..

จนกระทั่งวันนี้....วันที่ข้าพเจ้าได้นั่งมองภาพถ่ายเก่า ๆ ของครอบครัวอีกครั้งหนึ่ง และมันทำให้ข้าพเจ้าอดคิดถึงพี่ไม่ได้  และมีบางสิ่งบางอย่างที่ข้าพเจ้าอยากเขียนถึงพี่ด้วยเช่นกัน....มันมาจากความรู้สึกส่วนลึกในใจของข้าพเจ้าที่มีต่อพี่ชายคนนี้…

..

 

..

 

พี่เป็นพี่ชายคนเดียวที่หน้าตาดีที่สุดในบ้าน  ข้าพเจ้าจำได้เสมอ เมื่อครั้งเราเรียนอยู่โรงเรียนเทพมิตรศึกษา โรงเรียนฝรั่งที่พ่อนำมาฝากเข้าเรียนต่อ คราวครั้งที่ครอบครัวของเราย้ายมาจากนครปฐม…

ข้าพเจ้าจำได้ถึงครั้งนั้น...ครั้งที่พี่ได้เป็นตัวแทนของห้องเรียน...ร่วมประกวดภาพลักษณ์ของนักบุญหนุ่มนามว่า....ดอมินิก 

 

 

นักบุญที่มีหน้าตาอิ่มเอิบไปด้วยบุญ  และเป็น นักบุญที่มีอายุน้อยมากเมื่อเทียบกับนักบุญองค์อื่นๆ

ข้าพเจ้ายังจำความได้อีกว่า....ข้าพเจ้าภูมิใจแทนครอบครัวของเรานะ..ที่มีพี่ชายหน้าตาดี  และได้เข้าร่วมประกวดนักบุญในครั้งนั้น

ข้าพเจ้าติดตากับภาพ.......ของพี่ชายที่ใส่เสื้อแขนยาวสีขาวกลัดกระดุมและผูกหูกระต่าย ยืนอมยิ้มแบบอาย ๆ อยู่กลางเวทีท่ามกลางตัวแทนของนักเรียนจากห้องต่างๆ ......  และถึงแม้นพี่จะไม่ได้รางวัลติดมือกลับมาบ้าน  แต่ข้าพเจ้าก็ยังภูมิใจกับภาพเหตุการณ์ในวันนั้นได้เป็นอย่างดี...นึกในใจเสมอว่า..พี่เรานั้นก็หล่อไม่แพ้เพื่อนนักเรียนคนอื่นเลยจริง ๆ

แต่ถึงแม้ว่าวันนั้นครั้งนั้น...พี่ชายจะไม่ได้รับรางวัลกลับบ้าน  ข้าพเจ้าก็ได้กู้หน้าพี่ชายเอาไว้  ด้วยรางวัลที่ ๑ จากกิจกรรมการประกวดคัดลายมือระดับชั้นเรียน  เขียนคำขวัญของนักบุญองค์นี้  ด้วยประโยคประมาณนี้....

...ยอมตายดีกว่าทำบาป....

การถูกคุณครูประกาศชื่อรับรางวัลหน้าเสาธงกับบาทหลวงผู้อำนวยการโรงเรียน(ถ้าข้าพเจ้าจำไม่ผิดท่านชื่อ บาทหลวงสนิท)   ...เหรียญนักบุญดอมินิกที่ข้าพเจ้าได้รับ เป็นเหรียญเล็ก ๆ แต่มันมีค่าต่อความรู้สึกของข้าพเจ้ามากทีเดียว   ข้าพเจ้ากำเหรียญนั้นไว้ในมือแน่น .... เดินอมยิ้มกลับมาที่แถว ซึ่งตามด้วยเสียงปรบมือของนักเรียนในแถวที่ปรบมือให้ ข้าพเจ้ากันยกใหญ่ .......

ขอบอกตรง ๆ ว่า...ภูมิใจนะ(แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า...ปัจจุบันเหรียญดังกล่าวได้หายไปจากข้าพเจ้าแล้ว คงเหลือก็แต่เพียงความทรงจำดี ดี นี้......เก็บไว้ในใจของข้าพเจ้าตลอดมา)

ทำไม..  ทำไม!!......ข้าพเจ้าถึงเลื่อนรื้อความหลัง...เมื่อครั้งเยาว์วัย

...

นั่นเป็นเพราะ!!...

..

ข้าพเจ้าอยากให้พี่ชายของข้าพเจ้ารับรู้ว่า...ในช่วงชีวิตหนึ่งของพวกเรา 6 คนพี่น้องนั้น .... มันมีอะไรต่อมิอะไรให้พวกเราได้จดจำมากมายนัก  และเมื่อใดก็ตามที่เราหวลรำลึกถึงมันแล้ว....... มัน.. มีความสุข นั้นคือความทรงจำที่ดีมิใช่หรือ!!พี่ชาย

.......

…….

และแล้ววันเวลาก็ผ่านไป...ปีแล้วปีเล่า

......

วันเวลาเหล่านี้เอง...มัน ได้บ่มเพาะชีวิตของพวกเราพี่น้องให้เติบใหญ่ขึ้นมา...ตามลำดับ

..

ข้าพเจ้าเองนั้นรับรู้ถึงความต่างกันของชีวิต ที่พวกเรา 6 คนพี่น้องได้รับ ได้เรียนรู้ต่างกันมา

..

 

..

 

มันอาจเหมือนกันบ้างนะ...ในบางช่วงเวลา   หรือมันอาจต่างกันโดยสิ้นเชิงในอีกห้วงเวลาหนึ่ง…ก็ได้

ข้าพเจ้าเองนั้น....รับรู้ถึงความฝันที่ตัวเองอยากเป็นเมื่อครั้งยังเยาว์  และพวกเรานั้นต่างก็มีฝันกันไปคนละอย่างสองอย่าง และฝันที่พวกเรา 6 คนพี่น้องต่างฝันนั้น...ต่างคนก็ต่างเก็บเอาไว้ในใจ...

..

ข้าพเจ้ารับรู้ได้...ถึงการแสวงหาความหมายของชีวิต เมื่อครั้งที่เราเยาว์วัยจนกระทั่งเติบใหญ่

ห้วงเวลาที่ผ่านมานั้น...ได้ขัดเกลาชีวิตของพวกเรา...ให้ปีกกล้าขาแข็ง  ก้าวเดินกันมา จวบจนกระทั่งถึงทุกวันนี้

..

ครอบครัวที่พวกเราสร้าง...ต่างเป็นจุดเชื่อมที่ช่วยหล่อหลอมหัวใจของพวกเราและสมาชิกในครอบครัวที่เพิ่มขึ้นมานั้น ให้ลดทอนพฤติกรรมที่ไม่เหมาะบางอย่างทิ้งไป เพื่อการอยู่ร่วมกันและคาดหวังสิ่งเดียวให้เกิดขึ้น นั่นคือ ....ความสุข

..

 

..

ข้าพเจ้าเองรู้ดีว่า....การเขียนเป็นการถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดของเราที่เราอยากมีถึงใคร  และให้ใครคนนั้นได้รับรู้  มันมากพอทีเดียวที่จะทดแทนคำพูดบางคำ   ที่บางครั้งเราก็ได้แต่อ้ำอึ้ง หรือจุกอยู่ที่คอหอย พูดไม่ออก ไม่สามารถลงลึกและพูดให้มันละเอียดลึกซึ้งได้  

สิ่งนี้แหละ!!ที่ข้าพเจ้าเชื่อว่า...การได้เขียนบางสิ่งบางอย่างถึงกัน   มันสามารถช่วยลดทอนความรู้สึกเปราะบางที่เราต้องเผชิญหน้าต่อกันลงได้ ..... ข้าพเจ้าเชื่อเช่นนั้นจริง ๆ นะ

 

มันกลับมองอ่อนโยนเสียด้วยซ้ำไป.......ในท่ามกลางของความเปราะบางที่เราสร้างมันขึ้นมา 

..

ข้าพเจ้าจึงเลือกวิธีนี้ในการพูดขอร้องพี่ชายของข้าพเจ้า  ให้ลดทอนบางสิ่งบางอย่างที่ทำร้ายตัวของพี่เอง ทำร้ายครอบครัวของพี่  ทำร้ายจิตใจของลูก  และคนที่พี่รัก  รวมไปถึง หัวใจของพ่อและแม่และความรู้สึกของพวกเราทุกคนลงไป

..

..

พี่โชคดีมากนะ ที่มีคู่ชีวิตที่ดี  เธอเป็นปลัดอำเภอหญิง ที่ข้าพเจ้ารับรู้ถึงความติดดินในตัวของเธอ

พี่มีลูกสาว 2 คนลูกชาย 1 คน ....ลูกที่ทำให้พี่รู้สึกดี ลูกที่ทำให้พี่รู้สึกผิดหวังในชีวิตของพี่น้อยลง

ลูกสาวคนโตของพี่... เป็นเด็กฉลาดนะ...แม้นว่าจะพลาดโอกาสทองบางห้วงเวลาของชีวิตตัวเองไป แต่ข้าพเจ้าก็เชื่อว่า....เวลาอีกเช่นกัน จะช่วยเยียวยาความสำเร็จในชีวิตของเธอได้ และมันก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม....  ข้าพเจ้าเชื่อมั่นเช่นนั้นจริง ๆ

ลูกสาวคนรอง  เธอเป็นเด็กขยันและ ข้าพเจ้ารับรู้ได้ว่า...เด็กคนนี้จะฉีกกฎเกณฑ์ทางสังคมบางอย่างของเด็กอักษรศาสตร์ จุฬาฯที่ข้าพเจ้าเคยได้ยินมา.... เพราะด้วยความเป็นเด็กชนบท รับรู้เศรษฐานะของครอบครัว รู้จักตัวเอง และเข้าใจชีวิต... ข้าพเจ้าจะรอชื่นชมหลานสาวคนนี้พร้อมกับพี่ด้วย...เช่นกัน

ลูกชายคนเล็ก    เค้าคือตัวแทนของพี่...  เหตุที่ข้าพเจ้าคิดเช่นนี้  เพราะตัวข้าพเจ้าเอง ก็มีลูกชายเช่นกัน ข้าพเจ้าคิดเสมอว่า...ลูกชายคือตัวแทนของพ่อ  และเมื่อพ่อลาลับจากโลกนี้ไปเค้าจะเป็นตัวแทนของเรา ที่จะช่วยปกป้องน้องสาวได้ และดูแลแม่แทนเราได้...... ข้าพเจ้าคิดเช่นนั้น

 

เมื่อพี่มีสิ่งดีดีอยู่รายรอบตัวของพี่แล้ว......  บางครั้งบางทีพี่ควรหันกลับมามองสิ่งเปราะบางในชีวิตของตัวพี่เองด้วย

มันทำร้ายพี่...ทุกลมหายใจเข้าออก มันทำร้ายคนรอบข้าง  ยามใดที่พี่ควบคุมตัวเองไม่ได้ ยามใดที่พี่ใช้มันมากเกินพอเพียงเพื่อความสุขแค่ชั่ววูบ ........ ของพี่เอง   ข้าพเจ้ารับรู้ถึงความโหดร้ายของมันจากตัวพี่

..

พี่รู้มั้ย!!วันไหนที่พี่กลับมาเยี่ยมบ้าน มาหาพ่อและแม่  ...ข้าพเจ้ารู้สึกดีใจแค่ไหน!!ที่จะได้เห็นหน้าพี่ และสมาชิกในครอบครัวของพี่ แม้กระทั้งคนในครอบครัวของข้าพเจ้าเอง...ก็เช่นกัน

..

และถึงวันนี้....ความรู้สึกของข้าพเจ้าที่มีต่อตัวพี่ชายก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงลดน้อยถอยลงเลย  พี่จะยังคงเป็นพี่ชายของข้าพเจ้าเสมอ  และข้าพเจ้าจะรู้สึกดีต่อพี่ชายคนนี้ของข้าพเจ้ามากขึ้นเป็น....ร้อยเท่าทวีคูณ 

หากวันใดที่พี่เลิกเหล้าได้...    เพราะมันทำร้ายพี่ มันทำให้พี่บอบช้ำมามากแล้ว และยิ่งกว่านั้นมันยังทำร้ายครอบครัวของพี่ รวมทั้งข้ามเข้ามาทำร้ายความรู้สึกดีดีของสมาชิกในครอบครัวข้าพเจ้าด้วยเช่นกัน

..

..

ไม่มีวันไหนหรอกนะพี่ชาย...ที่มันจะสายเกินไป

ข้าพเจ้าจะรอวันนั้น... วันที่ครอบครัวของข้าพเจ้าจะได้แวะไปหาพี่ทุกครั้งที่เราผ่านชุมพร เพื่อเดินทางไปต่อไปยังบ้านของแม่น้องดวงใจที่ชลบุรี    ข้าพเจ้าอยากเห็นภาพความสุขอย่างวันวาน ภาพของรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความรู้สึกดีดี ที่สมาชิกระหว่างครอบครัวของเรามีให้กัน

...

..

ข้าพเจ้าจะรอวันนั้นนะ…และข้าพเจ้ายังเชื่อเสมอว่า....พี่ทำได้

คำสองคำนี้มันมีค่าระหว่างเราพี่และน้องมากนะ

รักพี่…

ขอให้พี่รักตัวเองและสิ่งดี ดีที่ขาดหายไปในชีวิตของพี่...จะตามเข้ามาหาพี่....อย่างพรั่งพรู

 



ความเห็น (11)

เป็นความทรงจำดีๆๆ

ที่ไม่อาจลืมเลือนได้จริงๆๆ

ขอบคุณมากๆครับสำหรับบันทึกดี

สบายดีไหมครับ

ด้วยความระลึกถึงครับอาจารย์

สบายดี ตามอัตภาพครับ...อาจารย์คงเช่นกันใช่มั้ยครับ..

อย่าลืมถ่ายรูปกับพี่ใหญ่มาให้ดูเยอะ ๆ นะครับ ฝากความระลึกถึงท่านด้วยนะครับ

..

ขอบคุณอาจารย์มากครับ

  • ขอบคุณบันทึกที่อบอุ่น อ่านแล้วคิดถึงครอบครัวตนเองพี่น้องสิบคนซึ่งต่างมีทางเดินคนละทิศ...
  • ขอให้พี่ชายเลิกเหล้าได้เร็ววันนะคะ

ขอบคุณครูธรรมทิพย์มากนะครับ

...

ต้องขอโทษครูด้วยนะครับที่ไม่ค่อยมีโอกาสอ่านบันทึกดีดี ของครู เนื่องจากเหตุของบ้านอยู่ในสวน

ด้วยความระลึกถึงครูนะครับ

ขอบคุณ คุณตะวันดินมากนะครับ

ด้วยความระลึกถึงครับ

... ความหลัง..เรื่องราวดีดี...บางครั้ง...ลืมไม่ลง นะคะ .... เป็นความทรงจำดีดี นะคะ ...

ขอบคุณบันทึกดีดีนี้ค่ะ

สัมผัสความรัก ความปรารถนาดีต่อกันมิเสื่อมคลาย .... ในสายสัมพันธ์สายโลหิตนะคะ

สวัสดีค่ะคุณแสงฯ

เป็นบันทึกที่อ่อนโยนและสัมผัสได้ถึงความรู้สึกจริงๆค่ะ

ชื่นชมมากค่ะ...เป็นครอบครัวที่อบอุ่น น่ารักนะคะ...

ถ้าสังคมไทย เป็นแบบนี้

ทุกครอบครัว รัก ห่วงใย เอื้ออาทรกัน

ประเทศไทย คง สงบสุข และ ร่มเย็นนะคะ

คุณแสงครับ เป็นบันทึกที่งดงามมาก

ขอให้สื่อ และบรรลุถึงเป้าหมายที่ตั้งใจนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท