"พืชและสัตว์.. ฉลาดกว่าที่เราคิด"


เมื่อเราเป็นเด็ก เราคงได้คลุกคลีอยู่กับสภาพแวดล้อม..แต่มุมมองในสมองเราเห็นมันแค่ภาพที่ปรากฏที่ไม่ได้คิดซับซ้อน ย้อนหาเหตุ และตั้งคำถามในใจตน พออายุมากขึึ้น ได้เครื่องมือในการเรียนรู้โลก (ภาษา วิธีคิด การถ่ายทอด) เราเริ่มมองธรรมชาติละเอียดขึ้น...ทำให้รู้สึกทึ่งในระบบของพวกมันและน่าเคารพกับการปรับตัวให้อยู่กับโลกมานาน

 

จึงทำให้นึกถึงคำพูดของค้านท์ว่า "ทุกสิ่งดำรงอยู่ในตัวเอง" (Things-in-themselve) จึงทำให้ย้อนกลับหาธรรมชาติรอบตัวและไตร่ตรองมากขึ้น จึงทำให้ต้องพินิจในสิ่งแวดล้อมรอบตัวและสังเกตเห็นผลของมัน..สิ่งเหล่านั้น คือ "สัตว์และพืช" พวกมันคือ สิ่งมีชีวิตเหมือนมนุษย์ แต่ใยเราจึงมองว่า เราฉลาดหรือประเสริฐกว่าพวกมัน.. เราเรียนรู้วงจรและความมหัศจรรย์ของพวกมันหรือไม่..

 

ผู้เขียนจำได้สมัยเด็กไปเก็บผลไม้ต่างๆ ตามป่า ตามฤดูกาล และจับสัตว์ต่างๆ มาเป็นอาหาร.. ตามสัญชาตญาณ ไม่มีความคิดอะไรนอกจากคิดว่า พวกมันคือ อาหารเรา..แต่พอโตขึ้นความคิดดังกล่าว..กลับเป็นการคิดตั้งคำถามและรู้สึกเคารพพวกมัน ยิ่งกว่านั้นคือ รู้สึกทึ่งในความดำรงอยู่ได้ในโลกนี้มายาวนาน..เกิดการเทียบเคียงกับชีวิตมนุษย์ที่เพิ่งคลอดมาบนโลกนี้..

 

เมื่อได้อ่านงานของชาร์ล ดาร์วิน (Evolution Theory) ยิ่งมองเห็นวิวัฒนาการของสรรพสิ่ง..ที่พัฒนามาอยู่บนโลกนี้อย่างสุดทึ่ง (Amazing!)ยิ่งได้หลักการคิดจากหลักพุทธศาสนาในแง่จิต วิญญาณ การเกิด การดับ การเชื่อมโยงแห่งภพ ยิ่งทำให้คิดถึงระบบการเกิด การพัฒนา การดับ ของสรรพสิ่งที่เชื่อมโยงกันในมิติลี้ลับ..โดยมีกฏต่างๆอยู่เบื้องหลัง

 

สิ่งมีชีวิตทั้งหมดดำเนินไปตามกฎของแรงโน้มถ่วง กฎแห่งกาล กฏแห่งกรรม และกฏแห่งเหตุและผล..ยกตัวอย่าง "ต้นมะม่วง" พืชส่วนใหญ่จะปรับตัวเองตามกาล คือ ฤดูกาล หนึ่งฤดูกาลมีสามฤดูคือ ร้อน ฝน หนาว (ตามท้องถิ่น) พืชจะปรับตามฤดู ในช่วงร้อนมันจะผลัดใบและงอกกิ่ง แตกใบ ในขณะนั้นก็จะสะสม เตรียมตัวในออกดอก ออกผล จากนั้นฤดูฝนก็จะตามมา ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ของอาหาร น้ำ ปุ๋ยจากใบของตนที่กรอบแห้งสลายกลายเป็นดิน..

 

เมื่อฝนตกมา ก็สอดคล้องกับพฤติกรรมของพืชที่ออกลูก เพื่อรับกับความอุดมสมบูรณ์ของอาหาร เพื่อเลี้ยงลูกของตน เหมือนกับพฤติกรรมของสัตว์ทั้งหลายด้วย เมื่อถึงหน้าฝน มันจะออกไข่ขยายลูกของตน..พืชสัตว์รู้ได้อย่างไรกับกาลวิถีนี้ คำตอบคือ เพราะพวกมันได้รับจากบรรพบุรุษและสัญชาตญาณที่พ่อแม่ถ่ายทอดให้หรือไม่ก็เรียนรู้เองจากเวลาที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปทุกๆปี

 

 

ในขณะพืชหรือสัตว์บางชนิดไม่ได้ดำเนินตามนี้ อาจดำเนินไปตามฤดูกาลอื่นๆ แตกต่างกัน ทั้งหมดนี้ ใครสอนมัน ใครเสี้ยมสอนให้พวกมันจดจำได้ และมันมีสมอง มีกล่องความจำและความคิดได้อย่างไร น่าคิดมาก ส่วนที่บอกว่า พวกมันดำเนินไปตามกฏ หมายถึง โลกมีแรงโน้มถ่วงที่ดึงสรรพสิ่งให้เกาะฝังรากลงตามโลกวิถี เช่น มีรากงอกยึดตัวเอง มีหัวใจ (สัตว์) เอาไว้สู้กับแรงโน้มถ่วงของโลก มิให้เลือดตกต่ำหรือหยุดนิ่ง

 

กฏแห่งกาล มาจากกาลเวลา มืดและสว่าง สัตว์และพืชจะปรับตัวเองตามเวลากลางวัน กลางคืน ต้องแสดงพฤติตามกาลเวลา เช่น เต่าออกไข่ในวันแรม ปะการังออกไข่ ค้างคาวออกหากินยามค่ำคืน แมลงออกหากินตามกาลเวลาเช่นกัน และต้องปรับตามฤดูกาลด้วย เช่นเดียวกับมนุษย์

 

กฏแห่งกรรม หมายถึง การแสดงพฤติกรรมของพืชและสัตว์ ที่ต้องอาศัยกายและเจตจำนงแสดงออกตามสภาพแวดล้อม เพื่อตอบสนองการอยู่รอดของตน เมื่อการแสดงหรือกิริยาการกระทำของพืชและสัตว์ ย่อมมีผลลัพธ์คือ ไม่ดีหรือผิดพลาด หรือมีผลดี เช่น สัตว์ออกมาร้องเรียกหาคู่ ในหน้าฝน ย่อมเป็นที่สังเกตุได้ จนถูกจับกิน เพราะการแสดงออกของตนเป็นเหตุ สัตว์วิ่งเร็วหนีศัตรูจึงรอด นั่นเพราะแรงกระทำตน

 

สัตว์และพืชแสดงพฤติกรรมออกมาโดยออกลูก ออกดอก แล้วเชื้อเชิญแมลงมาตอมมากิน แต่เราอาจไปเด็ดหรือทำลายมันมาเป็นอาหาร แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งสัตว์และพืชก็มีวิธีรับมือหรือเตรียมการตอบโต้เอาไว้แล้ว เช่น ออกลูกให้มาก มีภูมิคุ้มกัน เช่น มีพิษ มียาง มีรสเข็ม เผ็ด มีเปลือกแข็งฯ

 

บางทีมายากรรมก็เกิดขึ้นด้วย เช่น พืชรู้จักใช้สัตว์ แมลงขยายพันธุ์ หรือผสมเกสรให้ ในขณะสัตว์ก็บังคับให้พืชตอบสนองตนเองเช่นกัน โดยทำหน้าที่ป้องกัน เป็นการตอบแทน หรือกรณีสัตว์ที่แสดงออกแบบพึ่งพาอาศัยกันในท้องทะเลลึก วิธีเช่นนี้เรียกว่า กรรมวิธีที่ฉลาดในการเอาตัวรอด ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และปัญญาของพืชและสัตว์ ดังนั้น พวกมันมิได้โง่อย่างที่เรากล่าวกัน

 

ส่วนที่เป็นไปตามเหตุและผล คือ สัตว์และพืชย่อมอาศัยเหตุเป็นจุดในการวางรากฐานให้ตนเองดำรงชีวิตอยู่บนโลกไปยาวนาน เช่น พืชรู้ดีว่า แสงคือ เหตุแห่งความเจริญโตของตนจึงต้องแสวงที่เหมาะสมในการรับแสง แม้อยู้ใต้ดินก็ต้องดิ้นเพื่อรับแสง อยู่ใต้น้ำก็ต้องโผล่หาแสง อย่างที่ยกตัวอย่าง (มะม่วง) มันปรับตัวด้วยรู้เหตุและผลที่จะเกิดกับลูกและตนเองอย่างไร

 

ทั้งหมดนี้ ยังต้องพึ่งหลักการแข่งขันกันอีกด้วย เมื่อเห็นหลักการดำรงชีวิตเช่นนี้ สัตว์และพืช ที่แน่นิ่ง ไม่พูด ไม่แสดงออก อย่างที่เราแสดงนั่น มิได้แปลว่า พวกมันเป็นใบ้ แต่พวกมันพูดสื่อสาร ยิ่งกว่าพวกเราอีก มันยังโทรสัพท์ติดต่อกัน และมอบกล่องปัญญา และอาหารให้ลูกเดินทางไกลด้วย ที่น่าทึ่งสุดคือ มันถ่ายทอดพฤติกรรมที่พ่อแม่กระทำมาก่อนให้ลูกได้อย่างไร ทำไมลูกสัตว์และพืชจึงแสดงพฤติกรรมออกมาเหมือนก๊อบปี้พ่อแม่ทุกอย่าง

 

เห็นทีทฤษฎีแบบ (Ideal theory) ของเพลโตคนผิดเป็นแน่ เพราะบอกว่า สรรพสิ่งที่เลียนแบบมา ย่อมไม่มีความเป็นจริงหรือเหมือนแบบต้นฉบับแน่นอน แต่พืชและสัตว์ได้แสดงพฤติกรรมเช่นนี้มาก่อนเพลโตเกิดซะอีก

ดังนั้น ผู้เขียนทึ่งกับพืชและสัตว์ที่แสดงพฤติกรรมต่อโลกอย่างชาญฉลาดยิ่ง เราควรจะศึกษาและเคารพพวกมันหรืออาจต้องเรียนรู้ ล้วงเอาความจริง ความรู้จากพวกมันมาใช้ ในการปรับตัวของพวกเราให้ได้..มิใช่แค่นำมาเป็นอาหารเท่านั้น

 

หมายเลขบันทึก: 553947เขียนเมื่อ 19 พฤศจิกายน 2013 08:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 พฤศจิกายน 2013 06:02 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

พืชและสัตว์ได้แสดงพฤติกรรมเช่นนี้มาก่อนเพลโตเกิดซะอีก...


ขอบคุณบันทึกดีดีนี้ นะคะ

พืช สัตว์ เราไม่ทราบเลยว่า เขาค้นหา และ มุ่งกตัญญูต่อผู้สร้างเขามาจากต้นจนมาเป็นปัจจุบัน จรรโลงเขา หรือไม่

แต่เราเป็นมนุษย์ที่มีความเป็นเลิศในหลากหลายด้าน. ใยจะเร่งยอมแพ้แก่ พืชและสัตว์ล่ะ

กินเจ. อิ่มบุญ หรือ ทรมานชีวิตกันแน่

ฆ่าหมู1ตัว นำเนื้อวางไว้. เนื้อนั้นก็จะเน่าเปื่อยผุพัง ย่อยสลายภายนอกในที่โล่งไปเอง. มิได้เพิ่มหมูขึ้นมาเพิ่มได้. เพราะ หมูตายแล้ว

เด็ดผักแล้ววางไว้. เปลี่ยนใจไม่ผัด เอาไปเก็ยไว้จะเย็นหรืออุณหภูมิปกติก็ตาม เอาไปทิ้งลงดิน. ผักเจริญเติบโตแตกใบแตกยอดขยายพันธิ์ได้ เพราะ พืชยังไม่ตาย. ผักแห้งๆ ผักเก่าๆในตู้เย็นในครัว. ลงดินล้วนเกิดการเจริญเติบโตได้. ปัจจุบันเห็นแล้ว รู้แล้วว่า. พืชยังไม่ตายแม้อยู่ในครอบครองของมนุษย์.

แล้วสนุกสนาน อิ่มบุญกันจริงแล้วหรือ ที่โยนสิ่งมีชีวิตที่เติบโตช้า เคลื่อนที่ช้า หนีอันตรายไม่ได้ สมดุลย์ออกซิเจน คารบอนไดออกไซด์ให้มนุษย์ให้บรรยากาศ. ลงในกระทะร้อนๆ ไฟแรงๆ น้ำมันเดือดๆ. มันอิ่มบุญจริงแล้วหรือนั่น เคยตรองกันบ้างไหม

มิได้ยุยงให้เลิกกินผัก. แต่ขอจุดประกายในปัญญาธรรมแก่เพื่อๆธรรมทุกๆคนไว้ในวันนี้ว่า. จะบริโภคผักก็บริโภคเถิด. แต่พ้นจากบันเทิงจากจากอีเว้นท์ จากตำรามนุษย์กันเองแต่งขึ้น การเสพวรรณกรรมว่าได้บุญ ว่าไม่ต้องฆ่าสัตว์. นั่นคุณก็ยังเข้าสู่หนทางแห่งการทรมานสิ่งมีชี้วิตทั้งเป็นอยู่รู้กันบ้างไหม. แล้วผู้ดีงามที่ท่านว่าเขาแนะนำ. แน่ใจแล้วหรือว่าแนะให้ท่านได้บุญ(พนัน) มีบารมี(พึ่งพาบารมี)

ยังมีอีกหลายเรื่อง. ที่จะนำมากล่าว. เพราะมันคือความจริง ที่ท่านๆถูกปิดกั้น. และหลงกันอยู่.

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท