สุทธิชัย หยุ่น เขียนไว้ครับ
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=574687
Osho นักปราชญ์ชาวอินเดียเป็นผู้เขียน เรื่องมีอยู่ว่า ...
ในอินเดียมีสุภาพสตรีผู้หนึ่งชื่อว่า สกุนตลา เธอได้เดินทางไป
รอบโลกและได้เยือนมหาวิทยาลัยแทบทุกมหาวิทยาลัย เพื่อสาธิตการใช้ปัญญาญาณของเธอ เธอมีการศึกษาแค่ระดับมัธยมปลาย และเธอก็ไม่ใช่นักคณิตศาสตร์
ในช่วงที่ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ยังมีชีวิตอยู่นั้น เธอได้เคยเข้าไป
สาธิตเรื่องนี้ต่อหน้าของเขา ด้วยการนั่งอยู่หน้ากระดานดำในมือถือชอล์กอยู่ให้คนตั้งโจทย์อะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับวิชาคณิตศาสตร์ บางครั้งขณะที่ยังถามไม่ทันเสร็จ เธอก็เริ่มเขียนคำตอบลงบนกระดานดำแล้ว
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ได้มอบวุฒิบัตรให้กับเธอ และเธอก็เคย
โชว์วุฒิบัตรนี้ต่อข้าพเจ้า ( Osho - ผู้เขียน) เมื่อครั้งที่ข้าพเจ้าเดินทางไปยังเมืองมัทดราส ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเธอ เธอได้นำวุฒิบัตรมากมายมาให้ ข้าพเจ้าดู และหนึ่งใบนั้น ก็คือใบที่ไอน์สไตน์เขียนไว้ว่า
"ข้าพเจ้าได้ให้สุภาพสตรีท่านนี้แก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ซึ่ง
โดยปกติแล้ว ข้าพเจ้าจะต้องใช้เวลาถึง ๓ ชั่วโมงในการแก้ปัญหาตามกรรมวิธี ตามขั้นตอน สำหรับผู้ที่ไม่เคยแก้ปัญหาทำนองนี้ อาจต้องใช้เวลาถึง ๖ ชั่วโมง มีวิธีทำที่ยาวจนต้องเขียนเต็มกระดาน ไม่มีทางที่จะกระโดดข้ามขั้นตอนเข้าไปหาคำตอบได้เลย ..."
แต่แล้วไอน์สไตน์ก็ต้องแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะขณะที่เขา
เขียนโจทย์ยังไม่ทันจะเสร็จ สกุนตลาก็เริ่มเขียนคำตอบลงบนกระดานแล้วไอน์สไตน์งงมากและคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้
เขาถามเธอว่า "คุณทำได้อย่างไร ? สกุนตลา ตอบว่า "ไม่รู้
เหมือนกันว่าฉันทำได้อย่างไร มันเป็นสิ่งที่อยู่ดี ๆ ก็ผุดขึ้นมา พอคุณตั้งโจทย์ ตัวเลขต่าง ๆ ก็ปรากฏแก่ฉัน ฉันเห็นเลขต่าง ๆ เต็มไปหมด ฉันก็ได้แต่เพียงแค่เขียนตามมันไปเรื่อย ๆ เท่านั้น"
สุภาพสตรีผู้นี้เกิดมาพร้อมกับปัญญาญาณที่ทำงานอยู่ในตัว
ของเธอ (ปัญญาญาณ หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า "Intuition" หรือภาษาไทยว่า "การรู้แบบปิ๊งแว้บ" - ผู้เขียน)
แต่ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเหลือเกิน ที่เธอทำหน้าที่เป็นเพียงแค่
ผู้ที่สาธิตเรื่องดังกล่าวเท่านั้น ไม่มีใครสนใจว่า ผู้ที่มีปัญญาญาณระดับนี้สามารถเข้าถึงสภาวะแห่งการรู้แจ้งได้ง่ายมาก ไม่มีใครตระหนักในเรื่องนั้นทุกคนมัวแต่ไปให้ความสนใจในประเด็นที่เห็นว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาดของธรรมชาติมากกว่า
(สรุปว่า สกุนตลาสามารถแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ได้รวดเร็ว
มาก สามารถให้คำตอบได้ทันที เร็วกว่าไอน์สไตน์ ซึ่งปกติไอน์สไตน์จะต้องใช้เวลาแก้ปัญหาถึง ๓ ชั่วโมง จึงเป็นผู้ที่เก่งกว่า - ผู้เขียน)
"เวท" แปลว่า ความรู้ และ "คณิต" แปลว่า คำนวณ "เวทคณิต"
แปลว่า ความรู้แห่งการคำนวณ เป็นคัมภีร์โบราณในการคิดเลขเร็วของอินเดีย ประกอบด้วยสูตร ๑๖ สูตรที่เกี่ยวกับการ บวก ลบ คูณ หาร และนิขิลัมสูตร อันเป็นสูตรการแปลงจำนวนซึ่งประกอบด้วยเลขโดดหลายตัวที่มีค่าเกินกว่า ๕ ให้เขียนอยู่ในรูปซึ่งมีเลขโดดที่มีค่าไม่เกิน ๕ จะทำให้การคำนวณง่ายขึ้น
เวทคณิต เป็นสาขาหนึ่งของอถรรพเวท ซึ่งเป็นหนึ่งในพระเวท
ทั้ง ๔ ได้แก่ ฤคเวท สามเวท ยชุรเวท และอถรรพเวท
ท่านมหาริชีโยคี (MAHARISHI MAHESH YOGI) ได้เก็บ
รวบรวมนัยสำคัญของความรู้เวทศาสตร์โบราณไว้ได้อย่างสมบูรณ์ ทั้ง
ภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ และได้รวบรวมขึ้นเป็นรูปแบบของวิทยาศาสตร์ที่สมบูรณ์
ศาสตราจารย์ K. William แห่งกรุงลอนดอน นอกจากจะทำ
เวทคณิตไปเป็นเครื่องมือการคำนวณในวิชาแคลคูลัสแล้ว ยังได้กล่าวว่า
"ผมเห็นศักยภาพอย่างไม่มีขีดจำกัดในเวทคณิต"
ดร. R. Briggs แห่งโครงการอวกาศนาซา แคลิฟอร์เนีย เมื่อนำ
เวทคณิตไปสอนให้คอมพิวเตอร์คำนวณ ในโครงการอวกาศองค์การนาซาแล้ว ก็อดจะกล่าวไม่ได้ว่า "เป็นเรื่องที่ยั่วยวนใจจริง ๆ นักคิดชาวอินเดียเสมือนดั่งนักวิทยาการคอมพิวเตอร์ โปรดอย่าลืมว่าในความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ของชาวอินเดียนั้น สิ่งหนึ่งคือ การคิดค้นเลข ๐ และตัวเลขระบบฐาน ๒ ก่อนหน้าชาวยุโรป ถึง ๑,๐๐๐ ปี"
SSG (SPIRITUAL STUDY GROUPS) ทำวิจัยในการเรียน
เวทคณิตแล้วพบว่า "ฝึกฝนเวทคณิต ๒ ชั่วโมงต่อวัน เป็นเวลา ๑๑ เดือนมีความรู้เทียบเท่าศึกษาคณิตศาสตร์หลักสูตรธรรมดาเป็นเวลา ๑๒ ปี" SSG ทำนายไว้ว่า "ถ้าเวทคณิตนำไปใช้สอนทุกโรงเรียนในประเทศใด คอมพิวเตอร์จะพัฒนาอย่างรวดเร็วในประเทศนั้น"
(ตัวแดงนี้คือแรงจูงใจที่นำมาเสนอไว้ให้อ่่านกัน อาจสร้างแรงบันดาลใจให้บางท่านได้บ้างครับ)
บทสรุป
การที่สกุนตลา มีความสามารถเป็นเลิศในทางคณิตศาสตร์นั้น
เห็นว่าได้ใช้วิชาอย่างน้อย ๒ วิชาด้วยกัน ได้แก่ เวทคณิต (VEDIC MATHEMATICS) และปัญญาญาณ (INTUITION) หรือความรู้แบบปิ๊งแว้บ ซึ่งทั้ง ๒ วิชานี้ ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกันในประเทศไทยนัก ควรที่จะได้หันมาสนใจวิชาโลกตะวันออกให้มากขึ้น และพัฒนาเพื่อเป็นรากฐานในการนำไปใช้พัฒนาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ของไทยให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศต่อไป
ไม่มีความเห็น