หลายวันที่ผ่านมานั้น....นั่งนึกถึงความสุขของตัวเองที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
หนึ่งในนั้นคือ....ภาพรอยยิ้มของแม่ และแววตาของพ่อ
วันที่ชวนแม่กับพ่อ พร้อมกับลูกสาว มาร่วมงานบุญของวัดวัดหนึ่งที่อยู่ใกล้บ้าน
..
ข้าพเจ้าเห็นแม่กุลิกุจอแต่งตัวเมื่อรับรู้ว่า...ข้าพเจ้ามาชวนแม่ไปงานบุญงานกุศล
ในขณะที่พ่อ....ซึ่งนั่งอยู่ใต้ศาลาหน้าบ้าน ...
ได้แต่นั่งพูดอยู่ในลำคอ...
..
แต่ข้าพเจ้าก็จับใจความได้ว่า...."อึม!!แม่มึงไปเถอะ กูฝากบุญกุศลไปกับแม่มึงก็แล้วกัน"
..
ข้าพเจ้าอ่านคำพูดที่ออกมาจากลำคอของพ่อได้
..
..
ปีนี้พ่อ อายุ 84 ปีแล้ว แม่ก็อายุกว่า 70 ปีแล้ว
พ่อบ่นกับลูกเสมอ ๆ ว่า....เวลาเข้าสวนไปทำโน่นทำนี่ ก็จะรู้สึกหน้ามืด คล้ายจะเป็นลมอยู่บ่อย ๆ
แม่ก็เช่นกัน...ก็จะบ่นเรื่องสุขภาพให้กับลูกฟังเสมอ ๆ
..
..
ข้าพเจ้า เคยพูดเรื่องของความไม่เที่ยงแท้ของสังขาร กับพ่อและแม่อยู่หลายครั้ง
ความว่า...
"พ่อกับแม่ อายุมากแล้ว ไม่ว่างานในสวน หรืองานในบ้าน ขอให้ทำตามกำลังของเรา สวนนั้นมันมีอะไรที่ต้องทำมากนัก งานในบ้านก็เช่นกัน มีอะไรที่แม่และพ่อต้องทำมากมาย ชีวิตบั้นปลายของพ่อและแม่นั้น ต้องคิดถึงความสุขที่ผ่านเข้ามาในชีวิต อย่าเป็นห่วงหรือคาดหวังสิ่งใดมากเกินจำเป็น อายุของพ่อและแม่มากเกินกว่าที่จะทำอะไรเป็นกิจลักษณะแล้ว
..
ขอให้ทำงานเพียงเพื่อไม่ให้ชีวิตเปลี่ยวเหงา อีกหน่อยเมื่อถึงวันที่เราละสังขารจากโลกนี้ไป เราก็จะไปอย่างไม่มีห่วง ....
..
ให้อยู่ดูการใช้ชีวิตของลูก ๆ อยู่ดูความสำเร็จของหลาน ๆ อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับครอบครัวของเราก็พอ ...
..
คนเราเกิดมาคนเดียว เมื่อเราละสังขารไปจากโลกนี้ เราก็ไปคนเดียว มิมีสิ่งอื่นใดที่เราเอาติดตัวไปได้ นอกจากบุญกุศลและความดีในชีวิตของพ่อและแม่ที่ได้ทำเอาไว้
..
..
ข้าพเจ้าพูดเช่นนั้นกับท่านจริง
รู้ทั้งรู้ว่า...ท่านก็คิดได้ คิดเป็น...
แต่คำพูดของข้าพเจ้า คือความรักความห่วงใย ที่ลูก ๆ ของพ่อและแม่อยากพูดให้ท่านฟัง
..
ข้าพเจ้ายังพูดต่ออีกว่า...
"แม่และพ่อ..พึงระลึกอยู่เสมอ ไม่ว่าพ่อกับแม่เป็นอะไรไปก็ตาม ขอให้แม่และพ่อนึกถึงบุญกุศลที่ได้ทำไว้ในชีวิต และห้วงสุดท้ายของชีวิตกับสติและลมหายใจของพ่อกับแม่ที่ยังมีอยู่ นึกถึงบุญกุศลที่เราเคยสร้างไว้ หรือง่าย ๆ ก็นึกถึงพระพุทธรูปที่พ่อกับแม่สร้างถวายวัดในหมู่บ้านก็ได้นะ....ข้าพเจ้ารู้ถึงความสุข และบุญกุศลที่พ่อกับแม่ได้ทำไว้....."
..
..
แม่แต่งตัวสวยสมวัยของแม่ ก่อนออกจากบ้าน ข้าพเจ้าเห็นแววตาของพ่อ ที่นั่งมองแม่อยู่ใต้ศาลา พร้อมกับเสียงพูดของพ่ออยู่ในลำคอ....ข้าพเจ้ารู้ได้ทันทีว่า...พ่อพูดพร่ำสิ่งใด
...
...
พ่อนั่งสวดมนต์ ส่งจิตของพ่อไปกับแม่นั้นเอง..
..
..แม่พูดกับข้าพเจ้าในรถว่า....เดี๋ยวจะติดเงินในพุ่มกฐินให้พ่อมึง..
..
..
ความสุขเล็ก ๆ ที่ข้าพเจ้าพร้อมกับลูกสาว ได้พาแม่ไปงานบุญที่วัดแห่งนี้
..
ข้าพเจ้ารับรู้ถึงความสุข ในบั้นปลายของชีวิตที่แม่และพ่อได้รับ
มันเป็นความสุขกันคนละแบบ...ระหว่างแม่และพ่อ
..
..
เมื่องานบุญสิ้นสุดลง..
กลับถึงบ้าน..
..
ข้าพเจ้าเห็นพ่อยังคงนั่งอยู่ใต้ศาลาที่เดิม
เมื่อส่งแม่ลงจากรถ...แม่พูดกับข้าพเจ้าว่า..
วันนี้ได้เดินรอบโบสถ์ 3 รอบ ได้รำหน้ากองยาว ได้ติดพุ่มกฐินในโบสถ์ ได้ฟังพระท่านสวดมนต์ให้ศีลให้พร
..
ลูกดูเท้าแม่ซิ!!
....โรคเก่าของแม่ที่แม่บ่นเสมอ ๆ กับลูก ๆ .....วันนี้ไม่ปวดไม่เจ็บเลยลูกเอ๋ย....
..
ข้าพเจ้ามองหน้าแม่ แล้วยิ้มให้แทนคำพูดของข้าพเจ้า
แล้วหันหลังไปบอกกับพ่อว่า....แม่เอาบุญมาฝากพ่อแล้วนะ...รับไปนะพ่อ
...
เป็นวันที่ข้าพเจ้าได้เห็นรอยยิ้มของแม่.... ได้เห็นความสุขจากแววตาของพ่อ
..
ข้าพเจ้ารับรู้ถึง ความสุข ที่ข้าพเจ้า กับลูกสาว ได้สร้างขึ้นให้กับครอบครัว ไว้อีกวันหนึ่งของชีวิต
อนุโมทนาบุญด้วยครับ
ครอบครัวดูสงบ เย็น นะครับ
ขอบคุณคุณ พ. มากนะครับ
พ่อกับแม่แข็งแรงมากเลยครับ
ดีใจที่พบว่าท่านมีความสุขกับการทำสวนเหมือนแม่ผมเลย
ขอบคุณมากครับ
อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ
ทั้งสองท่านน่ารักนะคะ ดูอิ่มบุญ อิ่มใจ
เพราะพ่อแม่ดี ลูกจึงมีส่วนดีมากๆ
และเพราะลูกหลานดี พ่อแม่จึงมีรอยยิ้มแบบนี้ค่ะ .... น่าปลื้มใจนะคะ ที่มีครอบครัวน่ารักแบบนี้ค่ะ
คุณพ่อคุณแม่ของดิฉันก็เช่นกันค่ะ
คุณพ่อในวัย 73+ จึงมีความสุขกับการอ่านหนังสือ เขียนหนังสือ เขียนบทหนังตลุงที่ท่านสอดแทรกอะไรดีๆ ลงไปมากมาย
มีความสุขกับการได้ดูแลต้นไม้เล็กต้นไม้น้อยของท่าน การชมลูกชมหลาน...
ส่วนคุณแม่ท่านบุญมากเลยจากปีตั้งแต่ท่านอายุเพียง 44 ปีค่ะ ... แต่คำสอน ตัวอย่างที่เคยปฏิบัติให้ลูกดู แนวคิดของท่าน ก็ยังอยู่ในตัวลูกๆ ทุกคนค่ะ
ขอบคุณบันทึกแห่งความสุขค่ะ
สุข-ทุกข์..อยู่ที่ใจไม่ต้องหา...ถ้าหา.."พระท่านว่าจิตปรุงแต่งเป็นทุกข์"...ขอบคุณครับ..
ภาพที่มีคุณค่าและความหมาย มากๆนะคะ
ขอบคุณบทความดีดีนี้ค่ะ
-สวัสดีครับ...
-ขอบคุณบันทึกพร้อมกับภาพแ่ห่งความประทับใจนี้ครับ..
...อนุโมทนาบุญด้วยนะคะคุณแสง