ตามรอยอัจฉริยะผู้เปลี่ยนโลก 1 : “The Future Isn’t What It Used to Be.”


บันทึกนี้เขียนขึ้นเพื่อวิเคราะห์พัฒนาการของเทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์และไอที เป็นไปเพื่อการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นโดยใช้ข้อมูลจากประสบการณ์ในการทำงาน การค้นคว้าจากหนังสือ และข้อมูลจากโลกออนไลน์ ซึ่งอาจมีข้อผิดพลาดอยู่บ้าง การนำไปใช้อ้างอิงควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งที่เชื่อถือได้อีกครั้งหนึ่งครับ



ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาสำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนักลงข่าวเรื่องการขุดพบ"ไทม์แคปซูล"ที่ สตีฟ จ็อบส์กับทีมงานได้ฝังไว้เมื่อปี 1983 หลังการบรรยายที่ International Design Conference in Aspen (IDCA) จ็อบส์ได้ให้ความหมายของธีมการบรรยายนี้ว่า อนาคตที่จะไม่เป็นเหมือนกับที่มันเคยเป็น The Future Isnt What It Used to Be. ซึ่งพวกเขามีแผนที่จะขุดมันขึ้นมาในอีก 20 ปีหลังจากนั้น แต่การสูญหายของข้อมูลบางอย่างและความเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของสถานที่บริเวณนั้น ทำให้การขุดค้นล่วงเลยเวลามานับสิบปี

สิ่งที่บรรจุอยู่ในแคปซูล (ความจริงคือท่อขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.5 ฟุต ยาว 15 ฟุต) มีตั้งแต่บัตรชื่อผู้เข้าร่วมสัมนา ภาพถ่าย และสิ่งที่เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของปี '80 เช่นเทปแปดแทร็กของเดอะมูดีบลูส์ แคตตาล็อกของห้างเซียร์ โรบัค นิตยสารโว้คฉบับเดือนมิถุนายนปี 1983 ลูกรูบิค ขนมมัฟฟิน เบียร์แพค 6 กระป๋อง และที่สำคัญ Lisa Mouse ที่จ็อบส์ใช้ในการนำเสนออีกหนึ่งตัว



มีเว็บไซต์ของสำนักข่าว เว็บไซต์เกี่ยวกับธุรกิจและเทคโนโลยี บล็อกส่วนตัว รวมถึงแฟนเพจเฟสบุ๊คจำนวนมากที่พูดถึงเรื่องนี้ ยกเว้นในเมืองไทยซึ่งก็น่าจะมีสาวกของแอปเปิลและจ๊อบส์อยู่ไม่น้อยกว่าใครในโลก มันก็เลยอดคิดไม่ได้ว่าแท้ที่จริงแล้วแฟนๆของจ็อบส์ในบ้านเรารู้จักเขาในฐานะของอัจฉริยะผู้นำการเปลี่ยนแปลงโลกไอที หรือแค่เจ้าของไอโฟนกับไอแพดเท่านั้น

หลายๆคนที่เข้ามาให้ความเห็นดูเหมือนไม่ได้ให้ความสนใจในเนื้อหาของสิ่งที่เป็นไทม์แคปซูลเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะบอกคล้ายๆกันว่าเวลาแค่ 20-30 ปีมันไม่นานพอ ซึ่งผมเองไม่ค่อยเห็นด้วยเพราะคิดว่า เนื้อหาของสิ่งที่จ็อบส์ได้บรรยายในวันก่อนที่เขาจะฝังเจ้าไทม์แคปซูลนี้มันน่าอัศจรรย์ และสามารถที่จะเชื่อมโยงเรื่องราวของจ็อบส์ แอปเปิล และการเปลี่ยนโฉมของโลกเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และไอทีไปชนิดที่เรียกว่า"พลิกแผ่นดิน"เลยก็ว่าได้ ส่วนเวลาที่ผ่านไป 20-30 ปีนี่ถ้าเป็นเรื่องทั่วๆไปคงอาจจะเรียกได้ว่า"แป๊บเดียว" แต่สำหรับเรื่องของเทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์นี่มันถือว่าเป็นเวลา"ชั่วกัปชั่วกัลป์"เลยทีเดียว ซึ่งจะได้เอามาคุยกันภายหลังครับ

จะว่าไปแล้วช่วงนี้ก็มีข่าวที่เกี่ยวข้องกับจ็อบส์และแอปเปิลหลายข่าวตั้งแต่เรื่องภาพยนตร์ชีวประวัติของจ็อบส์ที่เข้าฉายเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา การปล่อยไอโฟน 5 รวมถึงเรื่องการที่เนชั่นแนลจีออกราฟฟิกไปขุดไทม์แคปซูลนี่ด้วย

ได้อ่านบันทึกของท่าน ดร.ภิญโญ ที่เขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่อง "Jobs" เอาไว้หลายตอน ครั้งแรกก็เลยไม่กล้าที่จะเขียนบันทึกนี่หรอกครับกลัวว่าจะไปซ้ำซ้อนกัน อีกอย่างผมไม่ใช่สาวกของจ็อบส์หรือแอปเปิล ที่พอจะรู้เรื่องราวอยู่บ้างก็เนื่องจากอยู่ในแวดวงของผู้ผลิตคอมพิวเตอร์มานานพอสมควรแม้จะเป็นส่วนของเครื่องคอมแพตทิเบิล (IBM PC compatible) อย่างไรก็ตาม การที่ต้องติดตามอ่านข่าวสารด้านนี้อยู่ตลอดเวลา มันก็ย่อมจะได้รับข้อมูลที่มันโยงใยถึงกันไปหมดนั่นแหละครับ

แต่หลังจากอ่านบันทึกของท่านแล้วรู้สึกว่าเป็นคนละแนวกับที่ผมอยากจะเขียน อีกทั้งพอมีข่าวเรื่องการขุดพบสิ่งที่พวกเขาฝังไว้และเข้าไปศึกษาสิ่งที่จ็อบส์ได้พูดไว้ในครั้งน้นก็พบว่ามันมีความหมายในเชิงสัญลักษณ์บางอย่างเกี่ยวกับการคาดการณ์โลกไอทีในอนาคต และมันตรงกับความสนใจของผม เลยคิดว่าน่าจะเขียนบันทึกเรื่องนี้เสียหน่อยครับ

ผมมีโอกาสได้ดูภาพยนตร์เรื่อง "Jobs" หรือที่เป็นชื่อภาษาไทยว่า "สตีฟ จอบส์ อัจฉริยะเปลี่ยนโลก" เหมือนกันซึ่งที่จริงก็ไม่ได้ตั้งใจหรอกครับ คุณผบทบ.เธอชวนบอกว่าลูกชายอยากดู เพราะได้อ่านจากหนังสือ(จัดพิมพ์โดยเครือเนชั่น)ไปแล้ว หลังจากได้ข่าวว่ามีคนจะทำเป็นภาพยนตร์ก็เลยติดตามข่าวมาตลอด พอมาเข้าฉายที่ลำปางนี่ก็เลยชวนไปดูด้วยกัน แต่ก็ต้องบอก(อย่างเกรงใจ)ว่าไม่รู้สึกประทับใจอะไรเท่าไหร่ ความจริงเนื้อหาและการดำเนินเรื่องถ้าเราเอาตามชื่อ "Jobs" โดยไม่ต้องตั้งชื่อเป็นภาษาไทยคิดว่าน่าจะเหมาะกับเนื้อหาของหนังที่เป็นเรื่องเล่าของชายคนที่ชื่อสตีฟ จ็อบส์ไล่เรียงไปตามไทม์ไลน์โดยมีจุดที่เป็นหัวเรื่องสำคัญของการนำทางไปสู่การเปลี่ยนแปลงและพัฒนาความเป็นแอปเปิลเกือบจะครบถ้วนเพียงแต่ไม่ได้ฉายให้เห็นภาพของความล้มเหลวหรือความสำเร็จในแต่ละเรื่องแต่ละด้านให้ครบถ้วนชัดเจนเท่านั้น แต่ถ้าจะบอกว่าหนังเล่าเรื่องความเป็นอัจฉริยะที่เปลี่ยนโลกได้ตามชื่อภาษาไทยนั้น ผมว่ายังห่างไกลความเป็นจริงอยู่อีกมาก



ก็ไม่ทราบนะครับว่าคนอื่นๆจะคิดอย่างไร ถ้าเปรียบภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นหนังสือที่เกี่ยวกับจ๊อบส์และแอปเปิล ผมว่าคนดูหยิบมาได้แค่สารบัญกับคำนำเท่านั้น ต้องไปแสวงหาคำอธิบายขยายความจากแต่ละหัวข้อเอาใหม่ มีคนวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องนี้กันมาก ทั้งในเรื่องโปรดักชั่นที่ดูไม่เป็นมืออาชีพ เนื้อหาโดดไปมา รวมๆแล้วส่วนใหญ่บอกว่าดูไม่รู้เรื่อง แต่เมื่อทราบว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังอินดี้ ( Independent film ) ซึ่งก็แน่นอนว่าคนสร้าง ผู้กำกับและคนแสดงก็คงไม่ใช่มืออาชีพเท่าใดนัก แต่ก็ถือว่าเรื่องนี้อยู่ในระดับที่เราพอรับได้ (IMDb : Internet Movie Database ให้คะแนนหนังเรื่องนี้ไว้ 5.6 จาก 10 คะแนน) สำหรับผมนอกจากที่คนอื่นๆคอมเม้นท์ไว้แล้วขอติตอนเดียวคือตอนที่วอซ (Steve Wozniak) ประกอบวงจรเครื่อง Apple I ลงบนแผงวงจรโดยการบัดกรี (soldering) ที่ผิดวิธีซึ่งมันเห็นชัดเจนมาก ไม่รู้จะเปรียบกับอะไร เอาเป็นว่ามันเหมือนกับเราเห็นคนพูดโทรศัพท์โดยเอาหูฟังมาเป็นปากพูดแล้วกลับเอาปากพูดไปเป็นหูฟังแบบนั้นแหละครับ ในเมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยีแล้วให้วิศวกรมือระดับโลกด้านอิเลกทรอนิกส์มาปล่อยไก่เรื่องตื้นๆแบบนี้ มันพูดไม่ออกจริงๆ

เอาเป็นว่าเราจะไม่วิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่จะเอาทั้งหมดที่เราเรียกว่า "สารบัญ" มาเรียงร้อย เพิ่มส่วนที่ขาดแล้วมาตามแกะรอยขยายค้นหาส่วนที่หายไปของแต่ละหัวข้อซึ่งทั้งหมดจะบอกกับเราว่า สตีฟ จ็อบส์ (และแอปเปิล) นั้นเป็นอัจฉริยะที่เปลี่ยนโลกได้จริงอย่างที่ใครๆเขาบอกกันหรือเปล่า ?

คราวหน้าจะมาเล่าถึงวิธีการจับเอายักษ์ให้เข้ามาอยู่ในบ้านกันครับ

After 30 years, lost 'Steve Jobs Time Capsule' finally recovered
http://news.cnet.com/8301-13579_3-57603802-37/after-30-years-lost-steve-jobs-time-capsule-finally-recovered/

The Lost Steve Jobs Speech from 1983; Foreshadowing Wireless Networking, the iPad, and the App Store
http://lifelibertytech.com/2012/10/02/the-lost-steve-jobs-speech-from-1983-foreshadowing-wireless-networking-the-ipad-and-the-app-store/


Jobs (2013)
http://www.imdb.com/title/tt2357129/

หมายเลขบันทึก: 549393เขียนเมื่อ 26 กันยายน 2013 21:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 กันยายน 2013 23:23 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

....ตอนที่วอซ (Steve Wozniak) ประกอบวงจรเครื่อง Apple I ลงบนแผงวงจรโดยการบัดกรี (soldering) ที่ผิดวิธีซึ่งมันเห็นชัดเจนมาก...

They may want to say how savy the founders of Apple were at they made the first Apple computer in a garage --- from a bumble beginning to a leading edge technology now --- they had crossed a big gap.

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท