จะทำงานการใดตั้งใจมั่น
อย่าผลัดวันทำเล่นเช้าเย็นสาย
ไม่ทิ้งคาอากูลมากมูลมาย
เร่งคลี่คลายให้เสร็จสำเร็จการ
(ภาพจาก แฟ้มภาพพุทธทาสภิกขุ 4)
ขอบคุณค่ะที่แวะมา ส่วนทำไมสนใจธรรมะนี่ ขออนุญาตตอบยาวค่ะ : P
ก็ศึกษามาเรื่อยๆ เพราะรู้สึกว่าเราเป็นชาวพุทธ ก็ควรจะรู้ ไม่ได้มีแรงจูงใจอะไรมากค่ะ
พี่เองสนทนาธรรม แก่นศาสนาอื่น ๆ กับกัลยาณมิตร เป็นระยะ ๆ
เชื่อไหมว่าเขา(เพื่อนคนนี้เป็นคาธอลิค)รู้แก่นของศาสนาพุทธ เป็นอย่างดี
(มากกว่าพี่หรือเปล่า?)
สองวันนี้ เขากับพี่ถกกันว่า เนื้อหาแท้ ๆ(part ใหญ่ ๆ) ของศาสนา(ใดก็ตาม)อาจคล้ายกัน แต่ไม่เหมือนกันนัก ทั้งวิถี วิธี และแก่น..โดยเฉพาะ จุดorigin
เขาเชื่อว่า ต้องมีsome thing or some one แน่นอน
พี่ก็เสนอแนวตัวเองว่า ถ้าดูตามวิทยาศาสตร์(แฝงแนวคิดทางพุทธ) ก็คือ ชาติภพ..
ท้ายสุดเราสองคน เห็นตรงกันไว้ก่อนว่า เราต้องศึกษาอีกมาก ๆ ๆ ๆและ มาก
เหมือน แก้ว กับ เพชร
ใครดูเผิน ๆ ก้อาจจะบอกว่า คล้ายกัน
แต่สำหรับศาสนาแต่ละศาสนา เป็นเพชร ทั้งนั้น
ต้องศึกษาหาวิธีดูเหลี่ยม ดูมุม ดูคุณค่าของเพชร...
เห็นด้วยไหมเอ่ย..แลกเปลี่ยน คคห น่ะค่ะ
อยากรู้เรื่องธรรมะ ก็ไปคุยกับพระสิครับ อยากซื้อเพชร ไปถามหาที่ร้านขายปลาจะได้ เพชร หรือ? โถ่
จาก น้องเอง
พี่เอง + น้องกวิน:
เรื่องศาสนาเปรียบเทียบแล้ว มันคิดว่า แปลให้เหมือน มันจะเหมือนได้ระดับหนึ่ง
มัทเชื่อและเห็นมาเองว่า คนที่ไม่ได้นับถือพุทธต้องปฎิบัติลึกซื้งมากเท่านั้น ถึงจะได้ไปในที่ที่พุทธชี้ไป คือ ทางเค้ามันเป็นคนละทาง แต่มันก็ไปถึง ถ้าเค้าเข้าใจในอะไรบางอย่างที่มันมากไปกว่าความสามารถของภาษาคนจะเขียนออกมาเป็นรายลักษณ์อักษรได้ เค้าต้องรู้จักมองเข้าไปข้างใน ข้อดีของคริสต์คือคนที่มีเมตตานั้นสุดแสนจะมีเมตตา มันมีพลังมากๆๆๆๆๆๆ
แต่ถ้าเอาตามพระคัมภีร์นั้น ยิ่งถ้าเชื่อตามตัวอักษรตามกฎแล้วหล่ะก้อ ไม่มีทางไปที่ที่พุทธชี้ไปได้ค่ะ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเค้าจะไม่เป็นคนดีนะคะ
แต่ไปขึ้นคนละฝั่งเท่านั้นเอง
นี่คือความเชื่อความเข้าใจส่วนตัวค่ะ คุยลงรายละเอียดได้อีกเยอะ
เช่น คริสต์บอกว่าตายแล้วไม่เกิดใหม่ พุทธนั้นถ้าอยู่เหนือโลกียะได้ บรรลุจริงๆก็ไม่ควรมีอะไรมาเกิดใหม่ น่าคิดนะคะ