เทคโนฯรุ่นฟิล์มขาวดำ


           ฟิล์ม เป็นสิ่งที่กำลังจะถูกลืม และหาซื้อยากมาก กล้องที่ใช้คู่กับฟิล์มกลายเป็นเรื่องเชย เพราะไม่มีใครใช้ ร้านถ่ายรูปแบบเก่าปิดตัวลง กล้องระบบดิจิตอลเข้ามาแทนที่ เราอยากได้ภาพแบบไหนถ่ายเสร็จดูได้เลย ไม่ต้องรอล้างอัด ภาพไหนไม่ชอบก็ลบทิ้งในเวลาไม่ถึงนาที ไม่สวยก็แต่งได้ สั่งPrint ก็ได้ภาพทันที

           ทำให้นึกถึงเมื่อครั้งเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย เอกเทคโนโลยีทางการศึกษา ใครเรียนเอกนี้สิ่งแรกที่ต้องมีคือ กล้องถ่ายรูป

           เมื่อก่อนยังไม่มีกล้องระบบดิจิตอล ต้องถ่ายภาพด้วยกล้องSLR  แบบเก่าคือแบบ Manual ที่ปรับตั้งค่าเอง ใช้มือหมุนๆ มีฝาหลังเปิดแล้วใส่ฟิล์มลงไป ใช้ฟิล์มขาวดำ ถ่าย ล้าง อัด ทำเองทุกอย่าง ภาพเสียแล้วเสียเลยต้องกลับไปถ่ายใหม่ เริ่มต้นกันใหม่ แต่จะถามว่าท้อไหม?  ก็ตอบเลยว่า ไม่ เพราะการเรียนถ่ายรูปนั้นท้าทายและสนุก ทำอย่างไรที่จะถ่ายรูปออกมาให้สวย ถูกต้องตามหัวข้อที่อาจารย์กำหนด ทำอย่างไรที่จะถ่ายออกมาไม่ให้ซ้ำกับเพื่อน เพราะถ้าถ่ายเกี่ยวกับสถานที่ ก็จะไม่พ้นสถานที่สำคัญในจังหวัดหรือจังหวัดใกล้เคียง แถมบางทียังได้มุม มุมเดียวกันด้วย และที่สำคัญที่สุดคือ. ทำอย่างไรจะถ่ายภาพนิ่งขาวดำให้ออกมาได้อารมณ์ 

           ตอนนั้นเพื่อนๆจะอุบไว้ไม่ยอมบอกว่าไปถ่ายที่ไหน เหมือนการแอบประชันขันแข่งกันในใจ ไปไหนก็มีกล้องคล้องคออยู่ตลอดเวลาเพราะในช่วงเวลาหนึ่งอาจมีภาพที่น่าถ่าย เรียกว่านาทีทองของเรา บางทีเกิดขึ้นตรงหน้าเราที่เรียกว่าภาพเหตุการณ์ (Candid) เวลานั้นกดชัตเตอร์อย่างเดียวไม่เสียดายฟิล์ม 

           สมัยนั้นรอบมหาวิทยาลัยมีแต่ทุ่งนา ในมหาวิทยาลัยมีอยู่สามตึก แต่ไม่เป็นปัญหาเราได้ภาพ       ( Lanscape ) ถ่ายวิวทิวทัศน์ ทุ่งนาที่มีเด็กขี่ควาย เด็กคนนั้นคงงงว่าอะไรเนี่ย มาถ่ายตูทำไม สักพักวิญญาณนายแบบเข้าสิง แอคท่านอนบนหลังควาย ทำท่านั้นท่านี้ให้เราถ่าย เลยได้ภาพคน (Portrait) ที่มีแววตาที่สดใสปนสนุกบนใบหน้าของเด็กชายคนนั้นแทน 

           บางวันตั้งใจถ่ายรูปประเภทนั้นประเภทนี้ ก็กลับมามือเปล่าไม่ได้อะไรเลยก็มี บางทีก็ได้ภาพซ้ำกัน ไม่รู้จะเลือกภาพไหนดี แต่อย่าได้กระหยิ่มยิ้มย่องไป เพราะรูปยังไม่ได้ล้าง

          ห้องมืดไม่พอกับจำนวนนิสิต มีห้องมืดห้องเล็ก มีแท่นอัดรูปอยู่ไม่ถึงสิบเครื่อง บางเครื่องก็ชำรุด บางทีไฟแดงในห้องมืดก็หมดอายุการใช้งาน ดับสนิท ไม่ได้อัด บางวันน้ำยาหมด ได้สนุกกันละทีนี้ ผสมเอง เปิดกระสอบ ชั่ง ตวง ผสม อย่างมือสมัครเล่น แต่ทว่ามีความมั่นใจอันเปี่ยมล้น ก็เขามีตำราส่วนผสมของน้ำยาแต่ละชนิดแปะติดไว้ที่ฝาตู้เก็บน้ำยา

          เพื่อนคนหนึ่งออกมาจากห้องมืดแล้ว หลังจากสิงสถิตถ์อยู่ในนั้น 2วัน2คืน เพราะต้องแย่งกันใช้แท่นขยาย เพื่อนๆก็ดีใจ เอาละต่อไปคิวเราได้ใช้บ้างแล้ว ขอผสมน้ำยาก่อนเถอะ.

           คนหนึ่งถือช้อนตวงขนาดยักษ์ขนาดเท่าทัพพี อีกคนตวงน้ำใส่ถังน้ำ อีกคนชั่งตวงกันอย่างมั่นใจ ว่าแล้วก็คนๆๆๆทำตามตำราทุกอย่าง เมื่อส่วนผสมได้ที่ก็จัดการเทน้ำยาแต่ละสูตรลงอ่าง 


            -น้ำยาสร้างภาพ ( Developer )
            -น้ำยาหยุดภาพ ( Stop Bath )
            -น้ำยาคงสภาพ ( Fixer )
            -อ่างน้ำสะอาดสำหรับล้างน้ำยา

            ยัง ยังอัดไม่ได้ต้องล้างฟิล์มก่อน จึงบรรจงเอามือล้วงเข้าไปในกล่องทึบแสงสำหรับโหลดฟิล์มออกจากกลักลง รีล ขั้นตอนนี้ฟิล์มจะโดนแสงไม่ได้ เจ้ารีล ที่ว่านี่เป็นม้วนกลมๆหรือวงล้อบรรจุฟิล์ม เพื่อให้ฟิล์มบรรจงเรียงตัวม้วนเป็นวงกลมเหลือช่องว่างให้น้ำยาลงไปโดนฟิล์มอย่างทั่วถึง ระหว่างที่โหลดนั้นเราต้องจินตนาการตามมือว่าฟิล์มลงช่องหรือเปล่า เพราะเรามองไม่เห็นก็กล่องทึบแสงมีแค่ช่องสองช่องให้สอดมือเข้าไปเท่านั้น เราจึงไม่สามารถมองเห็นมันได้เลยนอกจากคลำเอา. เอาละมือใหม่หัดโหลด เสร็จแล้ว เอารีลใส่กล่องรีลกลมๆที่มีฝาปิดมีช่องสำหรับเทน้ำยาใส่ 

            ได้เวลาแล้ว เทน้ำยาใส่ เขย่า จับเวลา ใจก็เต้น ว่าจะออกมาแบบไหนหว่า เมื่อครบทุกขั้นตอน ล้างน้ำ เอาผ้่าหนังชามัวร์เช็ดโดยรูดจากบนลงล่าง เปล่าหรอกเราไม่มีหรอกหนังชามัวร์ เรามีแต่ผ้าที่ดีหน่อยรูด.....สุดยอดของมือใหม่ถาพออกมาเป็นแบบ Negative แสงดีพอใช้เท่าที่ส่องดูด้วยตาเปล่า....แต่....โหลดติด โอย...เข่าอ่อน ติดตรงไหนไม่ติดมาติดตรงเด็กบนหลังควาย ตรงรอยที่ติดนั้นจะเป็นสีขาวเพราะน้ำยาเข้าไม่ถึง เนื่องจากโหลดไม่ตรงช่องทำให้ฟิล์มบางส่วนแนบติดกัน....ไม่มีคำพูดใดๆ

            ไม่เป็นไรฟิล์ม ISO100 ยังอยู่อีกสี่ม้วน ตกลงวันนั้นก็ไม่ได้อัดทั้งๆที่ห้องมืดว่าง เอาน่าสู้ๆ เหลือบไปเห็นฟิล์มที่เพื่อนผึ่งไว้ในตู้ ช่างสวยงามอะไรเช่นนี้ ไม่มีตำหนิ มันรอแห้งเพื่อพร้อมที่จะให้เจ้าของนำไปอัด แล้วเอารูปมาผึ่งให้เราอิจฉาเล่น เอาน่ะเอาใหม่

            วันนี้เพื่อนชวนไปถ่ายรูปที่สุโขทัย เรานั่งรถสองแถว ที่นั่นมีโบราณสถานให้ถ่ายมากมาย เราเริ่มถ่ายรูปกันทันที โชคดีอีกแล้ววันนี้ เข้าไปนั่งพักใต้ถุนบ้านของคุณยายท่านหนึ่ง ยายใจดีมาก ยินดีเป็นนางแบบให้ คิดว่าสมัยสาวๆยายคงสวยมากทีเดียว นี่ขนาดอายุมากแล้วยายยังคงรูปหน้าที่ได้รูป เพียงแต่มีรอยเหี่ยวย่นไปตามวัย แต่รอยยิ้มนี่สิ ยังจำได้จนถึงทุกวันนี้ ฉันถ่ายรูปยายหลายรูปหลายมุม.....สักพัก หลานชายของยายสองคนถือเสียมกับตะข้องใส่อะไรสักอย่าง ได้ความว่าจะไปขุดจิ้งกุ่งกัน จิ้งกุ่งจะตัวใหญ่กว่าจิ้งหรีด และอร่อยกว่า 

            เอาละได้อีกแล้ว ได้รูปเด็ดๆไปเยอะทีเดียว หมดฟิล์มไปหลายม้วน ขากลับแวะลาคุณยาย เจอสาวน้อยหน้าตามอมแมม อายุน่าจะประมาณ7ขวบ ขี้อายถามอะไรก็ไม่ยอมพูด เลยขอถ่ายรูป สาวน้อยก็พยายามหลบแอบ เอาหน้าแนบต้นไม้ แฝงดวงตากังวล อาจจะเป็นเพราะไม่คุ้นเคย แต่ก็ได้รูปไปพอประมาณ

            กลับเข้าห้องมืดทันที ทั้งๆที่มืดแล้ว เรื่องเวลาไม่ต้องพูดถึง เวลาไหนก็ได้ที่ห้องมืดว่าง จากบทเรียน จากฟิล์มเสีย โหลดติด ฟิล์มเป็นรอย คราวนี้ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้ว เพราะใจเราจดจ่ออยู่กับภาพที่เราถ่ายมาทั้งวัน......รูปออกมาสวยมาก(ตามสายตาของตัวเอง)พรุ่งนี้จะเอาไปให้อาจารย์ดูว่าผ่านไหม

            อาจารย์ชอบมาก รูปที่ชอบคือแม่สาวน้อยที่เอาหน้าหลบอยู่ข้างต้นไม้ด้วยสายตาคู่นั้น ทำให้ฉันผ่านแบบฝึกหัดอันนี้ นี่ยังไม่ได้เศษเสี้ยวของแบบฝึกหัดหนึ่งเล่ม เพิ่งผ่านไปหัวข้อเดียว. 

            ยังเหลือถาพที่เหมือนจะง่ายแต่ยากมาก คือ โทนสเกล ( Tonscale ). แบบฝึกหัดนี้ทำทั้งวันยังไล่สีไม่ได้ ไล่สีอะไรน่ะหรือ ในเมื่อมันเป็นภาพขาวดำ การไล่สีคือใช้เวลาในการให้แสงลงบนกระดาษอัด ในเวลาที่ไม่เท่ากันไล่เป็น10โทนสี จากขาวและเข้มไปเรื่อยๆจนเป็นสีดำ บางครั้งดูในห้องมืดคิดว่าใช้ได้ ให้อาจารย์ดูกี่ครั้งก็ยังไม่ผ่าน

            จากการเรียนถ่ายรูป เล่นเอาเราลืมดูแลตัวเอง เล็บมือโดนน้ำยาจนเป็นสีน้ำตาลเข้ม ขัดไม่ออก แต่เราก็ได้อะไรมากมายที่ได้จากฝีมือและแรงใจล้วนๆ. ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะไม่มีการถ่ายรูปแบบนี้อีกแล้ว มีระบบดิจิตอล และคอมพิวเตอร์เข้ามาแทน แต่ก็ไม่เคยลืมแบบฝึกหัดแต่ละหัวข้อของอาจารย์ การโดนหลอกผีจากเพื่อนๆในห้องมืด การโหลดฟิล์มติด ภาพเป็นรอยมือ รอยขีดข่วน น้ำยาเสื่อม นางแบบจำเป็นทั้งหลาย ขอบคุณคุณยายผู้อารี ขอโทษสาวน้อยนางแบบผู้หวาดหวั่น น้องชายบนหลังควาย ขอบคุณควายที่น่ารักไม่ไล่ขวิด และขอบพระคุณอาจารย์ผู้ให้ความรู้ มีเทคนิคการสอนที่ไม่เหมือนใคร แต่เราได้ความรู้มากมายจากท่าน.....ส่วนภาพ " โทนสเกล" ที่ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า. ฉันสำเร็จวันสุดท้าย แต่ทำครั้งเดียวเท่านั้น ไชโย!!!!

หมายเลขบันทึก: 548869เขียนเมื่อ 21 กันยายน 2013 11:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 กันยายน 2013 12:58 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

มีชีวิตการเรียนที่คล้ายกันครับ ;)...

ขอบคุณนะคะสำหรับกำลังใจค่ะ อ.หนึ่ง

ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ คุณWasawat Deemarn. ประสบการณ์ตรงจากการเรียนรู้ทำให้จดจำประทับใจจนถึงทุกวันนี้เหนื่อยแต่ก็มีความสุข

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท